ทว่าเจิ้งชงจับผิดฟางเหยียนได้พอดี ใบหน้าที่ราวกับคางคกขึ้นวอ เขาเอามือปิดหูเอาไว้แล้วไปรายงานกับฟางฟัง ทว่าฟางฟังไม่ได้เอ่ยอันใดเลย ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังเวินหลานที่กำลังลอยตัวลงมา แม้แต่บัดนี้เธอก็ยังต้องยอมให้กับความงามของเวินหลาน
“พี่เหยียน เวินหลานสวยมากจริงๆ จะพูดบรรยายยังไงก็บรรยายความงามของเธอออกมาไม่ได้” ฟางฟังจูงมือฟางเหยียนพร้อมเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์ตื่นเต้น
ฟางเหยียนมีสีหน้าสงบนิ่ง ราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเห็นฟางเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แม้แต่ตาก็หน่ายที่จะเบิกขึ้น ฟางฟังจึงเอ่ยขึ้นเสียงค้อน “น่าเบื่อ!”
“เวินหลาน…”
ฟางเหยียนรู้สึกเพียงในหัวมีเสียงโครมครามดังขึ้น ราวกับหูคู่นั้นชาไปแล้ว บ้าคลั่งดาราจนถึงขั้นนี้ได้ เขายากที่จะรับไหวจริงๆ ทว่ายังดีที่ ขณะที่เวินหลานอยู่บนเวทีนั้น เสียงกรี๊ดก็ลดลงครึ่งหนึ่งแล้ว เวินหลานที่อยู่บนเวที อ่อนโยนตราตรึงใจ ใบหน้าอันงดงามนั้นราวกับกำลังจับสายตาของคุณอยู่ ทำให้คุณเคลื่อนออกไปได้ยาก
“เพื่อนๆ แฟนคลับที่น่ารักทุกท่าน ขอบคุณการต้อนรับที่เป็นมิตรนี้ของคุณมากๆ ฉันคือเวินหลาน ฉันรักพวกคุณ…”
น้ำเสียงอันไพเราะราวกับเสียงร้องของนกขมิ้น ดังกลบเสียงในห้องโถงอันวุ่นวายทันทีทันใด และในขณะเดียวกันนี้ ห้องโถงใหญ่อันวุ่นวายก็เงียบลงทันที ทุกคนต่างก็โบกแท่งไฟเรืองแสงในมืออย่างคึกคัก สายตาจับจ้องไปยังเวินหลานผู้สวยสดงดงามบนเวที
“เอาละ ไม่ขอพูดอะไรมากแล้ว สำหรับความเป็นมิตรของทุกคน ฉันคงทำได้แค่ร้องเพลงตอบแทนพวกคุณ ขอบคุณพวกคุณ บทเพลงที่ฉันนำมามอบให้ทุกคนคือ “เขาไม่เข้าใจ” ”
เสียงปรบมือดังขึ้น พร้อมเพรียงกัน!
แม้แต่ฟางเหยียนก็ปรบมือขึ้นตามเช่นกัน หลังจากปรบมือเสร็จแล้วกลับต้องอึ้งไป
คิดไม่ถึงว่าเวินหลานจะเป็นที่ชื่นชอบถึงเพียงนี้!
จังหวะเพลงดังขึ้น ทั้งห้องโถงใหญ่คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
“เขาทิ้งเงาแผ่นหลังไว้ให้คุณ”
“สำหรับความรักไม่เอ่ยสักคำ”
“ทำให้คุณร้องไห้จนตาแดงก่ำ”
“เขาพูดคำโกหกอย่างน่าฟังถึงเพียงนี้เลยหรือ”
……
ผู้ชมทั้งห้องโถงใหญ่ต่างก็ตกตะลึง ยิ่งไปกว่านั้น มีบางคนร้องไห้ออกมา
น้ำเสียงของเวินหลานช่างพิเศษโดดเด่นไม่เหมือนใคร ราวกับน้ำเสียงแห่งธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมต้องเข้าไปอยู่ในห้วงภวังค์ ราวกับกลับไปยังช่วงเวลาที่ไม่รู้จักกับความรักใหม่ๆ ความไม่รู้จักดีและความเสียดายไม่ได้ครอบครองความรัก
สุดท้าย ผู้คนที่ร่วมร้องด้วยกัน ก็ร้องพร้อมกันขึ้นมาเสียงดัง!
เวินหลานร้องไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนคลับได้ เธอยินดีอย่างยิ่ง
และในขณะที่การร้องมาอยู่ในช่วงสุดท้าย ทันใดนั้น เสียงในไมค์ก็ดับลง! นอกจากทำนองเพลง ก็ไม่มีเสียงร้องของเวินหลานอีก เวินหลานหยุดชะงัก ดวงตาคู่นั้นมองไปยังที่ที่หนึ่ง!
หากจะบอกว่าเวินหลานร้องปลอมๆ ไม่มีผู้ใดกล้าเชื่อ!
“เอ๋ ทำไมหยุดแล้วล่ะ?”
“นั่นน่ะสิ? เกิดอะไรขึ้น?”
ทุกคนต่างก็เคลื่อนสายตาไปยังเวินหลาน ภายในหัวล้วนเป็นความฉงนใจและไม่เข้าใจ!
ทั้งห้องโถงฮือฮาขึ้นมา เกิดเป็นเสียงวุ่นวายผสมปนเปกันดังขึ้น!
“ปัง!” เห็นเพียงไมค์หล่นลงสู่พื้น! จากนั้นก็มีฉากอันน่าทึ่งเกิดขึ้น
คิดไม่ถึงว่าเวินหลานจะทิ้งผู้ชมไว้แล้วจากไป
เวินหลานเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยนเซ็กซี่รู้จักตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรให้ตำหนิ ภายใต้แสงไฟนีออนเธอทั้งสุขุมและมั่นใจในตัวเอง ราวกับไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ดึงความสนใจจากเธอไปไม่ได้เลยสักนิด
ทว่าตอนนี้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะทิ้งผู้ชม โดยไม่สนใจไยดี ไม่สนภาพลักษณ์ของตนเอง ออกไปจากเวทีของเธอด้วยความซมซาน
และนี่แถมยังอยู่ภายใต้การจับจ้องของผู้คนนับหมื่นด้วย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ความตะลึงงันเกิดขึ้นเนิ่นนาน ในที่สุดก็เรียกสติกลับคืนมาได้ และในเวลาเดียวกันนี้ สายตานับร้อยก็จับจ้องมารวมอยู่ที่เวินหลาน ใครก็อยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าตามทิศทางที่เวินหลานวิ่งไปนั้น ทั้งห้องโถงก็ไม่สงบนิ่งขึ้นมาทันที
เธอสูญเสียการควบคุมไป เสียมารยาทเพื่อผู้ชมด้านล่างเวที!
ผู้ใดกันนะ? ใครกันแน่ที่ทำให้เวินหลานสูญเสียตัวเองเช่นนี้!
ไม่มีใครทราบ!
ทว่าขณะที่เวินหลานจับจ้องมายังแถวแรกนั้น ทั้งห้องโถงก็ฮือฮาขึ้นมา จากนั้นก็สงบนิ่งลง
คนที่นั่งอยู่ตรงแถวนั้นก็คือคุณชายวายร้ายแห่งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ เจิ้งชงนั่นเอง!
ไม่สงบนิ่งแล้วจะทำอย่างไรได้?
เทียบชาติตระกูล? เทียบตำแหน่ง? หรือเทียบเงินทอง?
ใครจะเหนือกว่าเจิ้งชงได้?
เจิ้งชงคือใคร!
ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเจิ้งแห่งเจียงตู คุณชายตระกูลเศรษฐีที่มีแต่คนรักประคบประหงม จุดเริ่มต้นคือจุดสุดท้ายของใครหลายคน จะเอาอะไรไปเทียบกับเขาได้? ขณะที่ใครหลายคนดิ้นรนเพื่อสู้ชีวิต เขาก็อยู่เหนือผู้คนทั้งหมดแล้ว ไม่มองผู้คนทั้งหลายไว้ในสายตา เงินทองของผู้หญิงอะไรนั่น สำหรับเขาแล้วก็คือกระดาษหนึ่งแผ่นเท่านั้น
“จริงสิ เหมือนจะมีข่าวแพร่กันว่า คุณชายเจิ้งใช้เงินสามสิบล้านซื้อสองชั่วโมงของเวินหลาน ว่ากันว่าเป็นการกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
มีคนพูดขึ้นมาหนึ่งคน แน่นอนว่าต้องมีเสียงตอบกลับในเวลาต่อมา
“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องจริงสิ โจวซานแพร่กระจายข่าวนี้ไปตั้งนานแล้ว เพื่อจะเอาใจฟางฟัง คุณชายเจิ้งจ่ายเงินก้อนโตโดยไม่เสียดายในการให้เวินหลานมาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณแฟนคลับที่มหาวิทยาลัยเรา ไม่งั้นเธอคิดว่ามหาวิทยาลัยเราที่ธรรมดาและไม่มีความสามารถเช่นนี้ จะเชิญดาราที่กำลังดังอยู่ในขณะนี้มาได้เหรอ?”
“งั้นถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ก็ไม่มีเหตุผลเลยนี่ เวินหลานก็ไม่ถึงขั้นต้องสูญเสียความเป็นตัวเองจนเป็นแบบนี้นี่นา? ทิ้งแฟนคลับตั้งมากมายไป โดยไม่สนใจไยดีเนี่ยนะ? นี่ไม่ใช่สไตล์เวินหลานเลย?”
“ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่มีเหตุผล แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าคุณชายเจิ้ง ความไม่มีเหตุผลทุกอย่างก็จะกลายเป็นมีเหตุผลขึ้นมา พวกเธออย่าลืมชื่อเสียงอันกระฉ่อนของคุณชายเจิ้งซะล่ะ!”
ได้ยินดังนั้น ก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรเพิ่ม
ใช่แล้ว!
ความไม่มีเหตุผลทุกประการเมื่ออยู่ต่อหน้าเจิ้งชงก็จะกลายเป็นมีเหตุผลขึ้นมา!
ประเด็นถกเถียงราวกับเกิดเป็นกระแสขึ้นมา ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเวินหลานหยุดการร้องเพลงไปเนื่องจากเจิ้งชง ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงไปแล้ว! ผู้คนที่เดิมทีเดือดดาลอยู่แล้ว ทันใดนั้นก็ระงับความโกรธลงทันที
แม้ว่าเทพธิดาจะดี แต่ผู้ใดจะกล้าผิดใจกับเจิ้งชง!
เจิ้งชงในเวลานี้ก็เรียกสติกลับคืนมาได้จากความตะลึงงัน เมื่อได้ยินคำพูดที่ยกยอปอปั้นเช่นนี้ ภายในใจของเขาก็รู้สึกปีติเป็นอย่างยิ่ง มองมายังฝั่งฟางเหยียน ใบหน้าของเขาดูไม่จืดจนถึงขีดสุด! ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา
“คุณชายเจิ้ง คุณมันเจ๋ง!” โจวซานเคลื่อนสายตาไป ราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “สมกับที่เป็นคุณชายเจิ้งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เวินหลานลงเวทีได้ ในขณะที่ทุกคนร้องเพลงด้วยกัน ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้ สามารถมองเห็นความรักที่คุณชายเจิ้งมีต่อฟางฟังได้ วิธีการแบบนี้ทำให้ผมนับถือจนอยากจะก้มลงกราบ นับถือๆ ”
ซูฉางคายก็ถือโอกาสกล่าวประจบประแจงเช่นกัน “ท่าทางที่คล่องแคล่วดุดันของคุณชายเจิ้งในทุกครั้ง ล้วนเพียงพอที่จะให้พวกเราได้เรียนรู้นานมาก วันนี้ถือว่าผมได้เปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว นับถือๆ ”
สองคนที่เหลือก็เอ่ยประจบประแจงตามๆ กัน เมื่อมีคำยกยอปอปั้น เจิ้งชงมีความเหลิงขึ้นมา เขาแทบจะลืมไปเลยว่าไม่มีช่วงที่ได้ใกล้ชิดกับเวินหลานล่างเวที ทว่าในบัดนี้ คำพูดยกยอปอปั้นเหล่านี้ได้ผลมาก ทำให้เขาสะใจมาก ถึงอย่างไรก็เป็นเวลาแค่เพลงหนึ่ง เขาก็สามารถร่วมรับประทานมื้อค่ำกับเวินหลานได้แล้ว เธอไม่มีทางพูดอะไรได้เลย
ความกังวลของผู้คนนับหมื่น กลายเป็นความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังของทุกคน และเป็นสิ่งที่เขาต้องการเห็น!
ฟางฟังเองก็เรียกสติกลับคืนมาได้จากความประหลาดใจเช่นกัน ประเด็นถกเถียงที่ดังขึ้นมา เธอได้ยินทั้งหมดแล้ว เธอมองไปยังเจิ้งชงด้วยความตกตะลึง “เจิ้งชง นาย ทำให้ฉันประทับใจเกินไปแล้ว”
หากการถกเถียงเมื่อก่อนหน้าทำให้เขาเหลิงเล็กน้อย ความตื่นเต้นของฟางฟังก็เป็นความตกตะลึงจนลืมเรื่องอื่นไปเลย ราวกับวิญญาณที่เลื่อนขั้น ทำให้เขาลอยขึ้น!
เมื่อดูจากประสบการณ์การพูดเรื่องความรักที่ผ่านมาหลายปีของเจิ้งชง ยิ่งถึงช่วงเวลาสำคัญในตอนนี้ ก็ยิ่งต้องแสดงออกราวกับไม่สนใจ นี่เรียกว่ากลยุทธ์แสร้งปล่อยแล้วจับ สามารถทำลายเส้นเขตแดนสุดท้ายของผู้หญิงลงได้ จากนั้นก็จะสามารถใช้โอกาสคว้าไว้ได้
ราวกับเขาเห็นภาพใจจินตนาการว่า ฟางฟังจะยอมรับตนเนื่องจากการกระทำของเวินหลานแล้ว!
“ฟางฟังเธอชอบก็พอแล้ว!”
“อืม ฉันชอบมาก” ฟางฟังมีความสุขมากอย่างเห็นได้ชัด ตื่นเต้นจนรู้สึกลนลานเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่าอีกไม่นานก็จะได้ใกล้ชิดกับดาราที่ตนชอบแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ก็ราวกับเป็นความทรมานและความทุกข์ตรม เป็นการตอกย้ำคำพูดนั้นพอดี เจ็บปวดแต่มีความสุข!
เวินหลานวิ่งไปด้วยความเร็ว ได้ทิ้งระยะห่างอย่างมากแล้ว เธอในตอนนี้ ‘อยากกลับบ้านถึงขีดสุด’ ไม่สามารถรอได้ วิ่งราวกับเด็กพเนจรอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะคนที่เข้ามาใกล้ชิดยิ่งขึ้นคนนั้น ภายในใจของเธอลนลานไม่แตกต่างจากใครทั้งนั้นในห้องโถง