ฟางเหยียนสบตา ด้วยสีหน้าชิลล์ๆ แววตาอาฆาต แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกแกทำร้ายคุณน้าของฉันใช่มั้ย?”
คำพูดนี้เย็นชามาก เย็นชาจนเหมือนกับคำพูดผู้เฒ่าใกล้ตายพูดออกมา แหบ เลือดเย็น ราวกับสองสามคำที่พูดออกมานี้ เจ้าของเสียงจะขาดลมหายใจอย่างไรอย่างนั้น!
คนที่คุ้นเคยกับเทพแห่งสงครามจะรู้ ว่าปกติจอมพลโผ้จวินจะไม่โมโห นอกจากทหารรุกล้ำดินแดน คิดจะทำลายการปิดล้อมชายแดนภาคเหนือ จึงจะยั่วการโมโหของจอมพลโผ้จวินได้ แต่ทุกครั้งที่จอมพลโผ้จวินแสดงอารมณ์นี้ออกมา แทบจะไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย เขาจะเริ่มฆ่าคนแล้ว!
แต่หญิงหน้ากากพยัคฆ์ตกใจขึ้นอีกครั้ง เมื่อเอ่ยปาก ก็ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความสิ้นหวังอย่างหนัก โดยเฉพาะนัยน์ตาสีดำคู่นั้น ราวกับกระบี่คมเล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น แทงทะลุสิ่งคุ้มกันของเธอทั้งหมดในทันใด แต่ตอนนี้เธอรู้สึกมากขึ้น ตัวเองเหมือนกับลูกแกะน้อยที่ใครจะทำอะไรก็ได้ที่หมดหนทางตัวหนึ่ง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
พลัง!
ในร่างกายของฟางเหยียน เธอรับรู้ได้ถึงพลังของจักรพรรดิที่เฝ้ามองฟ้าดิน ราวกับคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่ผู้ชายคนหนึ่ง แต่เป็นยมบาลของนรก สามารถตัดสินความเป็นความตายของเธอได้ตลอดเวลา ทำให้เธอไร้ซึ่งแรงดิ้นรน หัวเดียวกระเทียมรีบ!
เธอไม่รู้ ว่าทำไมเมื่อมองฟางเหยียนถึงได้มีความหวาดกลัวที่ลึกเข้าไปถึงกระดูกได้ขนาดนี้ ไม่ปกติเอาเสียเลย ถึงขั้นตอนนี้เธอก็ไม่พูดอะไร ไม่ใช่ไม่พูด แต่ไม่กล้าตอบกลับต่างหาก
อยู่ในยุทธภพจนเป็นนิจ คนที่พบเจอต่างๆนานามากมายไม่หนึ่งแสนก็สองแสน แต่ฟางเหยียนเป็นคนแรกที่ทำให้เธอสิ้นหวังมาก เพียงแค่สายตา ราวกับสามารถเอาชีวิตของเธอได้ จุดที่สำคัญที่สุดคือ นึกไม่ถึงว่าเธอจะเดาทางฟางเหยียนไม่ถูก ในร่างกายของเขาไม่มีร่องรอยของการเคลื่อนไหวกำลังภายในแต่อย่างใด
มีเพียงความเป็นไปได้อยู่สองข้อ ข้อที่หนึ่ง ฟางเหยียนเป็นเพียงคนธรรมดา เป็นคนธรรมดาที่เมื่ออยู่ในฝูงชนก็หาไม่เจอ ข้อที่สอง นั่นก็คือฟางเหยียนเป็นผู้สูงส่ง ส่วนจะสูงส่งขนาดไหนนั้นเธอไม่กล้าคิด เหตุผลง่ายมาก ขาข้างหนึ่งของเธอได้ก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ เป็นระดับต้าชี่ขั้นยอดแล้ว สูงกว่าระดับต้าชี่ บางทีเขาเป็นปรมาจารย์ หรือเป็นระดับยอดดาวเหนือ ยิ่งคิดเธอยิ่งรู้สึกหลังเย็นวูบวาบขึ้นมา
จะโทษที่เธอไม่คิดแบบนี้ก็ไม่ได้ ข้อสันนิษฐานสองข้อ เธอให้น้ำหนักไปทางข้อสอง เพราะฟางเหยียนแสดงท่าทางนิ่งสงบ แต่คนจำนวนมากไม่สามารถเทียบได้ โดยเฉพาะสัตว์เจ้าที่ในตำนานตัวนี้ของตระกูลฟาง เมื่อเห็นฟางเหยียนมา ก็ไม่มีความเย่อหยิ่งที่ยโสโอหังของเมื่อก่อนทันใด ตอนนี้เขาเหมือนกับฮัสกี้ที่เชื่อฟังตัวหนึ่ง
จะว่าไป หญิงหน้ากากพยัคฆ์เป็นยอดฝีมือที่แท้จริง วิเคราะห์ออกมากมายได้เร็วขนาดนี้ แต่เมื่อเธอไม่เอ่ยปาก ดูเหมือนฟางเหยียนไม่มีความอดทนอีกต่อไป เห็นเขาเดินไปเดินมา เดินมาที่หญิงหน้ากากพยัคฆ์อย่างเคร่งขรึม
และจากที่ฟางเหยียนย่างก้าวมา จู่ๆความกดดันของหญิงหน้ากากพยัคฆ์คล้ายกับน้ำท่วมที่โถมเข้ามา กดเอาไว้ทันใด และสิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงคือ ความกดดันนี้เข้าไปที่ๆส่วนของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถขยับได้แม้แต่ครึ่งก้าว ก้าวเดียว!
เจอเข้ากับแรงกดดันเข้าให้แล้ว!
“พูดมา! แกทำร้ายน้าของฉันใช่มั้ย!”
พูว์!
หญิงหน้ากากพยัคฆ์กระอักเลือดออกมา ไม่ใช่แค่นี้ หน้ากากที่เธอใส่ไว้ก็แตกออก โผล่เป็นใบหน้าที่ถูกเผาออกมา นั่นเป็นใบหน้าที่เหลือแค่ลูกตาสองดวงเท่านั้น ดูๆแล้วพิลึกน่ากลัว ทำให้คนขนลุก
หญิงหน้ากากพยัคฆ์หน้าถอดสี เธอเดาถูกแล้ว ฟางเหยียนเป็นประเภทที่สอง!
“แก แกเป็นใครกันแน่!” หญิงหน้ากากพยัคฆ์กล่าวด้วยความตกใจ
“ฉันคือฟางเหยียน!”
“ไม่ แกไม่ใช่ฟางเหยียน แกไม่มีทางเป็นฟางเหยียนแน่นอน การปล่อยกำลังภายในออกมาด้านนอก มีเพียงนินจาระดับปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง จึงจะล็อกคนหนึ่งอย่างง่ายดายได้ แก แกเป็นใครกันแน่!” พูดถึงหลังๆ หญิงหน้ากากพยัคฆ์ได้ตะเบ็งสุดเสียง เธอกลัวเข้าแล้วจริงๆ
“แก ไม่มีสิทธิ์รู้”
ฟางเหยียนยกมือขวาขึ้นมาอย่างช้าๆ ชี้ไปที่หญิงหน้ากากพยัคฆ์ทันที จากนั้นเธอหน้าถอดสีทันใด เพิ่งมารู้สึกตัวอีกทีพบว่าคอตึงๆ แว็บเดียวเท่านั้น เธอรู้สึกได้ว่าหายใจไม่คล่อง ในหัวว่างเปล่า
นี่!
ผู้คนของตระกูลฟางช็อก หญิงหน้ากากพยัคฆ์ถูกสยบง่ายๆแบบนี้! คนที่ยโสโอหัง ปีศาจสาวที่จะฆ่าล้างบางตระกูลฟาง ถูกสยบง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?
ทุกคนล้วนรู้สึกคลุมเครือ ไม่เป็นความจริง
แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว
ฟางเหยียนแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่นะ!
ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้พวกเขารู้เพียงว่า พวกเขาไม่ต้องตายแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางจินหยวนยิ่งอยู่ยิ่งโผล่ออกมามากขึ้น ถอนหายใจยาวๆ เมื่อถอนหายใจออกมา มีความสบายใจที่ยินดีปรีดาออกมาทันที ฟางไห่อิงก็เช่นกัน ช็อกไม่แย่ไปกว่าใครในตระกูลฟางเลย นึกไม่ถึงว่าหลานชายของตัวเองจะเก่งกาจได้ขนาดนี้ สยบผู้หญิงคนนั้นง่ายดาย ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายความช็อกที่อยู่ในจิตใจได้อย่างไร
ขณะนี้ตงฟางหยุนเอ๋อร์ก็ตกใจจนหน้าถอดสี ในหัวนึกถึงแต่คำพูดนั้นของฟางเหมี่ยว น้องชายของผมเก่งยิ่งกว่า บ่นพึมพำกับตัวเองว่า “คำพูดของฟางเหมี่ยวไม่ได้หลอกฉันจริงๆ ฟางเหยียนน่ากลัวมาก”
เมื่อนึกถึงวันงานแต่งคิดจะใส่ร้ายเขา จู่ๆตงฟางหยุนเอ๋อร์ก็ตื่นตระหนก เมื่อมองฟางเหยียน ในแววตามีเพียงความหวาดกลัว ความหวาดกลัวอันมากมาย และไม่รู้เลยว่าเขาจะเอาคืนมั้ย เธอจะต้านทานการเอาคืนของฟางเหยียนได้มั้ย? แบบนี้จะเป็นการหาเรื่องให้ตระกูลตงฟางหรือเปล่า
นาทีนี้ เธอไม่กล้าเอ่ยมั่วๆถึงความคิดที่จะขับไล่ฟางเหยียน และไม่กล้าให้ฟางเหมี่ยวแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลกับฟางเหยียนอีก เธอหวังเพียงว่าฟางเหยียนจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของฟางเหมี่ยว ปล่อยเธอไป แค่นี้เท่านั้น
ความสิ้นหวัง ความสิ้นหวังอันมากมายที่มาจากในใจ มนุษย์เมื่อสิ้นหวังถึงจุดสูงสุด ก็มีเพียงรอความตาย แต่หญิงหน้ากากพยัคฆ์พบว่า นาทีนี้การตายในมือของฟางเหยียน เป็นความเพ้อฝันอย่างหนึ่ง
จู่ๆเธอก็เกิดเสียใจในความวู่วามที่บุกเข้ามาฆ่าตระกูลฟาง!
“ท่าน ท่านเป็นใครกันแน่” หญิงหน้ากากพยัคฆ์เปล่งคำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด ราวกับประโยคนี้ได้ดูดพลังของเธอทั้งหมดที่มีไป โดยเฉพาะสรรพนามที่เปลี่ยนไปอย่างทันใด เพียงพอที่จะดูออกว่าเธอกลัวเข้าแล้วจริงๆ
ผู้แข็งแกร่งคือเจ้า นี่เป็นเหตุผลที่ไม่เปลี่ยนไปตลอดกาล
ในโลกของผู้แข็งแกร่ง อายุไม่ได้เป็นเกณฑ์เดียวที่ตัดสินความสามารถ
ฟางเหยียนสามารถชนะเธอได้อย่างง่ายดาย อยากฆ่าเธอง่ายราวกับบี้มดตัวหนึ่งตายอย่างไรอย่างนั้น
ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้อะไรเลย!
และไม่รู้ว่าจะโศกนาฏกรรมหรือความโศกเศร้า!
ความคิดทั้งหมด พร้อมด้วยคอตึงๆ จู่ๆร่างกายของเธอก็สั่นอย่างรุนแรงขึ้นมา
แคร็ก!
ฟางเหยียนไม่พูดไม่จา ออกแรงมือขวา ใบหน้าที่ถูกเผาของหญิงสาวทันใดนั้นได้ถูกบิดเป็น‘บาบีคิว’ ดูท่าทางน่าหวาดกลัว
“ฉันจะถามอีกครั้ง น้าสาวของฉัน……”
“ใช่!” ไม่รอให้ฟางเหยียนถามจบ หญิงหน้ากากพยัคฆ์ตอบอย่างร้อนรนออกมา สติสัมปชัญญะน้อยนิดบอกเธอว่า ถ้าไม่ยอมรับ จะตายอย่างอนาถมาก
ฟางเหยียนหัวเราะออกมา การหัวเราะนี้ยิ่งทำให้เธอทรมานขึ้นไปอีก
“ท่าน ฉัน ฉัน ไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากให้ท่านมอบขลุ่ยให้ ไม่ได้อยากฆ่าคนแต่อย่างใด ส่วนการทำร้ายน้าสาวของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ควรทำมันจริงๆ”
ขลุ่ย?
ทันใดนั้นฟางเหยียนก็นึกถึงขลุ่ยของเขาที่ฉู่หยางให้มา เหมือนว่าจะเป็นของล้ำค่าของสำนักฉิวหลง ถึงขั้นมีผู้หญิงของชื่อจักรพรรดิชิงตี้คนหนึ่งมาแย่งไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ล้มเหลวไป แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าคนนี้ก็มีความคิดจะมาเอาขลุ่ยเช่นกัน ทุ่มเทเสียเหลือเกิน
“แกเป็นคนของเพลิงเสวน?”
ทันใดนั้นหญิงหน้ากากพยัคฆ์ก็หน้าถอดสี ใบหน้าที่แผดเผาปรากฏเป็นความกลัวออกมา รีบอธิบายว่า “ไม่นะ ฉันไม่ใช่คนของเพลิงเสวน พอพูดๆไปใบหน้านี้ของฉันพวกต้องขอบคุณพวกมันนั่นแหละ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นแกก็ตายได้แล้วล่ะ!”
พูดจบ ฟางเหยียนหักคอของเธอไปทันที