“ ไฟ นายมันไร้หัวใจ เลว เลวที่สุด ! ”
เธอสบถด่าเขาพร้อมทุบกำปั้นลงบนเตียงอย่างอัดอั้น
แต่ไม่มีเวลาให้พิรี้พิไรมากนัก เธอต้องลุกขึ้นไปดูคุณพ่อ
หญิงสาวพยายามรวบรวมพลังแรงกายใจประคับประคองตนเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลงจากเตียงผู้ป่วย เข็นเสาน้ำเกลือแล้วเดินออกไปนอกห้อง เป้าหมายคือห้องไอซียู
“ คนไข้จะไปไหนคะ ” พยาบาลสาวประจำเค้าท์เตอร์ห้องพิเศษรีบลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยถามทันที
“ ฉันเป็นลูกของคุณอิทธิ ได้ยินว่าคุณพ่อพึ่งเข้าห้องไอซียู เลยอยากจะไปดูท่านน่ะค่ะ ”
“ ได้ค่ะ แต่อย่าเดินไปเลยนะคะ ความดันคุณต่ำมากและร่างกายก็บอบช้ำอยู่ เดี๋ยวนั่งวีลแชร์ดีกว่าค่ะ ”
พยาบาลสาวว่าพร้อมเข็นเก้าอี้วีลแชร์มาให้พลางประคองอวัศยาให้นั่งลงไปก่อนจะเข็นเธอไปยังจุดหมายปลายทาง
สิ่งที่เห็นเมื่อไปถึงใกล้ห้องไอซียู คือบุคลากรทางการแพทย์วิ่งเข้าออกกันให้วุ่น ภาพนั้นทำให้อวัศยาใจหายวาบ
ไม่ใช่เรื่องดีแน่ !
“ ช่วยเข็นฉันเข้าไปดูคุณพ่อในห้องใกล้ ๆ ได้ไหมคะ ” เธอหันไปขอร้องพยาบาล ซึ่งเธอส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ๆ
“ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่ได้จริง ๆ ค่ะสำหรับผู้ป่วยไอซียู เพราะถ้าหากคนนอกเข้าไปอาจจะนำเชื้อโรคไปสู่ผู้ป่วย หรือไม่ก็ไปขวางการทำงานของทีมแพทย์ เอาเป็นว่ารออยู่ตรงนี้ดีกว่านะคะ หากมีอะไรเคลื่อนไหวเดี๋ยวทางทีมแพทย์จะออกมาแจ้งให้ทราบแน่นอนค่ะ ”
อวัศยาจึงได้แต่นั่งรอบนวีลแชร์ด้วยความร้อนใจ
ไม่ทันถึงสิบนาทีเธอก็ได้ยินเสียงประตูเปิดพร้อมทั้งเสียงสนทนาระหว่างผู้ชายสองคนดังขึ้น
“ ปั๊มหัวใจขึ้นมาอีกได้ไหม ”
“ ปั๊มขึ้นมาได้แต่คนไข้ก็จะต้องหัวใจหยุดเต้นอีก เพราะระบบทั่วร่างกายมันรวนไปหมด เส้นเลือดแตก และร่างกายก็อ่อนแอเกินกว่าจะผ่าตัดอีกครั้ง ”
“ แปลว่านายอิทธิไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ”
“ ครับ คุณอิทธิเสียชีวิตแล้ว ”
“ อะไรนะ ! ” หญิงสาวกรีดร้องถามออกไปอย่างตกใจ เช่นเดียวกับชายหนุ่มทั้งสองที่ตกใจเช่นกันที่เมื่อเลี้ยวออกมาจากห้องพบเธอนั่งอยู่บนวีลแชร์
“ หมอก ! ” อัคคีหลุดปากเรียกด้วยความตกใจ
“ เมื่อกี้คุณพูดอะไรกัน ใครตาย พ่อฉันงั้นเหรอ แล้วนี่อะไร ทำไมคุณพยาบาลไม่อนุญาตให้ฉันเข้าไปดูพ่อตัวเอง แต่อนุญาตให้ผู้ชายคนนี้เข้าไปได้ มันอะไรกัน ! ”
อวัศยากรีดร้องคุ้มคลั่ง ร่างสูงใหญ่ของนายอัคคีรีบเข้าไปกอดเธอไว้ ทว่าเธอไม่ยอม ทั้งดิ้นทั้งสะบัด จนกระทั่งสายน้ำเกลือหลุด เลือดสีแดงฉานไหลออกมาทางรูที่เจาะเส้นเลือดไว้จนเปรอะเปื้อนเสื้อผู้ป่วยไปหมด
“ ปล่อยฉัน ! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันได้ยินหมดแล้วที่คุณให้คนไปวางยาพ่อ ทำไมคุณเลวชาติแบบนี้ ฉันไปทำอะไรให้คุณนักหนา คุณถึงได้ทำกับฉันขนาดนี้ ทำม้าย ! ”
กรีดร้องก่นด่าร่ำไห้ราวจะขาดใจ จนนายแพทย์หนุ่มต้องขอยามาฉีดให้เธอสงบลงและหมดสติไปในที่สุด
อัคคีช้อนร่างเธอไว้ในอ้อมแขนเดินลิ่วกลับไปยังห้องพิเศษ แพทย์และพยาบาลเข้าไปตรวจอาการเพื่อความแน่ใจว่าเธอจะปลอดภัย
“ เดี๋ยวให้เธอหลับสักพักนะครับ ร่างกายเธอแย่ ยิ่งมีเรื่องกระทบกระเทือนใจยิ่งจะแย่เข้าไปอีก ”
นายแพทย์หนุ่มอธิบาย อัคคีได้แต่พยักหน้าและมองไปยังร่างบอบบางใบหน้าหวานขาวเผือดซูบซีดอย่างห่วงใย
“ เรื่องศพของนายอิทธิ เขาไม่มีญาติที่ไหน ลูกน้องก็แตกกระสานซ่านกระเซ็นไปทั่ว มีแต่หมอกคนเดียวที่เป็นลูก เอาเป็นว่าจัดการไปเลยตามกระบวนการ ค่าใช้จ่ายผมรับผิดชอบเอง ”
เขาสั่ง พลางสอดมือไปกุมมือเรียวเล็กนั้นไว้ในอุ้งมือ เลือดบนหลังมือเธอเปรอะเปื้อนมือเขา
กี่ครั้งแล้วที่เขาเห็นเลือดของเธอ กี่ครั้งแล้วที่เห็นน้ำตา กี่ครั้งแล้วนะที่เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อเห็นเธอทุกข์ทรมาน
ไฟที่เขาก่อขึ้นมาเพื่อเผาผลาญทำลายบำบัดความอาฆาตนั้น กำลังลุกลามโลมเลียเผาไหม้ให้เขาทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็นไม่ต่างกัน…