เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 7 ไม่ผิดแน่

ทั้งคู่คุยกันอยู่อีกสักพัก อวัศยาก็ขอตัวกลับเพราะฝากพ่อไว้ให้พี่ส้มดูแล เธอต้องรีบกลับเข้าบ้านเพราะเกรงใจ โดยมีเพื่อนรักขับรถมาส่งถึงหน้าบ้านแล้วเลยไปยังร้านยาของตนในทันที

อวัศยาสาวเท้าเข้าบ้าน มือขวาถือถุงโจ๊กเจ้าอร่อยและนมชงสำหรับผู้ป่วยที่มีคุณค่าทางอาหารมากกว่านมทั่วไปที่ปรียาฝากมาให้ เนื่องจากกล้ามเนื้อในการขบเคี้ยวของเสี่ยอิทธิผู้เป็นพ่อไม่สามารถสบกันได้ดังปกติ ดังนั้นจึงสามารถรับประทานได้เฉพาะของเหลว

ทว่าก็ต้องแปลกใจเมื่อประตูห้องพักของตนกับพ่อถูกเปิดอ้า ก่อนออกไปเธอก็ว่าปิดเรียบร้อยดี ทั้งยังฝากฝังกับพี่ส้มให้มาดูพ่อให้ด้วย

เมื่อเดินเข้าไปที่หน้าประตูก็ต้องตกใจเป็นคำรบที่สองเมื่อพบว่าร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ที่ปลายเตียงของพ่อ จ้องมองไปยังร่างที่หลับสนิทนิ่ง

“ คุณอัคคี ! ” เป็นเธอเองที่หลุดปากเรียกชื่อเขาเสียดัง แล้วทำให้ผู้เป็นพ่อที่หลับสนิทต้องลืมตาตื่นขึ้นมา

ปากที่บิดเบี้ยวยกขึ้นยิ้มเมื่อเห็นลูกสาว ทว่าเมื่อเบือนหน้าไปเห็นผู้มาเยือนที่ปลายเท้าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเหือดหาย ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดราวกับเห็นมัจจุราชมารอรับไปลงนรก มือทั้งสองกำแน่นก่อนจะเกร็งกระตุกคล้ายจะชัก อวัศยารีบวิ่งเข้าไปหาแล้วกอดพ่อแล้วพยุงให้นั่ง

“ คุณพ่อ คุณพ่อคะ หายใจลึก ๆ ค่ะ หายใจเข้ายาว ๆ ผ่อนออกยาว ๆ ใจเย็น ๆ ทำตามหมอกนะคะ เข้า ออก เข้า ออก เข้า ออก ” เธอบอกตามที่แพทย์เคยสอนไว้ เสี่ยอิทธิค่อย ๆ ใจเย็นแล้วทำตามที่ลูกสาวบอก กล้ามเนื้อที่เครียดเกร็งค่อยคลายลง เธอเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำข้างเตียงเทใส่แก้ว แล้วใช้ช้อนตักค่อย ๆ ป้อนเข้าปากผู้เป็นพ่อ ทั้งใช้มันลูบหน้าลูบตาให้เขาสดชื่น เมื่อทุกอย่างดีขึ้นถึงได้จดจำว่ามีอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องจึงหันไปหา ทว่าไม่มีร่างสูงใหญ่อยู่ตรงนั้นแล้ว ว่างเปล่า…

“ ไอ… ไอ้… ไอ ” นายอิทธิพยายามพูดบอกบางอย่างด้วยแววตาตื่นตระหนก อวัศยายิ้มก่อนจะถามกลับ

“ คุณพ่อหมายถึงนายไฟใช่ไหมคะ ” ผู้ป่วยพยักหน้า

“ ไม่ใช่หรอกค่ะคุณพ่อ นี่คือคุณอัคคี เป็นคนที่มาซื้อบ้านเราไว้แล้วใจดีให้เราอยู่ต่อก่อนได้ไงคะ ” พ่อของเธอส่ายศีรษะ

“ ไอ้ไอ ไอ้ไอ ”

“ ไม่ใช่ค่ะคุณพ่อ แค่หน้าคล้าย ตอนแรกที่หมอกเห็นก็ยังตกใจเลยนึกว่าเป็นนายไฟ แต่ยังไง ๆ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ คุณอัคคีคนนี้เขาเป็นนักธุรกิจร่ำรวยเชื้อสายแคนาดาดูไบโน่น คนละคนกับนายไฟนะคะ นายไฟคนนั้นหลังจากที่ได้เงินค่าที่ดินจากคุณพ่อแล้วก็อพยพไปตั้งรกรากที่ไหนไม่รู้ ” เธออธิบายไปยิ้มไป เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเงียบก็พูดต่อ

“ หมอกซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยมาฝาก คุณพ่อทานเลยนะคะ หมอกไปพบยัยเปรียวมา เธอฝากนมมาให้คุณพ่อด้วยนะคะ แล้วพี่วาทินก็ฝากบอกว่าให้ขยันทำกายภาพบำบัดช่วงล่าง เดี๋ยววันหยุดพี่วาทินจะเข้ามาช่วยทำให้ อีกหน่อยคุณพ่อก็จะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ” เธอสาธยายถึงความเป็นห่วงเป็นใยของปรียาเพื่อนรัก และวาทินสามีของเธอที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัดประจำโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งพลางค่อยวางร่างของพ่อผ่อนลงกับเตียงแล้วเดินไปเทโจ๊กใส่ชามที่อีกมุมของห้อง ทว่าผู้ป่วยมีใบหน้าขึงเครียดเป็นที่สุด

แม้ว่ากาลเวลาจะผันผ่านเพียงใด มันเองจะเปลี่ยนแปลงเปลือกนอกไปสักแค่ไหน เขาก็จำแววตานั้นได้ แววตาหยิ่งทะนง ที่ฉายประกายอาฆาตแค้นแรงกล้าจนเสี่ยใหญ่ผู้มีอิทธิพลอย่างเขายังอดที่จะเสียวสันหลังวาบไม่ได้

เป็นไอ้ไฟ ไม่ผิดแน่ !

***

ห้าทุ่มครึ่ง

อวัศยาหลับไปเมื่อหัวค่ำแล้วตื่นขึ้นมา พอข่มตาลงมันก็ไม่หลับ ถึงพ่อจะนอนอยู่บนเตียง แล้วเธอนอนที่มุม ด้านหนึ่งด้วยที่นอนขนาดสามฟุตครึ่งแต่ก็กลัวว่าการพลิกตัวไปมาจะปลุกให้พ่อตื่น เธอจึงเปิดประตูแล้วเดินออกไปนั่งที่ชิงช้าไม้ที่ผูกไว้กับต้นฉำฉาใหญ่หน้าเรือนพักคนรับใช้

เงียบ สงบ มีเพียงเสียงลมหวิวไหว คนงานทุกคนในบ้านคงกำลังเพลิดเพลินกับนิทรา กระทั่งดวงจันทร์บนผืนฟ้าก็ยังทอแสงเพียงรำไรคล้ายกำลังพักผ่อนไปด้วย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset