แม่เฒ่าได้แต่จุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก เพราะรู้นิสัยหลานชายดี ถ้าลองได้พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วล่ะก็ เขาไม่เคยเปลี่ยนใจอีกเลย
แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะมันมีชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้าหากหลานชายคนเดียวของยายยังไม่เลิกวุ่นวายกับสาวน้อยคนนั้น หมอก
เธอเป็นคนดีและแตกต่างจากผู้เป็นพ่อ แม่เฒ่ารู้ แต่การเอาชีวิตเข้าไปพัวพันกับเธอ ก็เหมือนหวังฉกไข่มาจากงูจงอางที่มีพิษสงร้ายกาจ ตนเองกับหลานก็เป็นเพียงคน บ้านนอกทำมาหากินไปวัน ๆ จะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับเขา และถ้าหากโดนงูจงอางอย่างเสียอิทธิจับได้อีกครั้งล่ะก็
ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต !
นายไฟเดินกลับไปเข้าไปในบ้านโดยมีผู้เป็นยายช่วยประคองอย่างทุลักทุเล ก่อนจะนำใบบัวบกมาคั้นให้หลานกินแก้ช้ำใน เขารับมันมาดื่มจนหมดก่อนล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้
คิดถึงเธอแทบขาดใจ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ…
ร่างสูงใหญ่ค่อยขยับช้า ๆ ไปนั่งที่ระเบียงหน้าบ้าน เจ็บกายมันไม่เท่าไร แต่ปวดใจเพราะแรงคิดถึงมันทรมานเหลือเกิน
เขาจะได้พบเธออีกไหม เธอจะหายไปจากชีวิตเลยหรือเปล่า เขาจะนั่งอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้เธอจากไปอย่างนั้นเหรอ
ไม่ เขาไม่ยอมเสียเธอไปแน่ !
คิดได้ดังนั้น นายไฟก็หันไปมองในบ้าน เมื่อพบว่าผู้เป็นยายหลับสนิทก็ค่อยกระย่องกระแย่งเดินลงจากบ้าน หยิบจักรยานคันเก่าปั่นเข้าไปในเมืองทันทีทั้งที่เจ็บเนื้อเจ็บตัวเหลือเกิน
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเขาก็มายืนอยู่เบื้องหน้าโรงแรมที่อวัศยาและพ่อพักอยู่ แม้ว่าจะเป็นโรงแรมเล็ก ๆ แต่ก็มีป้อมยามอยู่ด้านหน้า ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเดินออกจากที่นั่นแล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกไปข้างนอก มองเข้าไปในล็อบบี้มีพนักงานผู้หญิงนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออะไรสักอย่าง
ไฟจำได้ เธอบอกเขาว่าพักอยู่ชั้นสาม ห้องริมสุดฝั่งติดหน้าโรงแรม แต่คงไม่สามารถเดินดุ่ม ๆ ไปเคาะประตูแล้วคุยกับเธอได้โดยไม่ผ่านลูกน้องและพ่อของเธอ
เขาเดินออกไปยืนแหงนมองระเบียงฝั่งที่ห้องเธออยู่และกำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะสามารถสื่อสารกับเธอให้ได้
แล้วเขาก็โชคดีอีกครั้ง ร่างหนึ่งโผล่มายืนที่ระเบียงแม้จะอยู่ในระยะไกลระหว่างพื้นดินและชั้นสาม แต่เขาก็จดจำเธอได้แม่นยำนัก
“ หมอก ! ” เขาร้องเรียกเธอออกมาอย่างดีใจ โรงแรมบ้านนอกในยามค่ำคืนเงียบสงัด ทำให้เจ้าของชื่อได้ยินชัดเจน เธอมองหาเจ้าของเสียงก่อนจะเจอร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างล่าง
“ ไฟ ! ”เธอร้องเรียกเขาด้วยรอยยิ้มและหัวใจอันชุ่มชื้นไม่ต่างกัน พลางมองหน้ามองหลังหาทางลงไปคุยกับเขาให้ได้
ทว่าชีวิตจริงมันแตกต่างจากในละคร ไอ้จะให้เอาผ้าปูที่นอนมามัดแล้วโรยตัวลงไปเห็นทีจะคอหักตายพอดี อวัศยาจึงเลือกที่จะเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบปากกาและสมุดโน้ตเล่มเล็กในกระเป๋าออกมา เขียนมันลงไปแล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ โยนมันลงมาตรงที่เขาอยู่
มือใหญ่หยิบก้อนกระดาษยับย่นด้วยรอยยิ้ม ก่อนคลี่มันออกอ่าน
“ ไฟเป็นยังไงบ้าง หมอกเป็นห่วงเหลือเกิน คุณพ่อไม่ยอมปล่อยให้หมอกเป็นอิสระ ตอนนี้ที่หน้าห้องก็มีลูกน้องเฝ้าอยู่ อยากลงไปหาแต่ก็ทำไม่ได้ คุณพ่อบอกว่าพรุ่งนี้จะมีเพื่อนของคุณพ่อกับลูกชายมาที่นี่เรื่องธุรกิจ จะให้เราคบหากัน หลังจากนั้นจะพาหมอกกลับกรุงเทพฯ หมอกไม่อยากไปไหน ไม่อยากคบใคร หมอกเป็นของไฟ หมอกรักไฟ ”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มด้วยหัวใจชุ่มชื้น เพียงเท่านี้ความเจ็บปวดทุกข์ยากทั้งปวงก็มลายหายไปสิ้นแล้ว
เขาก็รักเธอที่สุด รักแทบบ้า อยากกอด อยากจูบ อยากมีเธอในอ้อมแขนแบบนั้นตลอดไป
“ เรารักหมอกที่สุดในชีวิต ” เขาตะโกนกลับขึ้นไปแล้วทำท่าอ้าแขนกอด เพียงเท่านั้นความอบอุ่นก็ส่งผ่านอากาศขึ้นไปต้องแตะถึงหัวใจสาวน้อยบนชั้นสาม
น้ำตารินไหลอาบแก้ม เธอจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีเขา เธอจะทำอย่างไรถ้าคุณพ่อบังคับให้คบหากับผู้ชายคนอื่นในเมื่อทั้งตัวและหัวใจเธอมอบให้ชายผู้นี้หมดแล้ว
…ไฟของหมอก
วินาทีนั้นเธอตัดสินใจได้ทันที จึงเขียนลงไปในสมุดแล้วปั้นเป็นก้อนกลมโยนลงมาอีกครั้ง ไฟรีบเปิดอ่านก่อนจะเบิกตากว้าง
“ พรุ่งนี้เช้าไม่เกินเจ็ดโมง หมอกจะหาทางไปหาไฟที่บ้าน แล้วเราจะหนีไปด้วยกัน หนีไปไม่ให้คุณพ่อตามเจอ หนีไปใช้ชีวิตด้วยกัน ”
ไฟยิ้ม ไม่คิดว่าเธอก็ใจตรงกันกับเขา
ใช่แล้ว เขากะว่าจะมาชวนเธอหนีไปด้วยกัน !
“ เราจะรอ ”
เขาเงยหน้าตะโกนกลับขึ้นไป ยืนจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนปั่นจักรยานกลับออกมาด้วยหัวใจพองโต