และแล้วเย็นวันนั้น ปรียาก็ไปถึงที่หมาย แต่แทนที่จะเป็นบ้านสามีตน กลับเบนเข็มไปตั้งหลักที่บ้านของลุงหนานคำที่อยู่ใกล้ที่พักของนายไฟแทนตามที่เขาขอร้องเพื่อทำการประชุมกันก่อน ซึ่งประเด็นหลักที่เขาอยากรู้นักรู้หนานั่นคือ
“ ไอ้กุ๊ยบ้านั่นมันใคร แล้วไปอยู่กับหมอกได้ยังไง ! ”
“ บ่อใช่กุ๊ยที่ไหนหรอกครับนาย เปิ้นชื่อหมอหนาม เป็นแพทย์อาสา เห็นว่าไปทั่วประเทศที่ห่างไกลความเจริญ บ้านเฮานี่เปิ้นกะมาปีกลายนี้ทีนึง ปีนี้พึ่งมาได้สองอาทิตย์ เปิ้นลุยขนาดเลยนะครับ บุกป่าฝ่าดงเดินขึ้นเขาไปที่หมู่บ้านเย้าตอนที่น้ำท่วม ถนนขาด แกก็บ่อท้อ ”
“ ฮะ หมอเหรอ ! ” นายไฟทวนคำอย่างเหลือเชื่อ ลุงหนานคำยังคงพยักเพยิดยิ้มแย้มหนักแน่น
“ แม่นล่ะครับ สภาพภายนอกแกอาจจะบ่อให้ แต่ภายในจิตใจเปิ้นดีมาก แต่ว่าเรื่องสำมะเลเทเมา เรื่องแม่ยิงนั่นก็… ” ชายกลางคนเงียบไปด้วยเกรงว่าจะยิ่งทำให้นายไฟที่พร้อมจะเดือดเสมอจะระเบิดออกมา
“ ก็อะไรลุงหนาน พูดมาเถอะ จะอ้ำๆ อึ้ง ๆ ทำไม จะได้ตั้งหลักถูก ” ปรียาเอ่ยกระตุ้น เขาจึงค่อยอ้อมแอ้มตอบ
“ เปิ้นขี้เหล้า กินเหล้าเก่ง คอแข็งขนาด ไปกินเหล้าต้มกับพวกในดงจนสนิทกันกอดคอกันได้เลย แล้วกะเรื่องแม่ยิงนี่หนักเลย เห็นมีคนซ้อนท้ายบ่อขาด ทั้งสาว ๆ ในหมู่บ้านที่มาตรวจ ทั้งคนข้างนอก เอาเป็นว่าถ้ามีลูกมีหลานเป็นผู้หญิงก็ให้อยู่ห่างหมอหนามเอาไว้เป็นดี ”
สิ้นคำบอกเล่าของลุงหนานคำ ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดขึ้นทันที
“ เวรละ ! ” พลางสาวเท้าพรวด ๆ มุ่งตรงไปยังที่พักของตน โดยมีสาวหมวยวิ่งตาม
“ เดี๋ยว คุณไฟ คุณจะไปไหน ”
“ ผมก็จะไปหาหมอกน่ะสิ รู้อย่างนี้แล้วผมไม่ไว้ใจไอ้หมอนั่นเลย เหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวนั่นแหละ ”
“ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปด้วยนะ ” เขาพยักหน้า ก่อนทั้งสองจะขึ้นรถและตรงไปยังที่หมายทันที
เมื่อถึงจุดหมาย นายไฟสาวเท้าพรวด ๆ ไปยังประตูบ้าน โดยมีปรียาที่ค่อยเดินตามไปอย่างไม่มั่นใจนัก เพราะชนักติดหลังเรื่องรับสินบน เขาลงมือเคาะประตูหลายทีพร้อมร้องเรียกหลายครั้ง
“ หมอก เปิดประตูให้เราหน่อย เปิดเดี๋ยวนี้ ! ” ทว่าภายในยังคงเงียบเชียบ เขาลองเรียกอีกหลายทีก็ยังมีผลเช่นเดิม
“ เดี๋ยวให้ฉันลองเรียกดูนะคะ เผื่อหมอกมันจะใจอ่อน ” ปรียาว่า ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย
“ หมอก นี่ฉันเอง เปรียวนะ เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ ” ทว่าผลลัพธ์ก็ไม่ต่างอะไรจากชายหนุ่ม
“ หรือว่าไม่อยู่ ” ยังไม่ทันที่จะได้หาคำตอบ พลันมีรถจักรยานยนต์ดูคาติสีดำคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ทั้งคู่หันไปมองแล้วก็ต้องอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นคนซ้อนท้าย
“ หมอก ! ” เธอค่อย ๆ ก้าวลงจากรถ โดยมีไอ้หนุ่มคนขับหน้าเข้มที่เคยซัดหน้ากับนายไฟมาแล้ว เข้าไปประคองแล้วเดินเข้ามายังตัวบ้าน
สายตาของอวัศยาที่มองมายังแขกไม่ได้รับเชิญที่หน้าบ้านนั้นช่างเย็นชาว่างเปล่า ราวกับทั้งคู่เป็นธาตุอากาศ
ทว่านายไฟไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เขารีบสาวเท้าเข้าหา พยายามจับแขนอวัศยาและผลักนายคนนั้น ที่รู้แล้วว่าชื่อหมอหนาม แต่หญิงสาวสะบัดแขนออกคล้ายรังเกียจเหลือเกิน
“ ยัยหมอก ฉันมาหาแก ” เพื่อนรักเอ่ยทักทาย แต่เธอก็ยังทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
“ หลีกทางตีนหน่อยดิ๊ ” หมอหนามเอ่ยขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่เท่าภูเขาเลากาของนายไฟมายืนขวางไว้
“ ใครกันแน่ที่ต้องหลีก ปล่อยมือจากหมอกเดี๋ยวนี้ ”
“ ไม่ปล่อย ”
อีกฝ่ายตอบกลับพลางยักคิ้วล้อเลียนอย่างยียวน นั่นยิ่งทำให้ไฟเลือดขึ้นหน้า เขาสืบเท้าเข้าไปใกล้ อย่างไม่กลัวเกรง แม้หมอหนามจะกำยำกว่าทว่าความสูงใหญ่ของนายไฟทำให้เขาหวาด ๆ อยู่บ้าง อีกทั้งแววตาที่มองมาราวกับมีประกายไฟอยู่ในลูกตานั้นอีก ทำให้หมอหนามรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ มึงอยากตายใช่ไหม ไอ้หมอเถื่อน ! ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ ๆ เยียบเย็น ทว่าหมอหนามยังไม่ทันได้ตอบอะไร อวัศยาก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
“ อย่ามาใช้อำนาจที่นี่ เงินของคุณมันซื้อได้แค่บางอย่างแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ออกไป ! ”
คำพูดนั้นทำให้ปรียาร้อนตัว แม้ยังไม่รู้ว่าเพื่อนจะรู้ความจริงที่ตนรับสินบทจากนายไฟหรือไม่ก็ตามที
“ หมอก ฟังเราก่อนได้ไหม ” นายไฟขอร้อง ทว่าอวัศยาหยิบกุญแจยื่นให้หมอหนามแล้วเอ่ยตัดบท
“ หมอหนามคะ ช่วยพาหมอกไปนอนทีนะคะ ไม่ไหว ”
“ ได้ครับ ” หมอหนามรับคำ พลางหยิบกุญแจที่อวัศยายื่นให้แล้วไขประตู โดยมีเพื่อนรักอย่างปรียารีบวิ่งกุลีกุจอช่วยเปิดมันออก แล้วทั้งหมดก็เข้าไปด้านใน ยกเว้นนายไฟที่ยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้นลำพัง เพราะคำพูดที่ลอยมาจากเสียงเรียบ ๆ ของผู้หญิงอันเป็นที่รัก
“ ไปจากชีวิตฉันเสียที ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด ถ้าคุณยังรังควานฉันไม่เลิก คุณจะไม่ได้เห็นแม้แต่ซากศพของฉัน ! ”