เหมือนคนข้างนอกเป็นศัตรูกับเธอ เอาแต่เคาะประตูอย่างแรง ขนาดอยู่ในห้องนอน ยังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน
เหมือนวินาทีต่อมา คนข้างนอกจะพังประตูเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น
มายมิ้นท์สลัดผ้าห่มออก ด้วยความหงุดหงิด จากนั้นเธอจึงจัดผมลวกๆ สวมรองเท้า แล้วเดินออกจากห้องนอน เธอกำลังจะออกไปเปิดประตู ดูว่าใครที่ทำนิสัยอันธพาลเช่นนี้
แต่ก่อนที่เธอจะออกไปเปิดประตู เธอเข้าไปหยิบมีดปลายแหลมในห้องครัว และเดินออกมา
เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าประตู ได้ยินเสียงคุยดังมาจากข้างนอก
“แม่ หยุดเดี๋ยวนี้!” ปีโป้จับมือพิศมัยที่กำลังกระแทกประตู เขาพูดห้ามอย่างปวดหัว
พิศมัยมองเขาอย่างโมโห “แกมาดึงฉันทำไม ปล่อยนะ วันนี้ฉันต้องสั่งสอนนังผู้หญิงชั่วนี่ให้ได้”
“นี่เป็นเรื่องของพี่สะ……ไม่ใช่สิ เรื่องของมายมิ้นท์กับพี่ส้มเปรี้ยว แม่เข้าไปยุ่งทำไม” ปีโป้ชักสีหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขา และเอ่ยขึ้น
พิศมัยส่งเสียงหึ “ฉันจะไม่ยุ่งได้ไง ในอนาคตพี่ส้มเปรี้ยวของแกจะมาเป็นภรรยาของลูกชายฉัน ภรรยาของลูกชายฉันโดนกลั่นแกล้ง คนเป็นแม่ผัวอย่างฉัน จะไม่ช่วยได้ยังไง”
พูดจบ เธอก็สลัดแขนปีโป้ และกระแทกประตูต่อ เธอกระแทกประตู พลางพูดอย่างโอหัง “มายมิ้นท์ นังผู้หญิงชั่ว กลั่นแกล้งส้มเปรี้ยว ไม่กล้าออกมาเจอฉันหรือไง รีบเปิดประตู ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน รีบเปิด……”
เธอยังไม่ทันได้พูดคำว่าประตู ประตูตรงหน้าพิศมัย ก็ถูกเปิดออก
มือที่เคาะประตูชะงักอยู่กลางอากาศ เธอสูญเสียการทรงตัว และล้มลงไปข้างหน้า
มายมิ้นท์เห็นว่าคนตัวใหญ่อย่างพิศมัย กำลังจะล้มลงมาโดนเธอ แววตาของเธอฉายแววร้ายกาจ เธอรีบปล่อยมือจากประตู และถอยไปข้างหลัง
ตุ๊บ!
ร่างอ้วนของพิศมัยล้มลงบนพื้น ตรงหน้าของมายมิ้นท์พอดี เธอร้องโอดโอยออกมา
ภาพตรงหน้า ทำให้ปีโป้ที่ยืนอยู่ข้างนอก ถึงกับอึ้งไป
มีเพียงมายมิ้นท์ที่ก้มหน้ามองพิศมัยบนพื้น เธอยกยิ้มมุมปาก “โอ๊ะ เปิดประตูก็มีของชิ้นใหญ่ขนาดนี้มาให้ฉัน ฉันปลื้มใจจนทำตัวไม่ถูกเลย คุณนายตระกูลนวบดินทร์ เกรงใจกันเกินไปแล้ว มาค่ะๆ รีบลุกขึ้นมา!”
พูดพลาง เธอก็แสร้งทำเป็นเอื้อมมือไปประคองพิศมัย
“หลีกไป! ใครใช้ให้แกมาประคอง!” พิศมัยโกรธจนตาแดงก่ำ เธอปัดมือมายมิ้นท์ ด้วยท่าทีรังเกียจ
เธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะอับอาย ต่อหน้านังผู้หญิงคนนี้
มายมิ้นท์ไม่ได้โกรธ เธอลุกขึ้นและยิ้ม “งั้นคุณนายตระกูลนวบดินทร์ ลุกขึ้นมาเองก็แล้วกัน”
พิศมัยส่งเสียงหึ เธอเอามือทั้งสองข้างค้ำกับพื้น เพื่อที่จะลุกขึ้นยืน
แต่เพราะรูปร่างที่อ้วน ทำอยู่นานก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
มายมิ้นท์ขำพรวด
พิศมัยกัดฟันมองเธอ “แกขำอะไร”
“ไม่มีอะไรค่ะ” มายมิ้นท์โบกมือไปมา “ฉันแค่นึกถึงคางคกที่เห็นในทีวีเมื่อคืน มันตกลงมาจากที่สูง แล้วก็พลิกตัว แต่เพราะตัวมันอ้วนเกินไป พลิกตัวยังไงก็ไม่ได้ มันตลกมาก เลยขำออกมาค่ะ”
“แก……แกกล้าว่าฉันเป็นคางคกเหรอ” พิศมัยชี้มายมิ้นท์ เธอสั่นไปทั้งตัว
มายมิ้นท์โบกมือพัลวัน เธอพูดด้วยหน้าตาใสซื่อ “ไม่ใช่นะคะ ฉันว่าคางคก ไม่ได้ว่าคุณนายตระกูลนวบดินทร์ สักหน่อย ทำไมคุณนายต้องคิดว่าตัวเองเป็นคางคกล่ะ หรือคุณนายคิดว่าตัวเองเป็นคางคก”
เธอยิ้มใส่พิศมัย
พิศมัยโกรธจนพูดอะไรไม่ออก เธอจนปัญญา
ขืนพูดออกไป ก็เท่ากับเธอยอมรับว่าตัวเองเป็นคางคก
พิศมัยไม่สนใจมายมิ้นท์ เธอหันไปมองข้างนอก เห็นลูกชายตัวเองยืนอึ้งอยู่ ไม่รู้จักมาปกป้องแม่ของตัวเอง พิศมัยโกรธมาก “ยังไม่รีบมาประคองฉันอีก!”
“อ้อๆ” ปีโป้ตั้งสติได้ เขาเดินเข้ามาและใช้แรงประคองแม่ของตัวเองขึ้นมา
“คนหนุ่ม แรงเยอะดีนี่” มายมิ้นท์เอ่ยชม
ปีโป้รู้สึกได้ใจเล็กๆ เขาพูดออกมาว่า “หึ ไม่ต้องมาพูด ผมเป็นผู้ชายนะ!”
จะไม่ให้แรงเยอะได้ไงล่ะ
มายมิ้นท์มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาหยุดลงตรงหว่างขาของครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหน้า “มองไม่ออก!”
“เธอ……เธอหน้าไม่อาย!” เมื่อปีโป้รู้สึกว่าเธอมองตรงนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของเด็กหนุ่ม แดงขึ้นมาทันที เขารีบหุบขาตามสัญชาตญาณ และชี้ไปที่เธอ เขาทั้งโกรธและอาย
พิศมัยโกรธมาก เธอง้างมือขึ้นมาตบ “นังผู้หญิงชั่ว ไปยั่วผู้ชายคนอื่นยังไม่เท่าไร กล้ามายั่วลูกชายฉันเหรอ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแก”
“เฮ้ย ระวัง!” ปีโป้ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่ขนาดนี้ เขาตกใจและไม่สนใจความอาย รีบบอกให้มายมิ้นท์หลบ
มายมิ้นท์มองเขาด้วยสายตาประหลาด โดยเฉพาะความกังวลบนใบหน้าเขา ทำให้เธอคาดไม่ถึง
แต่ไม่นานเธอก็หัวเราะ
ดูเหมือนว่าครั้งก่อน ไม่เสียแรงที่ช่วยไอ้หมอนี่ ยังรู้จักเตือนเธอ ไม่ใช่คนทรยศนี่
มายมิ้นท์ไม่ได้หลบตามที่ปีโป้เตือน แต่เธอกลับง้างมือซ้ายขึ้น และเอามีดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา เธอหันหลังมีดเข้ามาที่ใบหน้าด้านซ้าย
ส่วนด้านคมของมีดหันออกทางด้านนอก ความแหลมคมของมีดน่ากลัวมาก
พิศมัยเห็นเช่นนั้น ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ขณะที่มือของเธอห่างจากมีดประมาณ 2 เซนติเมตร เธอรีบชะงักมือทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มือตัวเองโดนมีดบาด
“เธอ……เธอพกมีดเหรอ!” ปีโป้อ้าปากอย่างเหลือเชื่อ
พิศมัยมองความคมของมีด เธอยังกลัวไม่หาย
มายมิ้นท์เอามีดลง และใช้เล็บสัมผัสด้านคมของมีด เธอยิ้มบางๆ “พวกคุณทำประตูเกือบพัง ฉันนึกว่าจะเข้ามาปล้น เอามีดมาป้องกันตัว เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง”
ปีโป้พึมพำออกมา
มายมิ้นท์ไม่มองเขาอีก เธอละสายตาไปมองพิศมัย ที่ยังคงกลัวไม่หาย “ฉันเพิ่งได้ยินพวกคุณพูด มาหาฉัน เพราะฉันทำร้ายส้มเปรี้ยวงั้นเหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น พิศมัยเก็บความกลัวเอาไว้ และพูดด้วยสีหน้าร้ายกาจ “ก็ใช่น่ะสิ แกให้พวกผู้ชายจิตใจหยาบช้า ลักพาตัวส้มเปรี้ยว ทำร้ายเธอจนเข้าโรงพยาบาล แก……”
“คุณมีหลักฐานหรือเปล่า” มายมิ้นท์พูดตัดบทด้วยสีหน้าเฉยชา
เป็นไปตามที่เธอเดาไว้เมื่อคืน
พวกเขาคิดว่าเธอให้คนไปลักพาตัวส้มเปรี้ยว
“ส้มเปรี้ยวบอกฉันเอง จำเป็นต้องมีหลักฐานเหรอ” พิศมัยกอดอก แล้วแสยะยิ้ม
มายมิ้นท์มองเธอด้วยสายตาราบเรียบ “แน่นอนสิ ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็เท่ากับใส่ความ ฉันแจ้งตำรวจได้นะ”
“งั้นแกก็แจ้งสิ” พิศมัยกลอกตามองบนอย่างไม่พอใจ
มายมิ้นท์มองเธออย่างแน่วแน่ ครู่หนึ่ง เธอหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“แกจะแจ้งตำรวจจริงเหรอ” พิศมัยหน้าเปลี่ยนสี
เธอเข้าใจว่ามายมิ้นท์ต้องการจะขู่เธอ คิดไม่ถึงว่าจะทำจริง
มายมิ้นท์มองพิศมัยเหมือนมองคนโง่ “คุณคิดว่าฉันล้อคุณเล่นเหรอ”
ขณะที่พูดอยู่ ก็มีคนรับสาย มายมิ้นท์เอามือถือแนบหู “ฮัลโหล สถานีตำรวจใช่ไหม ฉันจะแจ้งความ ที่นี่มีคน……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ พิศมัยก็รีบแย่งมือถือของเธอมา และปาลงพื้น
เสียงมือถือถูกปาลงพื้น จนแตกกระจาย
พิศมัยหัวเราะอย่างได้ใจ “ดูสิว่าตอนนี้แกจะแจ้งตำรวจยังไง”
มายมิ้นท์จ้องมือถือบนพื้น หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณคิดว่าปามือถือฉันทิ้ง ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เหรอ คุณไม่รู้ตัวเหรอว่าอยู่ที่ไหน”
ที่นี่คือคอนโดพราวฟ้าเชียวนะ เป็นที่พักอาศัยมีชื่อเสียงสุดหรูในเมืองเดอะซี ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่อยู่ในอันดับต้นๆ ทุกที่มีสัญญาณเตือนภัย บนตู้รองเท้าของเธอก็มี
มายมิ้นท์ยกมือขึ้นกดสัญญาณเตือนภัย จู่ๆ สัญญาณเตือนภัยก็ดังทั้งตึก
“เกิดอะไรขึ้น” พิศมัยตกใจจนสะดุ้งโหยง เธอจ้องมายมิ้นท์อย่างเคียดแค้น “แกทำอะไร”