เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ – ตอนที่ 67 เสาะหาจุดจบ

ตอนที่ 67 : เสาะหาจุดจบ

 

สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในจุดวิกฤตแล้ว!

 

ทนายหวี่รีบไปเรียกเฉียนเหยากวงที่อยู่ชั้นบนลงมา

 

ขาของเฉียนเหยากวงในตอนนี้เรียกได้ว่าชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจและรีบเดินลงไปหาเจียงเฉินทันทีก่อนจะถามด้วยความเคารพว่า

“บอสเจียง ผมคุกเข่าไปทั้งหมด 27 นาทีแล้ว ผมยังต้องคุกเข่าอีก 93 นาทีใช่ไหมครับ”

 

“อืม”

 

เจียงเฉินพยักหน้า

 

ทุกคนที่ได้ยินก็ตกตะลึง! ข่าวใหญ่

 

อะไรกัน! บอสเจียง?

 

สามีของเล้งเซี่ยเขาสามารถสั่งให้ผู้จัดการเฉียนคุกเข้าให้เขาได้

 

เขาคือคนที่ควบคุมบาร์เทียนเฉินอยู่เบื้องหลังงั้นหรอ?!

 

เจิ้งฮัวหยินยิ้มอย่างดูถูกออกมา “ผู้จัดการฉเฉียน นี่ฉันได้ยินถูกแล้วใช่ไหม เขาคือเจ้าของคนใหม่งั้นสินะ?”

 

เฉียนเหยากวงก็ตอบกลับเขาอย่างเหยืดหยาม “ใช่ ได้ยินจากทนายหวี่มาว่านายต้องการบางอย่างจากฉันงั้นหรอ?”

 

“ใช่ ฉันอยากจะให้นายไปบอกอะไรบอสนายหน่อยถ้านายมีบอสอ่ะนะ”

 

เจิ้งฮัวหยินนั่งลงบนโซฟาก่อนจะยกข้างขึ้นมา

 

“นายคือเจ้าของบาร์สินะ? ตอนแรกก็คิดว่าใครซะอีกปรากฏว่าเป็นเด็กหัวทองนี่เอง! ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันได้ไปคุยกับพี่ซานนุ่ยที่ออฟฟิศมาแล้วและจากสถานการณ์ในคืนนี้ ถ้าฉันให้เขามาที่นี่ล่ะก็ พวกนายก็อาจจะต้องปิดปรับปรุงอย่างเลี่ยงไม่ได้” 

 

ทุกคนหันมองหน้ากัน!

 

เจิ้งฮัวหยินทําได้แม้กระทั่งสั่งการตํารวจเลยหรอเนี่ย!

 

หลิวเลี้ยว หรือที่รู้จักกันในชื่อพี่ซานนุ่ย เป็นพี่ใหญ่ ในวงการตํารวจหลายๆคนต่างก็ได้ยินมาว่าอํานาจของเขานั้น ยากที่จะหาคนมาเทียบได้!

 

แล้วถ้าเขามาที่นี่ก็คงต้องบอกเลยว่าบาร์เทียนฉ่คงหมดโอกาศเปิดต่อแล้ว!

 

เฉียนเหยากวงที่ได้ยินก็ออกอาการกังวลทันที “เจิ้งฮัวหยิน นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!”

 

เจิ้งฮัวหยินสูบบุหรี่ก่อนจะพูดเยาะเย้ยออกมา “จะทําอะไรที่เป็นแค่สุนัขแท้แต่กลับรีบออกตัวขนาดนี้เลยหรอ? ไม่เห็นไงว่าเจ้านายแกยังไม่รีบเลยใช่ไหม?”

 

เฉีบยเหยากวงหน้าแดงและพูดไม่ออก

 

เจียงเฉินยิ้มออกมา “งั้นมาคุยกันเถอะ นายต้องการอะไร?”

 

“ยังไม่จบอีกหรอ?”

 

เห็นว่าแผนของตัวเองนั้นเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว เจิ้งฮัวหยินก็ยิ้มออกมาอย่างมีชัย “โอนหุ้นบาร์นี้มาให้ฉัน 35% แล้วฉันจะปล่อยนายไป”

 

เหล่าคนที่คอยจับตามองอยู่ถึงกับพูดไม่ออก

 

“หุ้น 35% มันจะมากไปแล้ว ฉันได้ยินว่าบาร์เทียนคู่นั้นมีมูลค่า เกือบ 1 พันล้านแต่นี่เขาต้องการหุ้น 35% มูลค่ามันก็เกือบ 350 ล้าน!”

 

“โอ้พระเจ้า! ถ้าเป็นฉันต่อให้ตายยังไงก็ไม่ให้เด็ดขาด!”

 

“แต่ถ้าบาร์ถูกสั่งปิด นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องขาดทุนมากกว่านี้หรอ!”

 

เล้งเสียวหยานมองเจียงเฉินอย่างกังวล และการแสดงออกของเฉียนเหยากวงยิ่งแย่ลงไปอีกพร้อมกับเส้นเลือดที่ปุดโปนออกมา

 

สถานการณ์ที่กําลังใกล้เข้ามานี้

 

ใบหน้าของเจียงเฉินในเวลานี้ก็ยังนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แทนที่เขาจะกังวลแต่เขากลับเทเหล้าลงในแก้วก่อนจะเอาขึ้นมาดื่มแล้วพูดเบาๆว่า

 

“งั้นนายก็เรียกพี่ซานฉัยของนายมาสิ”

 

“อะไรนะ?”

 

เจิ้งฮัวหยินเบิกตากว้างก่อนจะพูดออกมาด้วยความคิดไม่ถึง “ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม? นายบอกให้เรียกเขามาเนี่ยนะ ไม่รู้ไงว่านายกําลังจะให้ฉันเรียกใครมา?”

 

หลงเส้าขมวดคิ้วของเธอ “หนุ่มน้อย แกฟังไม่เข้าใจรียังไง! การที่แกบิดประตูปฏิเสธแบบนี้มันทําให้แกเสียเงินนับพันล้านเสียหุ้น แค่ 35% อย่างน้อยแกก็ยังเปิดร้านต่อไปได้ไม่ใช่รึไง?”

 

เจียงเฉินตอบกลับแบบเรียบๆ “พอดีว่าผมยอมเสียเงินพันล้านดี กว่าเสียให้ใครบางคนแถวนี้นะ”

 

คนที่กําลังดูอยู่ต่างส่ายหัวพวกเขาทันทีที่ได้ยินเจียงเฉินตอบกลับมา

 

“โอ้ย ความคิดของเขามันจะเด็กไปแล้ว!”

 

“ดูเหมือนว่าในอนาคตพวกเราคงไม่ได้มาบาร์นี้อีกแล้ว”

 

เจิ้งฮัวหยินเยาะเย้ย “ได้ งั้นฉันจะให้เขามาที่นี่ บาร์เทียนอู่ก็รอโดนปิดได้เลย แต่ยังไงก็ตามบาร์กาแล็กซี่แห่งนี้จะกลายเป็นบาร์อันดับหนึ่งแทนอยู่ดี และที่สําคัญฉันก็ไม่ต้องเสียเงินด้วย!”

 

หลังจากพูดจบเขาก็โทรศัพท์ทันทีและด้วยการที่เรื่องนี้มีการวางแผนกันมาก่อนแล้ว

เพียงแค่สามนาทีต่อมาหลิวเมียวก็พาตํารวจสิบคนเข้ามาในพื้นที่ทันที!

 

เมื่อเจิ้งฮัวหยินเห็นเขา เขาก็รีบเข้าไปจับมือทักทายอีกฝ่ายทันที “พี่ซานนุ่ย พี่มาถึงแล้ว วันนี้พี่ต้องให้ความยุติธรรมกับผม ผมแค่พาพี่น้องมาดื่มก็แค่นั้น แต่พวกเขาตีคนของผมเหมือนกับว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คน!”

 

“ดูได้เลย ดูสิ”

 

จิตวิญญาณการแสดงของเจิ้งฮัวหยินถูกใช้ออกมาถึงขีดสุดในขณะที่เขาเอามือของตัวเองชี้ไปบนพื้น

 

หลิวเมียวก็เอามือมาตบที่อกและพูดว่า “น้องฮั่วหยิน ไม่ต้องกังวลฉันจะให้ความยุติธรรมแก่นายเอง”

 

เมื่อทุกคนได้ยินก็ต้องส่ายหน้าออกมา

 

“มันจบแล้ว บาร์เทียนฉ่จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว”

 

“คิดไม่ถึงเลยว่าฮุยหยินกับซานนุ่ยจะสนิทกันแบบนี้ สนิทกันจนเรียกพี่น้องกันเลย”

 

“น่าเสียดายจริงๆที่บาร์ดีๆแบบนี้ต้องถูกทําลายโดยน้ำมือของเจ้าของใหม่”

 

เจิ้งฮัวหยินที่ได้ฟังก็เผยสีหน้าไม่ชอบใจออกมา

 

สําหรับเขาผลประโยชน์จากการปิดบาร์เทียนบู่ได้นั้นไม่ได้ด้อย ไปกว่าหุ้น 35% เลยเพราะถึงเขาได้มันมาแต่เขาก็จะต้องแบ่ง 20% จากทั้งหมดที่ได้ไปให้หลงเส้าและมนุษย์ตะขาบอยู่ดี

 

แต่สิ่งที่สําคัญกว่านั้นก็คือบาร์กาแล็กซี่ที่เป็นบาร์ของเขานั้นจะถูกยกระดับกลายเป็นบาร์อันดับหนึ่งในวงการ!

 

และในตอนนี้เองใบหน้าของหลิวเดี๋ยวก็แข็งที่อใบหน้าที่เขากําลังเผชิญหน้าอยู่กลับกลายเป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคย!

 

เขาก้าวเดินออกมาข้างหน้าทันที ก่อนจะจับมือของเจียงเฉินอย่างตื่นเต้น “เจ้าหน้าที่เจียง ทําไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

 

เจียงเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา “หลิวเยี่ยว นายนี่เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอํานาจเยอะจริงๆนะ!”

 

“ไม่นะครับเจ้าหน้าที่เจียง! มันต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ!”

 

ใจของหลิวเสี้ยวในตอนนี้แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เขาไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะต้องมาพบกับเจ้าหน้าที่ตํารวจจากกองอาชญากรรมเหลียงเฉิงที่นี่ แถมยังมีตําแหน่งสูงกว่าเขาตั้งสามขั้น!

 

เขาเป็นคนที่พร้อมจะถลุ่มคนอื่นๆจนเละได้ตลอดเวลา!

 

ผู้คนที่อยู่ในบาร์ต่างได้ยินสิ่งที่ทั้งคู่พูดคุยกันทั้งหมดและมันทําให้พวกเขาตกอยู่ภายใต้ความเงียบ!

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเจิ้งฮัวหยินค่อยๆแข็งค้าง

 

หลิวเยี่ยวเปลี่ยนโทนเสียงและหันไปพูดกับเจิ้งฮัวหยินทันที “เจิ้งฮัวหยิน แกเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด แกแล้วก็แกตามฉันไปที่ห้องทํางานของฉันเดี๋ยวนี้!”

 

หลิวเสี้ยวชี้ไปที่หลงเส้าและมนุษย์ตะขาบโดยไร้ความปรานี

 

คนที่อยู่ในนี้ต่างเงียบกันจนหมด!

 

ใบหน้าของหลงเส้าและมนุษย์ตะขาบก็หมองคล้ำลงทันที 

คาดไม่ถึงว่าเจ้าของบาร์คนใหม่นั้นมีดีถึงขั้นทําให้หลิวเยี่ยวยังต้องเคารพได้

 

แถมยังยังเรียกเขาว่าเจ้าหน้าที่เจียง!

 

ถ้ามันเป็นแบบนี้ งั้นก็หมายความว่ายศของเขายังสูงกว่าหลิวเมี่ยวอีกด้วยซ้ํา!

ถ้าคิดดีๆแล้ว สถานะของเจียงเฉินนั้นควรจะสูงมากสูงจนน่ากลัว!

 

ในเวลานี้เอง ลูกน้องของมนุษย์ตะขาบต่างพากันวิ่งหนีอย่างกับนกแตกรัง

 

ตํารวจที่มาด้วยต่างพากันเข้าไปจับมนุษย์ตะขาบหลงเส้าและเจิ้งฮัวหยินพร้อมกับอันธพาลอีกหลายคน

 

และเนื่องจากตํารวจที่มาในครั้งนี้มีน้อยเกินไป จึงทําให้พวกเขาจับได้เพียงแค่เท่านี้

 

ในเวลาต่อมา หลิวเดี๋ยวก็เดินกลับไปหาเจียงเฉินทันที “เจ้าหน้าที่เจียง คุณพอใจรึยังครับ?”

 

“อืม นายเอาตัวพวกมันไปได้แล้ว”

 

เจียงเฉินโบกมือ สถานการณ์ของบาร์เปลี่ยนจากหน้า มือเป็นหลังมือทันที

 

เหล่าแขกที่พ้นมือจากพวกอันธพาลแล้วต่างก็ส่งเสียงเชียร์

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าของบาร์คนใหม่สุดยอดไปเลย!”

 

“คิดไม่ถึงจริงๆ กลายเป็นว่าเขาเป็นตํารวจเจิ้งฮัวหยางคนนี้เตะ ปืนเข้าให้แล้ว!”

 

“คิดจะสู้กับใครไม่สู้มาสู้กับตํารวจ ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

หลิวเลี้ยวในตอนนี้กําลังพาเจิ้งฮัวหยินออกไปจากพื้นที่ก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างใน เจิ้งฮัวหยินรู้สึกอับอายมาก เขามองไปทางเจียงเฉินก่อนจะพูดออกมา

 

“บอสเจียงวันนี้แกกล้าทํากับฉันอย่างนี้นั้นสินะ? วันนี้ฉันแค่มาสร้างความปั่นปวน แต่อีกไม่นานหรอก!”

 

เจียงเฉินยิ้มออกมา “รู้ไหมแม้แต่ฉันในตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่านานจะติดคุกนานขนาดไหน”

 

ในเวลานี้เองโทรศัพท์ของเจียงเฉินก็ดังขึ้นและคนที่โทรมาก็คือหลี่หมิงอุ้ยนั่นเอง

 

รับสาย

 

“พี่เฉิน งานที่พี่ให้ผมทําก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วบาร์กาแล็กซี่ นั้นเป็นบาร์ระดับสามดาวผมลองไปสํารวจดูและรู้ไหมผมเจอหลักฐานเอาผิดเยอะมากเลย ผมเลยทําตามที่พี่บอกใช้ตําแหน่งตํารวจอาชญากรรมของพี่ส่งคนไปที่นั่น ตอนนี้ที่นั่นคงกําลังโดนปิดอยู่แน่ๆ!”

 

หลังจากพูดจบเจียงเฉินก็วางสาย เจียงเฉินนั้นก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่งานเสร็จเร็วขนาดนี้ “รู้ไหมบ้านนายกําลังไฟลุกแล้วนะ ถ้ามีเวลาก็กลับไปดูหน่อยเถอะ”

 

เจิ้งฮัวหยินยิ้ม “บ้านของฉันเป็นวิลล่าแถมระบบป้องกันเพลิงยังอยู่ในระดับดีเยี่ยม มันจะไปไหม้ได้ยังไง?”

 

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเจิ้งฮัวหยินก็ดังขึ้น

 

เป็นพ่อของเจิ้งฮัวหยินที่โทรมา

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset