ร้ายกาจ! หมอนี่ช่างร้ายกาจ!
“หลิงม่อ แกเล่นแผนชาวประมงตกปลา…” ชายแว่นดำร่างกายสั่นสะท้าน กัดฟันกรอดด่า “แต่แหล่งทรัพยากรเหล่านั้น แกไม่มีทาง…” (ชาวประมงตกปลา มาจากสำนวนจีน นกกับหอยทะเลาะกัน แต่คนตกปลาได้รับประโยชน์ มักใช้เพื่อตักเตือนว่า ยามที่ต้องทะเลาะ หรือมีปากเสียงกับผู้อื่น ควรใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาแทนที่จะใช้อารมณ์ มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ปล่อยให้มือที่ 3 ได้รับประโยชน์ไปฟรีๆ)
“นั่นไม่ใช่ปัญหาที่แกต้องห่วงแล้วมั้ง…” หลิงม่อพูดเสียงเรียบ
“ห่วง? ฉันห่วงปู่แกน่ะสิ!” อยู่ๆ ชายแว่นดำก็ฉายสีหน้าโหดเหี้ยม เขาพลันยื่นมือออกไปหมายกระชากเหล่าหลันที่อยู่ข้างๆ สิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นยังซ่อนอยู่ในผมของเขา ดังนั้นชายแว่นดำจึงยอมแพ้เรื่องการใช้พลังพิเศษ แล้วหันมาใช้วิธีที่ง่ายดายตรงไปตรงมาแทน
ระยะใกล้ขนาดนี้ อีกฝ่ายยังเป็นคนอ่อนเรื่องความสามารถในการต่อสู้อีก ชายแว่นดำมั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางลงมือพลาด!
นับตั้งแต่ที่ได้ยินบทสนทนาของหลิงม่อกับเหล่าเจิ้ง เขาก็เริ่มรอจังหวะนี้แล้ว…ขอเพียงจับตัวเหล่าหลันได้ เขาก็มีเบี้ยต่อรองแล้ว ไม่ว่าจะเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป หรือเพื่อหาทางส่งข่าวไปให้นิพพานก็ตาม…เขาล้วนต้องการเบี้ยต่อรองโดยด่วน!
“นับจากตอนที่ได้รับสัญญาณไปจนถึงตอนมีปฏิกิริยาตอบโต้ ระหว่างนี้ต้องใช้เวลา…ฉันไม่ได้ใช้พลังจิต เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กนี้ก็จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที…อีกอย่างดูจากท่าทางของหลิงม่อแล้ว มันคงจะเสียพลังงานไปไม่น้อย…ส่วนผู้หญิงสามคนนั้น พวกมันอยู่ห่างเกินไป…โอกาสมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าฉันไม่ลงมือตอนนี้ ต่อไปคงไม่มีอีกแล้ว!”
เห็นว่าฝ่ามือใกล้จะเอื้อมถึงตัวเหล่าหลัน ชายแว่นดำใจเต้นแรงตามไปด้วย
“ฉึบ!”
ทันใดนั้น ประกายดาบสายหนึ่งฟาดฟันลงตามแนวร่างของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียง “พลั่ก” ดัง แขนข้างหนึ่งก็ร่วงลงพื้นพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว
ประกายวาบจากเคียวดาบของซย่าน่าวาดผ่าน พร้อมกับกระชากตัวเหล่าหลันมายืนข้างกาย ดวงตาข้างหนึ่งของเธอสะท้อนแสงสีแดงวูบหนึ่ง จากนั้นเธอก็แสยะยิ้ม บอกว่า “ช้าเกินไปนะ…”
ชายแว่นดำเซไปเล็กน้อย ก้มมองแขนขาดที่อยู่บนพื้น พลันกรีดร้องสุดเสียงขึ้นมา เขาใช้มืออีกข้างกุมบาดแผลแล้วกลิ้งไปกับพื้นอย่างเจ็บปวด ความเร็วของซย่าน่าอยู่เหนือความคาดหมายของเขา และในเสี้ยววินาทีนั้น เขากระทั่งรู้สึกเหมือนพลังจิตของตัวเองก็ถูกฟันหนึ่งดาบเหมือนกัน
“ไม่! ทั้งที่หล่อนไม่ได้มองฉันอยู่แท้ๆ ทำไมถึงได้ตอบโต้เร็วนัก! ความเร็วนี้มัน…แม้แต่ซอมบี้ก็ยังไม่เร็วเท่านี้!” ชายแว่นดำเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับจะขาดใจ แต่กลับถูกบังคับให้มีสติชัดเจนอยู่ตลอดเวลา หลังโดนดาบนั้นโจมตี เขากระทั่งรู้สึกว่าสมองของตัวเองกำลังบิดมวนอย่างบ้าคลั่ง เหมือนมันกำลังกลับสู่สภาพเดิมโดยอัตโนมัติหลังจากที่ถูกปั่นสมองให้เละ…ทว่าความเจ็บปวดนี้ แทบไม่ต่างจากความเจ็บปวดตอนโดนตัดแขนเลย!
“ดูเหมือนจิตใจของแกคงคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของ ‘บอสใหญ่’จริงๆ สินะ…” หลิงม่อเดินนวดหว่างคิ้วเข้าไปหา แล้วพูดเสียงเบา “แกคงติดใจการเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว?”
“อ๊ากกกกก!” ชายแว่นดำกรีดร้องไม่หยุด แต่ดวงตาเหลือกขาวคู่นั้นของเขากลับจดจ้องไปที่หลิงม่ออย่างไม่ยอมละสายตา “ฉันไม่หวังว่าแกจะปล่อยฉันไปอยู่แล้ว! แต่ว่าแก…แกเองก็ไม่มีทางมีชีวิตที่ดีแน่นอน กองกำลังสองกอง แกจะ…รับมือไหวงั้นหรอ? ถึงตอนนี้แกจะฆ่าฉันไปคนหนึ่ง แต่ก็ยังมี ‘ฉัน’อีกหลายคนรอแกอยู่…”
ดูเหมือนเขาต้องการแสยะยิ้มเย็นชา แต่เพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง รอยยิ้มนั้นกลับกลายเป็นกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกแทน…
“มาหนึ่งคน ก็ฆ่าหนึ่งคน มีปัญญาก็รวมร่างกันไปเรื่อยๆ สิ ส่วนเรื่องที่ทำให้แกค้นหาตัวเองคนเก่าจนเจอ…ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนะ” อยู่ๆ หลิงม่อก็หัวเราะ แล้วพูดขึ้น
“หึหึหึ…” ชายแว่นดำยังอยากพูดอะไรต่อ แต่หลิงม่อกลับใช้มือกดไปที่หน้าผากเขาก่อน
ขณะเดียวกัน เสียง “เจี๊ยบ” ดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้ามาสเตอร์บอลปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของหลิงม่อ
“แก…แกจะทำอะไร?” ชายแว่นดำหน้าถอดสีครั้งใหญ่ เขาพลันรู้สึกขึ้นมาว่า หลิงม่อ…อาจรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดจะเล่นตุกติก…
“แกยังไม่เข้าใจอีกหรอ? เจ้ามาสเตอร์บอลจับตาดูพลังจิตของแกอยู่ตลอด ความจริงนอกจากความทรงจำของบอสใหญ่แล้ว แกก็น่าจะนึกถึงความทรงจำส่วนนั้นของแกขึ้นมาด้วยเหมือนกันใช่ไหม? แต่แกแค่ไม่ยอมรับมัน แกยอมที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้กุมอำนาจ ดีกว่ายอมกลับไปยังจุดเริ่มต้นแล้วเป็นแค่ผู้มีความสามารถพิเศษธรรมดาคนหนึ่ง…นี่คือสิ่งที่แกเลือก” หลิงม่อบอก
“แกมองออกแล้ว?” ชายแว่นดำร่างกายสั่นสะท้าน ทว่าไม่นานเขาก็ตะโกนออกมา “แล้วยังไง? ยังไงฉันก็แยกไม่ออกอยู่แล้วว่าใครเป็นใคร! แต่อย่างน้อยฉันในตอนนี้ แข็งแกร่งกว่าตัวเองเมื่อก่อนมาก! ใครบ้างไม่อยากเป็นคนที่แกร่งกว่า!”
“แกร่ง? ก็อาจจะนะ…แต่ฉันเชื่อในพลังของตัวเองมากกว่า หากคิดจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ ก็ต้องมีสิ่งที่เป็นของตัวเองจริงๆ…ไม่อย่างนั้น ช้าเร็วต้องถูกกำจัด”
พูดไป หลิงม่อก็หยิบวัตถุก้อนเหนียวหนืดสีแดงก้อนหนึ่งออกมา ของสิ่งนี้มีขนาดเท่าเล็บมือ แต่คล้ายถูกหลอมรวมจากเลือดข้นๆ จนกลายเป็นรูปร่าง ชายแว่นดำสะดุ้งไปทันทีที่เห็น “ไว…ไวรัส…”
เขาเงยหน้ามอง แล้วก็ค้นพบอย่างหวาดกลัว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ตรงนี้เหลือแค่หลิงม่อกับผู้หญิงสามคนนั้น ส่วนเหล่าเจิ้งกับคนอื่นๆ กลับถอยห่างออกไปและมองเขาจากที่ไกลๆ…
“เหล่าหลัน พ่อว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่?” หลันหลันถามเสียงเบา
“ไม่รู้สิ…” เหล่าหลันส่ายหน้า เขาลูบแขนเสื้อตัวเองอย่างยังไม่หายกลัว ดาบนั้นฟันลงมาระหว่างตัวเขาและชายแว่นดำพอดี ลงมือได้อย่างฉับไวราวสายฟ้าฟาด ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนั้นไปเอาความสามารถในการควบคุมดาบที่แม่นยำขนาดนั้นมาจากไหน…
เหล่าเจิ้งเห็นเขามองมา ก็รีบโบกมือบอกว่า “อย่าถามฉัน ตอนนี้ฉันต้องตั้งสมาธิ…”
“ใช่สิ นายเป็นคนแปลกหน้านี่…” หลันหลันหันไปมองจางเฉิงฮุย
จางเฉิงฮุยฝืนยิ้ม แล้วพยักหน้าบอกว่า “สวัสดี ฉันมาใหม่! เพิ่งถูกจับเมื่อกี้…ฉัน…ฉันเป็นคนของฟอลคอน” พอคำพูดนี้หลุดออกไป เขาก็รู้สึกแปลกๆ เสียเอง ทว่าไม่รู้เพราะอะไร เขารู้สึกเหมือนคนพวกนี้ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับหลิงม่อจริงๆ…
“อ้อ…” ทั้งสามขานรับพร้อมกัน
“เฮ้ยๆๆ อย่างนี้มันไม่ถูกต้องนี่ พวกนายจะไม่คัดค้านอะไรหน่อยหรอ? ท่าทีเรียบเฉยแปลกๆ นี่มันอะไรกัน! ทำอย่างกับว่าชินกับเรื่องอย่างนี้แล้วอย่างนั้นแหละ! พูดอะไรหน่อยสิ…”
“อ๊ากก!”
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องมา จางเฉิงฮุยตัวสั่นระริก เขาสัมผัสได้รางๆ ว่าเจ้าตาขาวนั่น ก็เป็นเชลยคนหนึ่งของกลุ่มนี้เหมือนกัน…
“พี่ชายเอ๋ย! โปรดอย่าฆ่าฉันเลย! ชีวิตฉันกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ง่ายเลย…ฉันเองก็ถูกบังคับเหมือนกัน ฉันไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลยด้วยซ้ำ…” จางเฉิงฮุยนั่งกอดกล่องอุปกรณ์อยู่ในมุม พลางพึมพำกับตัวเองอย่างหวาดกลัว…
หลังจากที่เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งนาที พวกหลิงม่อก็เดินมาสมทบกับพวกเขา
ทว่าชายแว่นดำกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว แม้แต่จุดที่เขาอยู่เมื่อกี้ ก็เหลือเพียงเลือดกองหนึ่งเท่านั้น…
“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ บอกพวกมู่เฉินว่าไม่ต้องถ่วงเวลาแล้ว ฉันจะคิดหาวิธีเอง” หลิงม่อพ่นลมหายใจ แล้วพูดขึ้น
เหล่าเจิ้งอดมองหน้าเขาสองสามทีไม่ได้ สุดท้ายเขาก็สะกดความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ แล้วพยักหน้าบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปหาผู้ประกาศข่าวสวี่แล้วกัน ทว่าดูจากความเร็วของพวกเรา ถ้าจะออกไปจากตำบลเล็กๆ แห่งนี้ อาจต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง…และถ้าหากคำนวณจากความเร็วของพวกนั้น…อย่างน้อยนายก็ต้องถ่วงเวลาพวกนั้นไว้อีกสิบนาที…”
“ไม่…” เย่เลี่ยนส่ายหน้าช้าๆ เธอหันกลับไปมองในตำบล แล้วบอกว่า “สิบห้านาที…ไม่งั้นจะถูกไล่ตามทัน”
สิ้นเสียงพูดของเธอ เสียงอึกทึกหนึ่งก็ดังมาจากทางตัวเมือง พร้อมกับควันสีดำโขมงกลุ่มใหญ่ที่ลอยพุ่งขึ้นฟ้า…
“…นี่แม้แต่ปืนใหญ่ก็เอามาด้วยแล้ว!” เหล่าหลันพูดอย่างตกตะลึง
จางเฉิงฮุยส่ายหน้าไปมา แล้วพูดด้วยแววตายุ่งเหยิงว่า “มันคือปืนยิงระเบิด…ดังนั้น ทันทีที่ถูกไล่ตามทัน ไม่ว่าจะเร็วอีกแค่ไหน ก็ต้านการระดมยิงของพวกเขาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นผู้มีความสามารถพิเศษอีก…พี่ชายเอ๋ย ปล่อยผมไปเถอะ เห็นไหมว่าผมอ่อนแรงไปหมดแล้ว ผมเป็นได้แค่ตัวถ่วง…”
“กำลังเสริมทีมนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?” หลิงม่อหันไปถาม
“หน่วยเจ็ดที่อยู่ใต้สังกัดการดูแลของผู้บัญชาการหวัง ชื่อทีมว่า…ทำลายล้าง” จางเฉิงฮุยดูเหมือนหวาดกลัวต่อชื่อนี้ เขาพูดเสียงเบา “มากันทั้งหมดยี่สิบคน และอีกยี่สิบคนไม่ได้อยู่ที่นี่…แต่ส่งกำลังครึ่งหนึ่งออกมาไล่ล่าพี่ชาย เท่านี้ก็ถือว่าร้ายกาจมากแล้ว…”
“ยอดฝีมือสี่สิบคน…” หลิงม่อเงียบไปอีกครั้ง ดูจากจำนวนนี้ การต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันภายในฟอลคอนคงจะเริ่มมาช้านานแล้ว และการปรากฏตัวของฟอลคอนที่ 2 ก็เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้อำนาจแฝงเหล่านี้แสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน
—————————————————————————–