เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 6 แค่นั้นก็สุขแล้ว

อวัศยายิ้มกว้าง น้ำตาคลอหน่วย ก่อนจะยกมือขึ้นกุมมือเพื่อนอีกที

“ ขอบใจนะแก ฉันต้องคำนวณการใช้เงินให้ถี่ถ้วนเลยตอนนี้ คุณพ่อไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ไอ้จะให้จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล เงินในบัญชีที่เหลือเพียงแสนต้น ๆ ของฉันก็เห็นจะไม่พอ ฉันจำเป็นต้องเก็บไว้ให้ค่ายาพ่อด้วย และฉันต้องหาที่อยู่ให้ได้ไวที่สุดที่จะย้ายออก ถึงแม้คุณอัคคีเขาจะบอกว่าให้ฉันอยู่ได้เท่าที่ต้องการ แต่ฉันก็ไม่สบายใจที่จะอยู่ที่นั่นหรอก ”

“ อีตาอัคคีนี่ก็แปลกนะ ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่ดูอีกทีไม่ใช่ ถ้าคนเรามันจะดีจริง ทำไมต้องให้แกกับพ่อย้ายไปอยู่เรือนคนใช้วะ เหมือนอยากจะเยาะเย้ยเหยียดหยาม ”

“ มันก็ปกตินี่แก เขาซื้อบ้านฉันแล้ว นี่ก็ถือว่าเมตตาแล้วที่ให้ฉันอยู่ ”

“ ไม่หรอก ถ้าเขาดีจริง เขาน่าจะให้แกอยู่บนคฤหาสน์จนกว่าจะหาที่อยู่ได้ ห้องหับก็มีเป็นสิบ อย่างน้อยมันก็เป็นการให้เกียรติแกกับคุณพ่อ แล้วทำไมต้องให้ไปอยู่ที่เรือนคนใช้ ” คำพูดของเพื่อนรักทำให้อวัศยาได้คิด ท่าทีกับคำพูดของเขาบางทีก็ดูแปลก ๆ

“ …ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ไอ้จะให้ไล่ที่คนกำลังเดือดร้อนน่ะ ผมทำไม่ลงหรอก ไม่ได้ใจหมาขนาดนั้น ”

คงไม่หรอกมั้ง เธอกับเขาไม่เคยมีเรื่องแค้นเคืองกันมาก่อน เอาจริง ๆ เธอเองก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร เขาหรอก ยกเว้นก็แต่คุณพ่อเท่านั้นที่ต่างจากเธอและแม่ราวขาวกับดำ

“ หรือว่าเขาจะเคยมีเรื่องบาดหมางกับคุณพ่อมาก่อน ”

“ งั้นแกลองถามคุณพ่อแกดูสิหมอก ” อีกฝ่ายส่ายศีรษะ

“ ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากให้อาการของคุณพ่อย่ำแย่ไปกว่านี้ เอาเป็นว่าฉันจะพยายามหาทางออกมาจากที่นั่นให้เร็วที่สุด บางทีฉันอาจจะต้องทำอะไรที่ทำได้จากบ้านและสามารถดูแลพ่อไปด้วย ”

“ เออ นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเรามาช่วยกันคิด ฉันจะลองไปปรึกษาสามีฉันอีกแรง ”

“ หรือฉันจะทำขนมขายดีวะเปรียว ขนมไทยที่แม่ถ่ายทอดให้ฉันก็จำได้หมด เบเกอรี่ฉันก็ทำเป็น คอร์สเบเกอรี่ที่เคยไปเรียนเพิ่มเติมที่ฝรั่งเศสมันน่าจะช่วยชีวิตให้ฉันอยู่รอดได้ในตอนนี้ ” อีกฝ่ายถอนใจเฮือก

“ มันก็ดี แต่แกจะเหนื่อยมากนะหมอก ทั้งดูแลพ่อทั้งทำขนม ไหนจะล้างข้าวของ ไหนจะขายของ แกไม่เคยลำบาก ฉันเป็นห่วง ” อวัศยายิ้ม

“ แกดูถูกฉันเกินไปแล้วเปรียว สลัดภาพลูกคุณหนูออกไปได้เลย สายหมอกคนนี้แกร่งเกินกว่าที่จะอ่อนแอ ฉะนั้น แกก็ไม่ต้องมาทำห่วงใยจนโอเว่อร์ โอเค้ ” ปรียาฝืนยิ้มแล้วพยักหน้าให้เพื่อนด้วยความเป็นห่วง

“ หมอก ฉันขอพูดอะไรอย่างได้ไหมวะ ” อวัศยาจ้องตาเพื่อน ริมฝีปากอวบอิ่มแย้มยิ้มก่อนเอ่ยขึ้นก่อน

“ ถ้าแกจะพูดเรื่องที่ว่าให้ฉันเลิกรัก เลิกรอ เลิกคิดถึงนายไฟล่ะก็ ฉันขอตอบว่าอิมพอสสิเบิ้ล ยัยเปรียว ”

อีกฝ่ายทำหน้าเหลือเชื่อ

“ ทำไมวะหมอก แกก็ทั้งสวย ทั้งเก่ง คุณสมบัติครบถ้วนทุกอย่าง ผู้ชายดี ๆ ก็พร้อมจะวิ่งเข้าหา ทำไมแกต้องไปเฝ้ารักเฝ้ารอไอ้หนุ่มบ้านนอกที่หายสาบสูญไปไหนไม่รู้เป็นสิบปี อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ ฉันว่าป่านนี้นายไฟอะไรนั่นคงมีเมียมีลูกเป็นโขยงแล้ว อย่าให้เขามาดึงแกให้จมปลักอยู่กับความทรงจำเก่า ๆ จนปิดโอกาสตัวเองเลย แกเลิกคิดถึงเขา เปิดใจให้คนดี ๆ เข้ามาในชีวิตเถอะหมอก ฉันขอร้อง ฉันเป็นห่วงแก ฉันพูดจริง ๆ นะ ”

“ ฉันรู้เปรียว แกเป็นเพื่อนรักคนเดียวที่ฉันมีอยู่ ฉันรู้ว่าแกหวังดี แต่ฉันก็ยังคงยืนยันนะว่านายไฟไม่เคยทำให้ฉันจมปลักอะไรทั้งสิ้น แต่มันคือความทรงจำที่งดงาม มันเป็นเพราะฉันเองต่างหากที่ไม่นึกอยากจะรักใคร ถ้าจะผิด ก็ผิดที่ฉันเองนี่แหละ ฉันขอยืนยันว่ามีความสุขดี เรื่องผู้ชายหรือคู่ครองไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิต ”

“ แกจะบอกว่าแค่ทรงจำในวันเก่า ๆ กับนายไฟ นั่นก็เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงหัวใจให้แกมีความสุขจนไม่ต้องการใครมาเติมเต็ม แบบนั้นเหรอวะ ”

“ แกเข้าใจถูกแล้วเปรียว แค่นั้นก็สุขแล้ว ”

ปรียาลอบระบายลมหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นแววตาและน้ำเสียงน้ำหนักแน่นของเพื่อนรัก ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรเพราะมันนับไม่ถ้วนที่เธอบอกให้เพื่อนลืมเลือนมันไปซะ ทว่าเพื่อนก็ยังคงยืนยันกระต่ายขาเดียว

ไม่รู้ว่าผู้ชายบ้านนอกคนนั้นมันมีเวทมนตร์วิเศษอะไรนักหนา ถึงได้ทำให้อวัศยาหลงใหลอยู่ในวังวนอย่างถอนตัวไม่ขึ้นทั้งที่ไม่ได้พบเจอกันเป็นสิบปี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset