เรียกได้ว่าในห้อง‘รกมาก’ เช่นกระโปรงยาว กระโปรงสั้น ชุดราตรีเป็นต้น นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะชุดชั้นใน วางเกลื่อนกลาดไปหมด ไม่ต้องพูดถึงภาพแขวนนั่นบนกำแพงเลย ดูยังไงก็อึดอัด
เธอหลินถงไม่ได้เป็นคนที่ไม่เก็บกวาดนี่ ทำไมทั้งห้องเหมือน‘โดนยกเค้า’อย่างไรอย่างนั้น แค่แว็บเดียว ฟางเหยียนก็เข้าใจ ว่าเธอรีบจะเจอตน จนถึงขั้นไม่ทันได้จัดการชุด
แต่จัดการชุดชั้นในของตัวเองต่อหน้าผู้ชายที่ทรงพลัง แบบนี้จะดีจริงเหรอ?
ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี หลินถงก็ทำแบบนั้นไปแล้ว แต่ฟางเหยียนกลับเสียใจที่เข้ามา
“เอิ่ม เอิ่ม…..ไม่งั้นผมหลบไปก่อนดีมั้ย”
ฟางเหยียนที่ผ่านเรื่องทางโลกมาก่อนเข้าใจดี ผู้หญิงคนหนึ่งแสดงอีกด้านของตัวเองต่อหน้าผู้ชาย หมายถึงผู้หญิงคนนี้รักผู้ชายคนนี้มาก โดยเฉพาะชุดลับของตัวเอง ความเป็นส่วนตัวที่ส่วนตัวสุดๆแบบนี้ แสดงออกมาต่อหน้าของผู้ชายคนใดคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว เพียงพอที่จะเห็นถึงความรักของเธอที่มีต่อชายคนนั้น
หลินถงกะพริบตาใส่ฟางเหยียน “หรือคุณกลัวว่าฉันจะทำอะไรมิดีมิร้าย?ฉันผู้หญิงคนหนึ่งยังไม่กลัวเลย แล้วคุณกลัวอะไร?เป็นผู้ใหญ่กันแล้วฉันแยกแยะออกว่าอะไรคืออะไร แน่นอน ถ้าคุณต้องการ ฉันก็ยินดีมาก แต่เห็นคุณเขินอายแบบนี้ ฉันคาดไม่ถึงจริงๆนะเนี่ย ฟางเหยียนคุณก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
อะไรคืออะไร!
ฟางเหยียนสงสัยว่าหลินถงกำลังขับรถ แต่เขากลับไม่มีหลักฐาน
ผู้หญิงคนนี้นี่มันช่างจริงๆ!
ไม่ปกปิดความปรารถนาของตัวเองแม้แต่น้อย โดยเฉพาะความโปรดปรานต่อฟางเหยียน ตอนนี้เขาไม่มีวาสนาได้มีความสุขเป็นธรรมดา เขารู้ดีถึงเป้าหมายที่ตัวเองมา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลินถงจะรังแกเขา เหตุผลง่ายมาก หลินถงเป็นผู้หญิงที่ฉลาด รู้ดีมากว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
แต่เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งลั่นวาจาแบบนี้ออกมาแล้ว แล้วฟางเหยียนยังจะอึดอัดไปไม่เป็นทำไมกัน?หาโซฟาแล้วนั่งลง แต่เมื่อนั่งลง ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ราวกับนั่งทับอะไรอยู่ เอามือไปหยิบ ชุดชั้นในขอบลูกไม้สีแดงปรากฏต่อหน้าของฟางเหยียน เขาตกใจจนหน้าแดงขึ้นมา หายใจแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
พูร์!
ฟางเหยียนรู้สึกเลือดลมสูบฉีด เลือดปะทุไปทั้งตัว
หรือหลินถงตั้งใจ!
มันช่างจริงๆ!
หลินถงกำลังเก็บกวาดชุดชั้นใน ได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องยิ้มขึ้นมา ริมฝีปากขยับเล็กน้อย ยิ้มอย่างสวยงามแล้วกล่าว “สวยมั้ยคะ?”
“ครับ……” จู่ๆฟางเหยียนก็เงียบไป จากนั้นโยนชุดไปตรงหน้าของหลินถงพอดี และดูๆแล้วเขาร้อนรนสุดๆ นั่งยืดตัวตรง จงใจหันหลังให้หลินถงโดยตั้งใจ แต่เมื่อหันหลังเห็นภาพที่แขวนบนกำแพง รูปหน้าตรงของตัวเอง อับอายมากกว่าการจับโดนชุดชั้นในหมื่นเท่าเสียอีก
“คิกๆๆ……” จู่ๆในห้องก็มีเสียงโง่ๆของหลินถงดังขึ้นมา ความอับอายของฟางเหยียนราวกับบรรเทาความเคร่งเครียดของเธอโดยสิ้นเชิง ทำให้เธอเป็นตัวของตัวเองมาก กลับกันตอนนี้คนที่ไม่เป็นตัวของตัวเองคือฟางเหยียน
หลังจากหัวเราะ หลินถงกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณไม่ชอบมาพากลมาก!”
ฟังดูแล้วเป็นทางการ แต่ในน้ำเสียงกลับแสดงความเหลาะแหละและความสุขปรากฏออกมาอย่างเปิดเผย ฟางเหยียนก็มีด้านที่น่ารัก ไม่พูดถึงฟางเหยียนที่เย็นชาหยิ่งยโส
ฟางเหยียนถามอย่างสงบๆ “นี่เป็นกับดักกามที่คุณเตรียมไว้ให้ผม?”
“อยู่ห้องเดียวกับคนสวย เป็นเรื่องที่ผู้ชายหลายคนต้องการ อย่าว่าเลย ฉันอยากได้คุณ แต่ฉันไม่คิดจะทำแบบนั้น เพราะฉันรักคุณ”
ฉันรักคุณ!
สามคำเต็มไปด้วยความหมาย บางทีมันคือคำมั่นสัญญาและความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง หรือบางทีเป็นเรื่องตลกในความโรแมนติก หรือบางทีเป็นนิยามสุดท้ายของความรัก หรืออาจจะเป็นความคาดหวังของความรักที่ครอบครองไม่ได้ หรือบางทีเป็นวิธีขั้นสุดยอดของอุบายชายโฉดใช้กับเด็กสาว หรืออาจจะพูดว่านี่คือเรื่องตลกของคนที่ถูกความรักทำร้ายจนถลอกปอกเปิก แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ฉันรักคุณสามคำนี้หมายถึงผลลัพธ์ของท่าทีอย่างหนึ่ง การพบกันรู้จักกันจนรักกันอย่างหนึ่ง
มีคนพูดว่า ถ้าคุณไม่สามารถให้เธอสวมชุดแต่งงานได้ กรุณาอย่าถอดชุดของเธอ
นี่เป็นคำนิยามที่ดีที่สุดสำหรับความรัก แต่มักจะมีคู่รักที่ไม่ได้ครองคู่กัน!
เพราะฉันรักคุณสามคำนี้ เป็นตัวแทนของในใจเพียงแค่อยากปกป้องเธอให้ดี ไม่ใช่แค่ผ่านๆเท่านั้น
ฟางเหยียนเชื่อ ว่าความรักที่หลินถงมีต่อเขา เกินกว่าธรรมชาติของความรัก ไม่ใช่ฉันรักคุณเรารักกันในความโรแมนติก แต่เป็นความรักที่บริสุทธิ์
“หลินถง ช่วงนี้คุณเปลี่ยนไปมากนะ”
“ฟางเหยียนฉันรู้ค่ะว่าคุณอยากพูดอะไร ไม่มีอะไรมากไปกว่าฉันปล่อยตัวปล่อยใจ ไม่แคร์ภาพพจน์แล้ว?ไม่ค่ะ คุณคิดผิดแล้วล่ะ ต่อหน้าคนนอกฉันยังคงเย็นชา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของคนที่รัก ไม่เสแสร้งจึงจะสบายกว่า” หลินถงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะ คุณหันมาได้แล้วค่ะ ฉันเก็บเรียบร้อยหมดแล้ว”
ที่แท้ หลินถงก็ทำอะไรรวดเร็ว เก็บเสื้อผ้าหมดแล้วไม่ว่า แม้แต่ผ้าห่มยังพับเสร็จแล้ว
“ฉันไม่อยากพูดเรื่องที่ฉันเจอมาในช่วงนี้ เริ่มพูดจากคุณทำลายสำนักไร้หน้าก็แล้วกันนะคะ”
เมื่อพูดเรื่องเป็นการเป็นงาน ฟางเหยียนก็ตั้งใจฟัง พยักหน้าส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อไป
“หลังจากที่คุณล้างบางสำนักไร้หน้าแล้ว มีคนที่จะชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิงมาหาฉัน เขามีลักษณะภายนอกของผู้ชาย แต่เสียงกลับนุ่มนวลกว่าผู้หญิงเสียอีก เขาเรียกตัวเองว่าหยินฮว่า สำหรับผู้ชายที่แปลกๆแบบนี้ ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว แต่เขากลับพูดว่าตัวเองมาจากเพลิงเสวน และเป็นผู้ติดต่อที่รับช่วงต่อตระกูลถัง”
ฟางเหยียนจำชื่อนี้อย่างเงียบๆในใจ ไม่ได้ขัดจังหวะหลินถง
“หยินฮว่าคาดไม่ถึงมากกับการถูกล้างบางของอู๋หมิงเจ้าสำนักของสำนักไร้หน้า แต่สิ่งที่ทำให้ฉันคาดไม่ถึงยิ่งกว่า เขาเข้าใจตัวตนของฉันเป็นอย่างดี เรียกฉายานามอู๋ซวงของฉันอย่างเร็ว นี่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว แต่เมื่อนึกถึงว่าเขามาจากเพลิงเสวน ราวกับว่าทุกอย่างก็เคลียร์”
“เขาทำร้ายฉันเจ็บหนักก่อน จากนั้นก็ทรมานเค้นถามฉัน ทำไมฟางเหยียนเหลือคุณไว้เพียงคนเดียว เพราะความสวยของตัวเองดึงดูดเขาไว้ใช่มั้ย แต่ฉันกลับพูดความจริง เพราะฉันอยู่ตระกูลถังมานาน และได้แทนที่หลินถงคนนี้แล้ว เขาฟางเหยียนไม่รู้ตัวตนของฉัน ดังนั้นจึงได้ไว้ชีวิตฉัน”
“หยินฮว่าไม่เชื่อโดยปริยายอยู่แล้ว หลังจากทรมานไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ความรู้สึกสิ้นหวังค่อยๆครอบงำภายในจิตใจของตัวเอง การทรมานนาทีนั้น ฉันอยากตาย แต่ทุกครั้งตอนที่ฉันมีความคิดนี้ ในใจของฉันจะมีเสียงนี้คอยเตือนฉันอยู่ กัดฟันอดทนสักหน่อย มีชีวิตต่อไปจึงจะมีความหวัง”
“เป็นอย่างที่ว่า หลังจากที่ฉันได้ผ่านการทรมานของสำนักไร้หน้าอย่างไม่เป็นผู้เป็นคนในชีวิตมาได้ หนึ่งสัปดาห์ที่ทรมานที่สุด ถึงแม้จะเจ็บปวดรวดร้าว เหนื่อยทั้งกายและใจ แต่ฉันกลับไม่ประนีประนอมใดๆ สุดท้ายหยินฮว่าก็ยอม เหลือที่จะปล่อยฉัน ที่ปล่อยฉันไม่ได้หมายความว่าเชื่อฉัน แต่ทว่าทดสอบฉันต่างๆนานา”
“การทดสอบหลายครั้งหลายคราว และแล้วก็ได้รับความเห็นชอบของหยินฮว่า สุดท้ายฉันก็กลายเป็นคนที่ตัวเกลียด เข้าร่วมสาขาเหลืองของเพลิงเสวน และในช่วงที่อยู่ในสาขาเหลือง ฉันเพิ่งจะรู้ว่าหยินฮว่าเป็นรองถังจู่ของสาขาเหลือง และเหนือสาขาเหลือง ยังมีฟ้า ดิน ดำสามก๊วน ว่ากันว่าจ้าวขุมนรกของเพลิงเสวนยังมีทหารเพลิง ทหารเพลิงนี้มียี่สิบคน แต่ล่ะคนฝีมือแข็งแกร่ง แข็งแกร่งยังไงไม่รู้ สาขาเหลืองมีอยู่ประมาณสองร้อยคน ฝีมือของพวกเขามีคะแนนสูงต่ำ ที่แย่ที่สุดก็คือสาขาเหลือง จำนวนคนมากมายโดยปริยาย”
“ส่วนจำนวนคนของสาขาดำและสาขาดินนั้นไม่ชัดเจน สิ่งเดียวที่รู้ก็คือสาขาฟ้า อยู่เหนือสามก๊วน ในนั้นมีสี่มหาราชแห่งสวรรค์ แยกเป็นกลางฟ้า วังฟ้า ภิณฑ์ฟ้าและกลฟ้า สี่มหาราชแห่งสวรรค์นี้ ดูแลสามก๊วนใหญ่ ฟังเพียงคำสั่งของจ้าวขุมนรก!”