แต่เสี้ยววินาทีที่กระแทกโดนเสาไฟฟ้า เฉินเล่อกลับหายตัว “ฟึบ” ไปทันที
ไม่นาน เฉินเล่ออีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ด้านข้างสัตว์ประหลาดตัวนั้น ทว่าครั้งนี้เขายังไม่ทันได้เปิดปากพูด ก็ถูกหลิงม่อกำจัดทันที
และใน “สายตา” ของหลิงม่อตอนนี้ หนวดสัมผัสมากมายนับไม่ถ้วนได้ห้อมล้อมและประสานตัวกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่รอบตัวเขา
หนวดสัมผัสเหล่านี้จะกลายสภาพเป็นสสารทันทีที่เขาเพ่งสมาธิ และกำจัดเฉินเล่อที่ปรากฏกายออกมา
“ทำอย่างนี้ไป…”
“ก็เป็นแค่…”
“การขัดขืน…
“ที่ไร้ประโยชน์…”
“ยอมแพ้ซะเถอะ”
เมื่อเฉินเล่อปรากฏตัวแล้วหายไปติดต่อกันหลายครั้ง ในที่สุดหลิงม่อก็จับใจความประโยคที่เขาพูดออกมาได้
ทว่าสิ่งที่เฉินเล่อได้กลับคืนไป กลับเป็นเสียงหัวเราะเย็นชาแกมดูถูกของหลิงม่อ “ฉันก็แค่ไม่อยากฟังแกพูดพร่ำทำเพลงอีก ไอ้โง่”
เฉินเล่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้บนใบหน้าของเขากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม
เขามองหลิงม่อด้วยสายตานิ่งงัน แล้วพูดว่า “แกว่าใคร…”
“ไอ้โง่” หลิงม่อพูดกับเฉินเล่อที่ถูก “กระตุ้นต่อมโมโห” อย่างท้าทาย
เฉินเล่อหายตัวและปรากฏตัวๆ อีกหลายครั้ง แต่เขากลับเร็วสู้หนวดสัมผัสของหลิงม่อไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะเลือกปรากฏตัวในเวลาแบบไหน ระยะห่างเท่าใด หลิงม่อก็สามารถกำจัดเขาได้ในทันทีทุกครั้ง ไม่เปิดโอกาสให้เขาแม้แต่ “วินาทีเดียว”
และในระหว่างนั้นสีหน้าของเฉินเล่อก็เริ่มบึ้งตึง สายตาก็เหี้ยมโหดมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าหลิงม่อไม่ได้เอาแต่จดจ่ออยู่กับการต่อสู้กับเฉินเล่อ ความจริงเป้าหมายหลักของเขาก็คือสัตว์ประหลาดที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างหาก
“กร๊อบๆ…” สัตว์ประหลาดตัวนั้นกำหมัดแน่น บิดคอไปมาเล็กน้อย
มันยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว มู่เฉินก็ถือมีดวิ่งพุ่งเข้าไปก่อนแล้ว
“อย่าทำอะไรโง่ๆ!” หลิงม่อเพิ่งจะพูดจบ ก็มองเห็นสัตว์ประหลาดที่ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นโฉบร่างพุ่งเข้าไปหามู่เฉินด้วยความเร็วสูง
“สวบ!”
เสียงแหวกลมดังขึ้น มู่เฉินรู้สึกเพียงภาพตรงหน้าเบลอไปหมด จากนั้นเงาสีดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามากระแทกศีรษะของตัวเองอย่างจัง
หมัดตรง แต่สามารถใช้หมัดธรรมดาให้ดุดันร้ายกาจได้ขนาดนี้ หลิงม่อเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
การระเบิดพลังในพริบตาของสัตว์ประหลาดตัวนี้น่ากลัวสุดๆ แม้แต่หลิงม่อที่ยืนห่างขนาดนี้ ก็ยังรู้สึกได้ถึงกระแสลมแรงที่ลอยมาปะทะใบหน้า
ถ้าหากว่าถูกหมัดนั้นเล่นงานจังๆ เดาว่าป่านนี้สมองของมู่เฉินคงเละกระจุยไม่เหลือชิ้นดีแล้วแน่ๆ…
มู่เฉินเองก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเร็วขนาดนี้ วินาทีนั้นสมองของเขาขาวโพลนไปหมด เขาโฉบร่างหลบไปด้านข้างโดยอาศัยสัญชาตญาณล้วนๆ
หมัดลูกนั้นลอยเฉียดปลายจมูกเขาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่มู่เฉินยังไม่ทันตั้งตัว ก็รู้สึกว่าลำคอถูกโจมตีอย่างแรง ร่างเขากระเด็นปลิวออกไปข้างหลังทันที
นี่มันอะไรเนี่ย ทำไมเร็วขนาดนี้!
หนึ่งหมัดพลาดเป้า แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้กลับสามารถเหวี่ยงแขนมาทางด้านข้างเพื่อโจมตีเขาต่อทันที!
มู่เฉินที่ล้มกระแทกพื้นอย่างแรงยกมือขึ้นกุมคอ เขาอ้าปากอาเจียนลมอย่างทรมานอยู่หลายครั้ง ไม่นานเลือดและน้ำลายก็พุ่งออกมาพร้อมกัน
แต่สัตว์ประหลาดตัวนั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ขณะที่ร่างมู่เฉินตกถึงพื้น มันก็กระโจนขึ้นสูง และหมายจะพุ่งชนมู่เฉินจากกลางอากาศ
มู่เฉินที่เพิ่งถูกโจมตีอย่างแรงมองเห็นพื้นรองเท้าสีดำกำลังพุ่งมาทางศีรษะของตัวเอง แต่เขากลับไม่มีแรงจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ…
แต่ทันใดนั้น ในเสี้ยววินาทีที่พื้นรองเท้ากำลังจะกระแทกหัวเขา สัตว์ประหลาดกลับกระเด็นออกไปด้านข้าง และกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งดัง “โครม”
และในทันที เงาร่างมากมายได้โฉบไหวไปมาอยู่รอบตัวของมัน เงาร่างเหล่านี้เพียงโฉบผ่านไปผ่านมาอย่างรวดเร็ว บนร่างกายของมันก็มีบาดแผลเพิ่มขึ้นหลายแผล
ไม่รอให้มันมีโอกาสหลบ หลิงม่อก็พุ่งเข้าไปทางมัน มือทั้งสองข้างเปลี่ยนท่าไปมาไม่หยุด
“ฉึกๆๆๆ!”
ดวงตาของมันถูกจู่โจมหลายครั้งติดกัน จนตาซ้ายมีเลือดพุ่งออกมา
“อ๊ากกก…”
มันอ้าปากตะโกนลั่น ดิ้นทุรนทุรายอย่างรุนแรง เหมือนมันหลุดออกจากพันธนาการบางอย่างที่มองไม่เห็น จากนั้นก็วิ่งพุ่งเข้าไปทางหลิงม่อ
แต่หลิงม่อกลับลอยขึ้นกลางอากาศ และหยุดในจุดที่ห่างจากพื้นไปหลายเมตร
ส่วนเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เสียหลักสะดุด ในขณะที่ยังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง ข้างกายก็มีเงาร่างหลายเงาปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“อ๊ากกก!”
เสียงครวญครางของสัตว์ประหลาด บาดแผลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บนร่างของมัน ทำให้มู่เฉินที่กำลังไออย่างหนักตะลึงตาค้างไปทันที
สัตว์ประหลาดที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ กลับถูกพวกหลิงม่อกำราบไว้ได้…
โดยเฉพาะหลิงม่อ เขาเป็นแค่ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตแท้ๆ แต่กลับไม่ได้มีเพียงพลังตอบสนองทางจิตอันรวดเร็ว การตอบสนองทางร่างกายก็ยังแข็งแกร่งมากด้วย
การเคลื่อนไหวของเขาดูออกได้ไม่ยาก เขากำลังใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ จงใจเข้าใกล้สัตว์ประหลาดตัวนั้น จากนั้นก็อาศัยพลังตอบสนองอันยอดเยี่ยมของตัวเองสู้กับมัน
ต้องบอกก่อนว่าระยะใกล้ขนาดนั้น หากโดนข่วนเข้าแค่เพียงครั้งเดียว เขาก็จะกลายเป็นสวี่ซูหานคนต่อไปทันที
ต้องมีจิตแกร่งกล้าขนาดไหน จึงจะสามารถทำเรื่องอันตรายอย่างนี้ได้โดยที่ยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง
เพื่อปกป้องแฟนสาวที่สู้เคียงข้างเขางั้นหรอ?
มู่เฉินเดาถูกต้องแล้ว หลิงม่อทำไปเพราะเหตุผลนี้จริงๆ
สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่เหมือนซอมบี้ธรรมดา มันจ้องจะสู้กับมนุษย์เป็นหลัก…เหมือนมันไม่มี “ความสนใจ” อะไรเป็นพิเศษ
ทว่าเมื่อเทียบกับหลี่ย่าหลินที่เคลื่อนไหวรวดเร็วสุดขีดและเย่เลี่ยนที่คอยเล็งปืนจ้องหาโอกาสอยู่ข้างๆ แล้ว เห็นชัดว่ามนุษย์ผู้ “เชื่องช้า” อย่างหลิงม่อเป็นที่สะดุดตามากกว่าอยู่แล้ว
เขาดึงดูดความสนใจของสัตว์ประหลาดตัวนี้จนสำเร็จ และก็กำลังใช้พลังจิตก่อกวน รวมถึงการโจมตีรูปแบบต่างๆ เล่นงานมัน
ไม่นานบนร่างกายของมันก็มีรอยแผลสิบกว่ารอยเพิ่มขึ้นมา เลือดสดๆ และความเจ็บปวดทำให้มันเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกกกก!”
หลังจากที่ถูกหลี่ย่าหลินฟันอีกครั้ง และถูกยิงไหล่ซ้ายอีกหนึ่งนัด สัตว์ประหลาดพลันคำรามเสีบงดังขึ้นมาทันที
สีเลือดในดวงตาของมันเข้มขึ้นกว่าเดิม กล้ามเนื้อตามร่างกายก็เริ่มกระตุกอย่างรุนแรง
เลือดบนบาดแผลเหวอะหวะตรงหัวไหล่ของมันกำลังหยุดไหลอย่างรวดเร็ว บาดแผลตื้นลึกมากมายบนร่างกายของมันก็เช่นกัน
กระทั่งระหว่างที่เนื้อกายของมันกำลังสมานกัน บาดแผลเหล่านั้นก็ดูจางลงมาก…
“นี่มันอมตะชัดๆ…” มู่เฉินอึ้ง
“มานี่” จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนขากางเกงของตัวเองถูกดึง พอหันกลับไปมองด้วยความตกใจกลัว กลับพบว่าเป็นซย่าน่า
ไม่รอให้เขาพูดอะไร ร่างกายท่อนบนของเขาที่เพิ่งจะยืดขึ้นก็เสียการทรงตัว ผลคือเขาถูกลากกลับหัวกลับหางเข้าไปในมุมมุมหนึ่ง
“ชะ…ช่วยด้วย…”
ซย่าน่าโยนตัวเขาไปไว้ข้างๆ สวี่ซูหาน แล้วบอกว่า “นายเฝ้าเธอไว้ สังเกตม่านตาและสภาพจิตใจของเธอไว้ให้ดี”
“แล้วเธอ…ล่ะ? แค่กๆ…” มู่เฉินถามอย่างยากลำบาก
“ฉันกำลังจับตามองเจ้านั่นอยู่…” ซย่าน่าจับเคียวดาบ แล้วพูดเสียงเย็นชา
พวกหลิงม่อกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างดุเดือด แต่ว่า ในที่นี้ยังมีเฉินเล่ออยู่อีกคน…
ถึงแม้ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวตรงไหนก็ถูกหลิงม่อกำจัดได้ทันทีทุกครั้ง แต่ระวังไว้ก่อนดีที่สุด
หลังจากที่เลือดหยุดไหล ร่างกายของสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นครั้งใหญ่
ทั้งความเร็ว และพละกำลัง ล้วนอัพเกรดขึ้นจนแข็งแกร่งกว่าเดิม
หลิงม่อเริ่มพันธนาการมันไม่อยู่อย่างช้าๆ และเย่เลี่ยนเองก็มองไม่เห็นช่องโหว่ในการยิงเลยแม้แต่น้อย แม้แต่การโจมตีของหลี่ย่าหลินก็ยังพลาดเป้าครั้งแล้วครั้งเล่า
สัญชาตญาณรับรู้ต่ออันตรายของมันเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก ทุกครั้งที่หลี่ย่าหลินโฉบร่างไปปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ มัน สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็จะหลบการโจมตีของเธอไปได้ก่อนเสมอ
และการจู่โจมของมันที่มีต่อหลิงม่อก็รุนแรงมากขึ้น หลิงม่อเริ่มรู้สึกกินแรงขึ้นมาบ้างแล้ว
ด้วยตาข่ายพลังจิตที่สร้างโดยหนวดสัมผัสทางจิต เขาสามารถใช้ความเร็วเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการได้ แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้กลับตามเขาทันทุกครั้ง
หลิงม่อเพิ่งจะใช้หนวดสัมผัสดึงตัวเองไปอีกทาง แต่ในขณะที่เพิ่งจะถึงที่หมาย เขาก็มองเห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นพุ่งเข้ามาหาตัวเองอีกครั้งทันที
หลิงม่อใจกระตุกวูบ ขณะเดียวกันก็ใช้หนวดสัมผัสดึงตัวเองไปอีกทาง แต่พอก้มหน้ามอง กลับพบว่าชายเสื้อของตัวเองถูกกระชากขาดไปส่วนหนึ่งแล้ว
“ฉิวเฉียดสุดๆ…” หลิงม่ออดรู้สึกหวาดเสียวไม่ได้
แต่เขายังไม่ทันเคลื่อนไหวอีกครั้ง ลมแรงๆ สายหนึ่งก็พัดเข้ามาจากด้านหลังทันที
“เคร้ง!” เฉินเล่อที่ปรากฏตัวอีกครั้งถูกโจมตีจนสลายตัวไป
ทว่าครั้งนี้หลังจากที่โจมตีเขาจนสลายแล้ว สีหน้าของหลิงม่อกลับแตกต่างไปจากเมื่อกี้เล็กน้อย
“สามารถโจมตีได้แล้ว? ไม่ใช่สิ…” หลิงม่อครุ่นคิด พลางกวาดมองไปรอบๆ
เฉินเล่อหายตัวไปอีกแล้ว แต่เขาน่าจะกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งเพื่อมองหาโอกาสอยู่ และต้องซ่อนอยู่แถวนี้แน่ๆ
หลิงม่อไม่รีบร้อน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้ข้อมูลมากขึ้น
สงครามระหว่างผู้มีความสามารถพิเศษ จุดสำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจความสามารถพิเศษของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
บางทีตอนนี้ เฉินเล่อเองก็อาจจะกำลังลอบสังเกตเขาอยู่ก็ได้…
“ปึง!”
สัตว์ประหลาดตัวนั่นพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง หลิงม่อลอยตัวขึ้นสูงในเสี้ยววินาที พริบตาเดียวเขาก็ไปโผล่อยู่ข้างหลังของมัน หนวดสัมผัสทางจิตเส้นหนึ่งถูกแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
รอยเลือดพลันปรากฏอยู่บนต้นคอของมันทันที สัตว์ประหลาดยกมือขึ้นกุมต้นคอพร้อมกรีดร้อง ไม่รอให้ตัวเองล้มลงไปก่อน มันรีบหันหลังกลับมาแล้วเอาแขนฟาดไปทางหลิงม่อ
ขณะที่หลิงม่อใช้หนวดสัมผัสดึงตัวเองให้กระโดดถอยหลัง ในใจก็ตกตะลึง “พลังป้องกันก็สูงขึ้นด้วยเหมือนกัน การโจมตีจากหนวดสัมผัสรูปสสารทำได้แค่ทิ้งรอยแผลเล็กๆ ไว้ให้มัน เจ้านั่นมันตัวอะไรกันแน่เนี่ย?”
—————————————————————————–