แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 990 ผู้ลอบโจมตีที่เหนือความคาดหมาย

สองนาทีก่อน ในร้านค้าแห่งนั้น

ประกายอาวุธ กำลังฟาดฟันลงบนหัวอวี๋ซือหราน…

สายตาของซอมบี้โลลิยังคงจ้องไปข้างหน้า เธอหันซ้ายหันขวาเล็กน้อย เคลื่อนไหวอย่างเบามือเบาเท้า…แต่ในเสี้ยววินาทีที่ประกายอาวุธเส้นนั้นใกล้ถึงหัวของเธอ โลลิน้อยตัวนี้ที่ดูเหมือนกำลังระมัดระวัง และเพ่งสมาธิไปเบื้องหน้ากลับกระดกมุมปากเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวา อวี๋ซือหรานที่ดูเหมือนไร้การเตรียมตัวกลับเบี่ยงตัวหันข้าง เอนตัวไปข้างหลัง และยกเท้าเตะขึ้นข้างบนด้านหลัง

เธอตัวเล็กกระจิดริด แต่ปลายเท้ากลับตวัดได้สูงไม่เบา

ขณะเดียวกันเธอร้องออกมาเบาๆ “อะฮ่า!”

ประกายวุธพลันพลาดเป้า…ไม่นาน ก็มีเสียงคนร้องครวญคราง และร่วงหล่นลงมาจากข้างบน

หลังตกถึงพื้น เงาร่างนั้นอดทนต่อความเจ็บรีบกระโจนไปหาอาวุธที่หล่นอยู่ไม่ไกล แต่ขณะที่ยื่นมือออกไปหมายจะหยิบมัน กลับต้องมองดูอวี๋ซือหรานหยิบมันไปต่อหน้าต่อตา

มันเป็นกริชที่ไม่ได้ยาวมากนัก น้ำหนักเบา แต่คมมีดกลับคมกริบ ซ้ำยังมีร่องรอยถูกลับมาอย่างดี

เพียงแต่ว่าอาวุธประเภทนี้หากใช้ต่อกรกับมนุษย์นั้นยังได้ผล แต่สำหรับซอมบี้กลับไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด…

อวี๋ซือหรานโยนมีดขึ้นลงสองสามที จากนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

เวลานี้ดวงตาของเธอ กลับกลายเป็นสีดำแล้ว…

คนที่ลอบโจมตีเธอกำลังใช้มือกุมแขนอีกข้างไว้ จดจ้องเธอด้วยสายตาเคียดแค้นระคนหวาดกลัว

เห็นโลลิน้อยถือกริชมองมาทางตัวเอง คนคนนั้นกัดเม้มริมฝีปากทันที อีกฝ่ายหดตัวถอยหลังไปพลาง ตะโกนลั่นไปพลาง “ฉันไม่ได้ตั้งใจ…ถ้าเธอจะฆ่าฉันก็ฆ่าเลย…”

ซ่อนตัวอยู่บนเพดานหลังบานประตู แล้วยังจ้องหาจังหวะลอบโจมตี…พฤติกรรมอย่างนี้จะบอกว่าเกิดจากความไม่ตั้งใจงั้นหรอ?

อวี๋ซือหรานคิด แต่ปากกลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา…เธออึ้งค้างไปแล้ว

“นี่มัน…อะไรกันเนี่ย?”

นี่เป็นเหตุการณ์ที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน!

ไอ้ที่เข้าๆ ออกๆ ก็มีแต่ผู้ใหญ่ แต่ทำไมคนที่ถูกมอบหมายให้รอซุ่มโจมตีเธออยู่ที่นี่ กลับเป็นเด็กผู้หญิง!

อีกอย่างดูแล้ว พวกเธอก็น่าจะอายุไล่เรี่ยกันซะด้วย…

ต่างจากอวี๋ซือหรานที่รูปร่างหน้าตานารัก แต่งกายสะอาดสะอ้าน เด็กหญิงคนนั้นเหมือนผู้รอดชีวิตทั่วไปมากกว่า เธอรวบหางม้า ดวงหน้าเลอะคราบฝุ่น มองแวบแรกยังดูเหมือนเด็กขาดสารอาหารอีกด้วย

“เธอ…” อวี๋ซือหรานยังคงช็อกไม่หาย คำพูดที่คิดไว้ก็ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้แล้ว เดิมทีเธอหมายจะพูดดูถูกอีกฝ่ายซักหน่อย…แต่หลังจากเห็นว่าผู้ลอบโจมตีเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอพลันรู้สึกหมดความสนใจขึ้นมาทันที…

“โว้ยยย!” ปรากฏว่าพอได้ยินเธออ้าปาก เด็กสาวที่เมื่อกี้ยังมีท่าทีต่อให้ตายก็ไม่ยอมก้มหัวพลันร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที “ไม่นะ! ไม่เอา…” เธอดูเหมือนหวาดกลัวมาก ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่

“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ…” อวี๋ซือหรานงุนงง ทำไมเธอต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาด้วยล่ะ!

“อย่าฆ่าฉัน…ฉันเองก็ถูกบังคับมาเหมือนกัน…เป็นพวกเขา…” เด็กสาวตัวน้อยอธิบายด้วยดวงตาแดงก่ำ

อวี๋ซือหรานได้สติทันที “ใช่แล้ว! สองคนนั้นล่ะ?”

เธอไม่ได้เข้ามาเพื่อหาเด็กสาวคนนี้…ท่าทางที่ชายคนนั้นทอดมองออกไปไกลก่อนจะหายตัวไป สร้างความไม่สบายใจให้กัวอวี๋ซือหรานเป็นอย่างมาก และอีกคนที่เดินเข้ามาในนี้ ก็ทำให้อวี๋ซือหรานตะขิดตะขวงใจเช่นกัน…ทำไมพวกเขาต้องมาที่นี่? เวลาอย่างนี้ พวกเขาควรเริ่มเคลื่อนไหวได้แล้วไม่ใช่หรอ? น่าเสียดายที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะคิดให้กระจ่างได้ด้วยตัวเอง ขณะที่เฮยซือซึ่งสามารถไขข้อข้องใจนี้ได้กลับอยู่ในห้วงหลับไล

คงต้องลุยเดี่ยวซะแล้ว!

แต่ตั้งแต่ที่เริ่มอยู่กับป้านเยว่ เธอก็ไม่ค่อยได้เจอเหตุการณ์อย่างนี้บ่อยนัก…

ปกติเวลาที่ถูกเฮยซือกับหลิงม่อแทรกแซงหรือออกคำสั่งต่างๆ นานา เธอมักรู้สึกรำคาญ แต่ตอนพอเหลือตัวคนเดียว โลลิน้อยกลับรู้สึกโดดเดี่ยว…

“อยู่…อยู่ข้างล่าง” เด็กน้อยหยุดสั่น แล้วตอบอย่างหวาดหวั่น

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าพวกเขาให้เธอขึ้นมาขวางฉัน?” อวี๋ซือหรานครุ่นคิด แล้วถาม ฟังจากที่เด็กสาวพูดเมื่อกี้ น่าจะเป็นอย่างนี้ไม่ผิดแน่…

“อื่ม…” เด็กสาวพยักนห้า

“ตามคาด พวกนั้นรู้ตัวซะแล้ว…”

แต่ว่า…อีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าเธอตามมา? เธอระวังตัวมากแล้วนี่นา!

โธ่ เป็นปัญหาที่ยากเกินไปแล้ว…ถ้าเฮยซือหรือหลิงม่ออยู่ก็คงดี…หรืออย่างน้อยมีเสี่ยวป๋ายอยู่ก็ยังดี…

“เฮอะ ฉันอยู่คนเดียวก็เอาตัวรอดได้! ไม่อยู่ก็ไม่เห็นเป็นไร!”

…เห็นอวี๋ซือหรานพึมพำๆ อยู่ก็กระฟัดกระเฟียดขึ้นมา เด็กสาวที่เพิ่งผ่อนลมหายใจก็พลันสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง รีบบอกว่า “ฉันพาเธอไปได้นะ!” ทว่าหลังจากพูดจบ เธอก็รู้สึกเสียใจ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว พึมพำเสียงเบา “ถ้าพวกนั้นรู้ ฉันต้องถูกตีตายแน่ๆ…”

“ลุกขึ้นมานำทาง ไม่งั้นฉันนี่แหละจะตีเธอตายก่อน” อวี๋ซือหรานกวักมือเรียก เพิ่งสิ้นเสียงพูด เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ รีบใช้มือข้างหนึ่งเท้าสะเอว จากนั้นก็ถาม “คือว่า…ทำไมพวกนั้นต้องตีเธอด้วย?”

“พะ…พวกนั้นบอกว่าฉันไม่มีประโยชน์” เด็กสาวลุกขึ้นยืนอย่างยากเย็น แขนขวาของเธอได้รับบาดเจ็บ ทำได้เพียงใช้แขนซ้ายช่วยยัน ทว่าจนถึงตอนนี้อวี๋ซือหรานก็ยังไม่คิดจะทำอะไรเธอ เท่านี้ก็ทำให้เด็กสาวประหลาดใจระคนดีใจมากแล้ว ถึงแม้เมื่อกี้เพิ่งจะถูกเธอพูดขู่ไป แต่สีหน้าของเธอกลับดูดีกว่าเมื่อกี้มากแล้ว อาการตัวสั่นก็ลดลงมากเช่นกัน

เพียงแต่พอพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไร้ประโยชน์ แววตาของเด็กสาวพลันหม่นหมอง และดูเหมือนเธอจะหวนนึกถึงความทรงจำเลวร้ายมากมาย จึงหดตัวห่อไหล่อย่างไม่รู้ตัว

“อย่างนี้เอง…” อวี๋ซือหรานครุ่นคิด จากนั้นก็โบกมือไปมา “บางครั้งฉันก็ถูกตีเหมือนกัน มีคำหนึ่งว่าไว้ดี กล้กลืนความอัปยศเพื่อความสำเร็จของภารกิจที่ยิ่งใหญ่ วันนี้เขาตีก้นฉัน พรุ่งนี้ฉันจะกัดก้นเขาให้แหว่ง เหอะ!” แต่หลังพูดจบ เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองพูดมากไป จึงได้แต่ลอบเถียงกับตัวเองในใจ…เป็นเพราะเฮยซือทั้งนั้น! ชอบพูดมากตลอดเวลา อยู่ๆ มาเงียบเอาดื้อๆ แบบนี้! มันเป็นผลข้างเคียงหลังจากที่เธอถูกรังควานมาอย่างหนักต่างหาก!

“หา?” เห็นชัดว่าเด็กสาวไม่เข้าใจ…แต่พอได้ยินว่าอีกฝ่ายยังโดนตีทั้งที่ร้ายกาจขนาดนี้ เด็กสาวก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “คนที่ตีเธอจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ” อวี๋ซือหรานที่อยากกัดก้นอีกฝ่ายให้แหว่ง ก็น่ากลัวมากเหมือนกัน…แต่ว่าคำนนี้เธอกลับไม่กล้าพูดออกมา

อวี๋ซือหรานครุ่นคิด จากนั้นเม้มปากบอกว่า “รีบนำทางเร็ว…”

小女孩“哦”了一声,小心翼翼地走到了前面。

เด็กสาวตอบรับ “อ้อ” แล้วก็ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

ที่นี่เป็นร้านขายเสื้อผ้าที่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เข้าประตูมาก็เห็นตู้โชว์หลายตู้ สองฝั่งเต็มไปด้วยหุ่นโชว์ เพียงแต่บนเสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่เห็นเลอะคราบฝุ่นหมดแล้ว แม้แต่หน้าของหุ่นโชว์บางตัวก็กลายเป็นกระดำกระด่างไปหมด มองไปแล้วน่ากลัวไม่น้อย ทว่าเด็กสาวผู้นำทางกลับเคยชินกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ส่วนอวี๋ซือหรานที่เดินตามข้างหลังเพียงแค่สงสัยเท่านั้น

โลลิน้อยสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเดินตามกันอยู่ในร้านเสื้อผ้าอันเงียบงัน คนหนึ่งเหลือบมองข้างหลังเป็นพักๆ อีกคนถือกริชมองซ้ายมองขวา

“ที่นี่กว้างแค่ไหน?” เดินไปไม่กี่ก้าว อวี๋ซือหรานก็รู้สึกว่าตัวเองควรถามอะไรบ้าง…หลิงม่อก็มักทำอย่างนี้ไม่ใช่หรอ?

ถึงแม้เวลาคุยกับมนุษย์จะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด แต่พอได้พบว่ามนุษย์ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเอง เธอก็รู้สึกฉงนสงสัยไม่น้อย…และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะฉงนเกี่ยวกับตัวเธอด้วยเหมือนกัน เพียงแต่พลังความสามารถของเธอเป็นอุปสรรค แถมยังดูเหมือนว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวเธอมากด้วย…สายตาที่แฝงความหวาดกลัว ทำให้อวี๋ซือหรานรู้สึกแปลกใหม่ ตอนนี้เธอไม่ได้ดูเหมือนซอมบี้ซักนิดเลยด้วย! อีกฝ่ายกลัวเธอ เพราะเธอเก่งกาจ…

“ฮิฮิ…” อวี๋ซือหรานรู้สึกชอบใจ

เด็กสาวตัวน้อยพลันสะดุ้งอีกครั้ง เธอตอบหลังจากตัวสั่น “หะ…ห้าชั้น…”

“ทำอะไรกันบ้าง?” อวี๋ซ์อหรานเงยหน้ามอง แล้วถาม

“มีแต่…เสื้อผ้า…” เด็กสาวตอบ

“แล้วเมื่อกี้ที่เธอบอกว่าข้างล่างนี่หมายความว่าไง?” อวี๋ซือหรานเริ่มติดใจการถามเธอ

“ที่นี่มีโกดังใต้ดิน…” เด็กสาวพูดเสียงเบา

“แล้วพวกเขาไปที่นั่นทำไม? อีกอย่าง พวกเขาเป็นใครกัน?” อว์ซือหรานถามอีก อยู่ๆ เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลิงม่อถึงชอบซักถามคนอื่นนัก…เห็นสีหน้ากระวนกระวายของอีกฝ่ายแล้วมันสนุกอย่างนี้เอง! หลิงม่อต้องทำเพราะชอบแบบนี้แน่ๆ…

เด็กสาวก้มหน้าตอบ “ฉันไม่รู้…พวกเขาไม่ให้ฉันไปที่นั่น…”

“อ้อ…” อวี๋ซือหรานพลันรู้สึกสะท้อนใจ เพราะหลิงม่อก็ชอบกันเธอออกนอกวงเหมือนกัน…

 “ชิ ทั้งๆ ที่ตกกลางคืนแล้ว ฉันแค่ปีนหน้าต่างเขาก็ยังโกรธ…คนบ้าอะไรไม่รู้! ไอ้มนุษ์ไส้กรอกบ้าเอ๊ย! จะว่าไปแล้วตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะ…”

ดูเหมือนอวี๋ซือหรานจะถูกชะตากับเด็กสาวมนุษย์คนนี้ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว…โชคดีที่กลิ่นของเธอไม่ได้หอมน่ากินนัก

อาจเป็นเพราะสารอาหารไม่ครบล่ะมั้ง…กลิ่นอายจากตัวเธออ่อนมาก กลับเป็นกลิ่นเสื้อผ้าที่ค่อนข้างแรง ถ้าหากไม่ใช่เพราะอย่างนี้ อวี๋ซือหรานอาจไม่สามารถรับรู้ตัวตนของเธอได้เร็วขนาดนี้ แต่ว่าฝีมือของเธออ่อนหัดไปมาก ถึงแม้อวื๋ซือหรานยืนอยู่ตรงนั้นให้เธอฟัน เธอก็อาจไม่สามารถสร้างบาดแผลให้อวี๋ซือหรานได้จริงๆ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ผลลัพธุ์ก็เหมือนกัน

ทิ้งเด็กสาวธรรมดาขนาดนี้ไว้รับมือเธอ มนุษย์สองคนนั้นดูถูกเธอมากไปแล้ว! อวี๋ซือหรานคิดอย่างไม่สบอารมณ์

“เอ๋…” เพิ่งเดินทะลุร้านค้ามาถึงทางเดินสู่โกดัง อยู่ๆ อวี๋ซือหรานก็เหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่คุ้นตา

เสื้อกันลมสีเขียวเทา…เสื้อตัวนั้นถูกทิ้งไว้ตรงมุมห้อง ถ้าหากไม่สังเกตดูดีๆ ก็อาจมองข้ามไปได้ง่ายๆ

“เสื้อตัวนี้…เป็นตัวที่คนเมื่อกี้ใส่ไม่ใช่หรอ?” อวี๋ซือหรานพูดอย่างสงสัย

เธอจำได้แม่น มนุษย์ที่ถูกเธอสะกดรอยตามเมื่อกี้ ใส่เสื้อสีนี้แน่นอน…

“อ๊ะ…ตัวนี้อีก…” อวี๋ซ์อหรานเจอเสื้อคลุมอีกตัว

เสื้อของมนุษย์สองคนนั้นต่างถูกทิ้งไว้ที่นี่ เรื่องผิดปกตินี้ทำให้อวี๋ซือหรานงุนงงและไม่เข้าใจ

แต่สำหรับสมองอันน้อยนิดของซอมบี้โลลิ ปัญหานี้ซับซ้อนเกินไป…

“เฮยซือ แกตื่นซักทีเถอะน่า!” อวี๋ซือหรานตะโกนก้องในใจ

แต่อย่าว่าแต่พลังจิตของเฮยซือเลย แม้แต่ร่างจริงของมัน ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้วงหลับไหลด้วยเหมือนกัน

เด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าพลันส่ายหน้าสุดแรง บ่งบอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่อง…

หลังนิ่งเงียบไปหนึ่งวินาที อวี๋ซ์อหรานโยนเสื้อทิ้งไป แล้วมองไปข้างหน้า “ลงไป!”

“ได้…” เด็กสาวเดินไปข้างหน้าอย่างหวาดกลัว จากนั้นก็บิดกลอนประตู

ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง เธอเหลือบมองเสื้อสองตัวนั้นด้วยหางตา จากนั้นก็ก้มหน้าเดินเข้าไปในห้อง “เข้ามาสิ…”

——————————————-

Related

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset