แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 888 ห้องทารกสุดสยอง

“รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นเหมือนกันนะเนี่ย…”

พอเห็นจอมแล่เนื้อเดินออกไปที่ห้องนอก หลิงม่อรีบเดินกลับมายืนตรงหน้าศพศพนั้นทันที จากนั้นก็ยื่นมือไปจับลวดที่ใช้เย็บแผลเส้นนั้น…

“ฉึก…”

เสียงแผลฉีกฟังดูชัดเจนในความเงียบงัน เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันยังมีเสียงเส้นลวดเสียดสีกันและเสียงขณะที่มันเปลี่ยนรูปด้วย หลิงม่อเหลือบมองทางประตูแวบหนึ่ง พบว่าจอมแล่เนื้อหายไปไหนแล้วไม่รู้ และข้างนอกก็มีเสียงมันกำลังเคลื่อนย้ายของดังเข้ามารางๆ

หลิงม่อนึกย้อนไปถึงสิ่งของที่เขาเห็นอยู่ในห้องด้านนอก แต่กลับเดาไม่ออกว่าจอมแล่เนื้อกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ แต่เรื่องสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้…ซอมบี้เด็กตัวนั้นยังไม่โผล่ออกมาเลย ไม่รู้ว่าไม่อยู่ที่นี่แล้ว หรือว่ากำลังแอบมองเขาอยู่ในมุมมืดซักที่กันแน่

“ช่างมันเถอะ”

หลิงม่อรวบรวมความกล้า กระชากเส้นลวดออกในครั้งเดียว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ในนี้กลับไม่มีเลือดไหลออกมาเลย…แม้แต่เนื้อที่ปลิ้นออกมาข้างนอกก็ยังซีดขาว เหมือนเลือดได้แห้งเหือดไปหมดแล้วอย่างไรอย่างนั้น

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้เส้นลวดจิ้มเข้าไปในบาดแผล ถึงแม้หากพูดตามจริงแล้วนี่จะไม่ใช่มือของเขา แต่ถ้าจะให้เขาใช้มือสอดเข้าไปในขณะที่ตัวเขามีความรู้สึกร่วมกับหุ่นซอมบี้ ก็ดูจะเป็นการทดสอบความอดทนของเขาเกินไปหน่อย…ทว่าสำหรับเรื่องนี้ หลิงม่อกลับหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลให้ตัวเองได้แล้ว : ใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นจะกัดคนหรือเปล่า?

หลังจากใช้เส้นลวดจิ้มไปทั่ว ส่วนท้องของศพก็นูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แล้วมันก็ดิ้นขลุกขลักสองสามที แต่ยึดตามหลักการที่ว่า “ไม่ว่าข้างในนั้นจะมีตัวอะไรอยู่ แทงให้ตายแล้วค่อยว่ากัน” หลิงม่อจึงใช้เส้นลวดแทงเต็มแรงต่อไปอีกพักหนึ่ง ในระหว่างนี้ ส่วนท้องของศพก็ดิ้นขลุกขลักอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีหลายครั้งที่หลิงม่อรู้สึกว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ข้างในพยายามจะมุดออกมาจากรอยแผล ทว่าทุกครั้งที่เกิดแนวโน้มอย่างนี้ เขาก็จะเร่งมือแทงเส้นลวดเข้าไปให้ถี่ขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็คิดในใจว่า “ที่ฉันทำก็เพื่อจะปลดปล่อยแก อดทนหน่อยแล้วกัน…”

ในที่สุดเมื่อเขาดึงเส้นลวดออกมา ก็พบว่ามีคราบเลือดติดอยู่ ขณะเดียวกันก็ยังมีของเหลวหนืดสีใสออกเหลืองอ่อนนิดๆ ของเหลวหนืดนี้มีกลิ่นเชื้อไวรัสอยู่ แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามันอาจผสมอย่างอื่นไว้ด้วย หลิงม่อจึงรีบเอามันออกห่างจากจมูกของหุ่นซอมบี้ทันที

“เอาล่ะ ขอฉันดูหน่อย…”

หลังจากใช้พื้นเพื่อดัดปลายเส้นลวดให้เป็นรูปตะขอเสร็จ หลิงม่อก็เอามันสอดเข้าไปในรอยแผลเบี้ยวๆ เส้นนั้นอีกครั้ง

เขาเกี่ยวปลายตะขอตามความรู้สึกสองครั้ง จากนั้นก็กระชากออกมาอย่างแรง

“พรึ่บ!”

พอเห็นว่าก้อนเนื้อเปื้อนเลือดก้อนหนึ่งกำลังลอยพุ่งเข้ามาทางตัวเอง หลิงม่อจึงรีบยกมือออกมารับไว้

“เชี่ย…”

ถึงแม้จะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่ภายนอกของเจ้าสิ่งนี้ก็ยังทำให้หลิงม่อรู้สึกสยดสยองอยู่ดี

อันดับแรกคือสัมผัสนิ่มๆ เหมือนปุยนุ่นนี้…หลังจากมองข้ามคราบเลือดเหนอะหนะและของเหลวไม่ทราบชนิดที่ติดอยู่ชั้นนอกนั้นแล้ว สัมผัสที่เหลือเหมือนกำลังกำลูกโป่งที่ใส่น้ำไว้ข้างใน แต่สิ่งที่ต่างกันคือเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้ถูกบีบแตกกันง่ายๆ เพราะผิวหนังของมันยังถือว่ามีความแข็งแรง และลื่นในระดับหนึ่ง เหมือนกับยางลบ แต่ถ้าเทียบกับซอมบี้วัยผู้ใหญ่ก็ยังถือว่าอ่อนแอกว่ามาก

อันดับต่อมาก็คือรูปร่างของมัน “แขนขาทั้งสี่” ที่ห้อยต่องแต่งอยู่ข้างลำตัว ด้านบนมีวัตถุทรงกลมคล้ายลูกบอลโผล่ขึ้นมา หากมองดูดีๆ ก็จะเห็นปากอยู่หนึ่งอัน หลิงม่อใช้เส้นลวดแหวกปากของมันออก ถึงได้พบว่ามันสามารถอ้าออกได้กว้างมากจนน่าทึ่ง ข้างในมีฟันที่เหมือนตะขอซี่เล็กๆ งอกเต็มไปหมด เขายังสังเกตเห็นรูที่ดูเหมือนหลอดดูดอยู่บนฟันซี่เล็กๆ พวกนี้ด้วย เดาว่าตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่คงใช้วิธีนี้ดูดกินเครื่องในและเลือดของศพจนหมด สาเหตุที่ต้องบอกว่าเครื่องใน ก็เพราะว่าเขาเห็นเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง…ชัดเจนว่า พลังโจมตีของเจ้าตัวเล็กนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ และเมื่อเทียบกันแล้ว ร่างกายของมันกลับอ่อนแอมาก ถ้าไม่อย่างนั้นมันคงไม่ถูกฆ่าตายด้วยเส้นลวดเพียงเส้นเดียวอย่างนี้หรอก

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าสิ่งนี้ก็ดูเหมือนเด็กทารกตัวหนึ่ง หรือไม่ก็เหมือนตัวอ่อนที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์…และศพพวกนี้ ก็เป็นเหมือนกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนในร่างคน พวกมันทั้งสามารถปกปิดและปกป้องทารกได้ในระดับหนึ่ง และยังสามารถให้สารอาหารที่พวกมันต้องการในระยะแรกของการเติบโตด้วย

“โอเค ที่แท้ฉันก็วิ่งเข้ามาในห้องของทารกสัตว์ประหลาดซะแล้ว…” หลิงม่อจับทารกตัวนี้ไว้ในมือพลางทอดถอนใจ

ทว่าในระหว่างที่หลิงม่อกำลังสังเกตอยู่นั้น เขากลับไม่ได้ตระหนักรู้เลย ว่าตอนนี้ศพของเด็กสาวที่ห้อยอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงสองเมตรนั้น ส่วนท้องของเธอกำลังดิ้นขลุกขลักไปมาอย่างเงียบงัน ขณะเดียวกันแขนขาทั้งสี่ข้างของเธอก็เริ่มกระตุกสั่นช้าๆ…

“ตอนนี้จะเอายังไงดี?” หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด

วิธีที่สุดก็คือเผาที่นี่ทิ้งให้หมด แต่จอมแล่เนื้อตัวนั้นยังอยู่ข้างนอกนั่นนี่นา…

ควักเอาตัวอ่อนพวกนี้ออกมาให้หมดทีละตัว? ก็เป็นไปไม่ได้อีก…

“จัดการจอมแล่เนื้อตัวนั้นก่อนแล้วกัน” หลิงม่อตัดสินใจ ถึงแม้ว่าเจ้านั่นจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ แต่ลองหาโอกาสดูก่อนก็ไม่เสียหาย…แต่เขาเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ ก็ต้องชะงักเท้าทันใด

“ไม่ใช่แล้วมั้ง…”

ใบหน้าของหุ่นซอมบี้ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา ถ้าไม่อย่างนั้นคงจะอ่านคำว่า “ฉิบหาย” ได้จากสีหน้าของมันแล้ว…หลิงม่อตัวแข็งทื่อ แม้แต่กระพริบตาแค่ครั้งเดียวก็ยังไม่กล้า เขาค่อยๆ กลอกตาไปยังด้านหนึ่ง เพื่อมองไปที่หัวไหล่ตัวเอง…

มือขาวซีด และบอบบางข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเขา ขณะเดียวกันก็ยังมีเท้าข้างหนึ่งซึ่งเป็นของผู้หญิงอย่างรู้สึกได้ชัดเจนกำลังแตะที่ต้นขาของเขา…การจะทำท่าประหลาดๆ อย่างนี้ได้ ก็แสดงว่าผู้ที่อยู่ข้างหลังจะต้องถูกห้อยตัวไว้กลางอากาศ และกำลังพยายามโน้มเอวลงมาอย่างสุดความสามารถเท่านั้น…

เส้นผมเล็กๆ ที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มหลิงม่อยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ที่แย่ที่สุดก็คือ หลิงม่อยังได้ยินเสียงแปลกๆ ด้วย เสียงนั้นฟังดูฝืดๆ เหมือนดังออกมาจากจุดที่ถูกปิดแน่นอย่างไรอย่างนั้น

งี๊ด งี๊ด…

“ไอ้เชี่ย…”

ขณะที่หลิงม่อลอบสบถสองคำนี้เสร็จ มือข้างนั้นพลันพุ่งเป้าไปที่ท้องของเขาด้วยท่วงท่าพิสดารอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันนั้น หลิงม่อได้หันกลับไปคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้ จากนั้นก็กระชากร่างเธอให้ลงมาจากข้างบนอย่างแรง เด็กสาว…หรือพูดให้ถูกก็คือกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนตัวนี้พลันอ้าแขนขาทั้งสี่ข้างกอดหลิงม่อไว้แน่น ท้องและหน้าอกของเธอแนบติดกับตัวหลิงม่อราวกับมีปุ่มดูด จากนั้นไม่นานหลิงม่อก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

บาดแผลของเธอ…กำลังอ้าออก!

“นี่มันเชี่ยอะไรกันเนี่ย ฉิบหาย!”

ครั้งนี้หลิงม่อตกใจมากจริงๆ เจ้าสิ่งนั้นดูเหมือนกำลังอยากกินอาหาร!

ดีที่พอเทียบเรื่องการต่อสู้กับจอมแล่เนื้อตัวนั้นแล้ว เจ้ากระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนตัวนี้เปรียบเสมือนไอ้กากเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว หลิงม่อก็ตัดสินใจพาตัวเธอล้มลงไปบนพื้นด้วยกันเลย จากนั้นก็พยายามยืดตัวขึ้นหลายครั้ง และออกแรงกดทับตัวเธอไว้ในที่สุด…เสียง “งี๊ด งี๊ด” ดังออกมาจากในร่างกายของเด็กสาวอย่างต่อเนื่อง และเดาว่ามันคงจะเป็นเสียงกรีดร้องของเจ้าตัวอ่อนนั่น…

จนกระทั่งเด็กสาวคลายแขนขาออก หลิงม่อจึงตระหนักได้ว่าท่านี้ดูเหมือนจะไม่งามนัก… “ขอโทษที มือทั้งสองข้างของฉันถูกเธอกอดไว้แน่น ขาก็ถูกเธอรรัดไว้แน่น…ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ ช่วยเข้าใจด้วยนะ”

หลิงม่อพยายามลุกขึ้น แล้วก้มมองเอวตัวเอง

เสื้อผ้าสกปรกของเขาถูกเกี่ยวขาดหมดแล้ว และตรงรอยแผลของเด็กสาวก็มีหัวเล็กๆ หัวหนึ่งโผล่ออกมา…ตัวอ่อนที่ถูกกระแทกจนเบี้ยวผิดรูปนั่นตัวใหญ่กว่าตัวเมื่อกี้หนึ่งไซส์อย่างเห็นได้ชัด ปากของมันฉีกกว้างไปจนถึงแก้ม และมีรูสีดำที่ดูเหมือนรูจมูกเพิ่มขึ้นมาอีกสองรู

งี๊ด งี๊ด…

หลิงม่อยังไม่ได้ทันได้ถอนหายใจ เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง

ศพที่ห้อยอยู่รอบๆ เริ่มพากันแกว่งไปแกว่งมา ส่วนท้องของพวกนั้นเริ่มดิ้นขลุกขลักๆ กระทั่งศพที่อยู่ใกล้ที่สุดสองสามตัวทำท่าเหมือนจะระเบิดออกมารอมร่อ ผิวหนังของพวกนั้นเริ่มนูนขึ้นมาเป็นรูปปากที่กำลังอ้ากว้าง…

“นี่กำลังล้อเล่นอะไรกัน…” หลิงม่อตั้งสติทันที ระหว่างตัวอ่อนพวกนี้ ต้องมีสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ!

การตายของตัวอ่อนจะทำให้ตัวอ่อนตัวอื่นๆ มีปฏิกิริยาตอบสนอง และปลุกพวกมันให้ตื่นด้วยเสียงกรีดร้องดัง งี๊ด งี๊ด

“ตุบ!”

ศพที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลดิ้นกระเสือกกระสนจนร่วงลงมา มันบิดไปบิดมาอยู่บนพื้นสองสามครั้ง จากนั้นก็พยายามยกคอขึ้นอย่างเบี้ยวๆ และใช้ฝ่ามือที่หันกลับด้านยันตัวลุกขึ้น ไม่นาน มันก็หันหน้ามาทางหลิงม่อ…

“ตุบ ตุบ!”

ศพตัวอื่นๆ พากันร่วงตกลงมาเรื่อยๆ เสียง “ตึง” ดังสนั่นหวั่นไหวเข้ามาจากห้องด้านนอก แล้วเสียงเหมือนของบางอย่างถูกขว้างลงพื้นก็ดังตามมาติดๆ

“หลงกลซะแล้ว…”

ที่ซอมบี้เด็กตัวนั้นล่อเขามาที่นี่ ก็เพื่อจะทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างนี้…แต่ทำไมมันต้องอยากให้เขาปลุกตัวอ่อนพวกนี้ตื่นขึ้นมา

ไม่มีเวลาให้คิดมากแล้ว เพราะกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนกำลังร่วงลงมากขึ้นเรื่อยๆ และจอมแล่เนื้อก็กำลังเดินเข้ามาในห้องแล้วด้วย…

ในเสี้ยววินาทีที่ประตูห้องถูกกระแทกเปิด หลิงม่อรับหันหน้าวิ่งไปเข้าไปยังจุดที่ลึกที่สุดของห้อง

จนถึงตอนนี้ซอมบี้เด็กตัวนั้นก็ยังไม่โผล่ออกมา ในนี้ต้องมีทางออกอีกทางอยู่แน่ๆ!

หลังจากที่เขาวิ่งผ่านกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนหลายตัว ในที่สุดเขาก็มองเห็นประตูห้องที่ถูกซ่อนอยู่อยู่ข้างหน้า และข้างหลังเขา นอกจากเสียงงี๊ด งี๊ด ที่ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ ยังมีเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งดังตามมาด้วย “โฮกก!”

“ไม่ดีแล้ว บุรุษพยาบาลคลุ้มคลั่งซะแล้ว”

หลิงม่อกระชากประตูห้องเปิดออกอย่างแรง และแทรกตัวเข้าไปทันที จากนั้นก็ปิดประตูอย่างรวดเร็ว

ในเสี้ยววินาทีที่เขาปิดประตู แขนที่ไม่มีมือข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาแล้ว และถึงแม้หลิงม่อจะใจเต้น “ตึกตัก” ไปชั่วขณะ แต่มือของเขากลับไม่ได้เคลื่อนไหวช้าลง ตรงกันข้าม ยิ่งออกแรงอย่างดุดันกว่าเดิม

“ปัง!”

“โฮกก!!”

เสียงคำรามที่เดือดดาลกว่าเดิมดังมาทันที แต่หลิงม่อก็ยังคงจับกลอนประตูไว้แน่น และจ้องเลือดที่ไหลออกมาตามช่องประตู

“นี่แค่ดอกเบี้ย”

เขาคิดในใจ พลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว และมองซ้ายมองขวาทันที

“ปึงปังๆๆ!”

ประตูห้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เศษปูนร่วงลงมาเพราะแรงสะเทือนอย่างต่อเนื่อง…

“จะเอาอีก?”

หลิงม่อจ้องมองรอยเท้าเล็กๆ ที่ปรากฏชัดบนพื้น จากนั้นก็มองตามรอยเท้าไปยังทิศทางหนึ่ง ทางนั้นมีประตูอยู่อีกหนึ่งบาน และดูเหมือนว่าหลังประตูจะเป็นทางเดินอันลึกและยาวเหยียด…

ตามหลักแล้ว เวลาอย่างนี้เขาควรเลือกไปยังฝั่งตรงข้าม…

“ฉันกลับอยากรู้ว่าพวกแกคิดจะทำอะไรกันแน่”

หลิงม่อหันไปมองประตูห้องที่ใกล้จะหลุดออกมารอมร่อ จากนั้นก็ตัดสินใจวิ่งตามรอยเท้าไปอย่างไม่ลังเล…แต่ขณะเดียวกันนั้น หุ่นซอมบี้อีกตัวของเขาได้เดินมาจนถึงบริเวณห้องบันไดแล้ว แถมในมือยังมือวัตถุสีดำสนิทเพิ่มขึ้นมาด้วย…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset