บทที่ 243 หนึ่งหมาป่า หนึ่งหมาไน และหนึ่งเสือร้าย
ณ มุมหนึ่งของโรงอาหาร
เฉาพั่วเถียนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เจ้ารู้แล้วว่าการแข่งขันรอบบ่ายเกี่ยวกับอะไร เจ้ามีความมั่นใจมากแค่ไหน?”
ไป๋ไห่ชินมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาบอกชัดถึงความไม่พอใจ
ชายชราไม่พอใจผลคะแนนของเฉาพั่วเถียนในหลายการทดสอบที่ผ่านมา นอกจากจะไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่แล้ว กลับยังทำคะแนนตามหลังหลินเป่ยเฉิน หลิงเฉิน หรือแม้แต่เยว่เว่ยหยาง มีบ้างที่สามารถทำคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็สภาพทุลักทุเลเหลือเกิน
แต่แน่นอนว่าไป๋ไห่ชินไม่ใช่คนที่ดวงตามืดบอดเกินไปนัก
เขารู้ดีเช่นกันว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของเฉาพั่วเถียนเสียทีเดียว
ต้องพูดว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ มีฝีมือเก่งกาจกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้
ทำไมอยู่ดีๆ เมืองหยุนเมิ่งถึงได้มียอดฝีมือมากมายขนาดนี้?
แล้วที่ผ่านมา ยอดฝีมือพวกนี้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันหมด
เฉาพั่วเถียนรู้จักอาจารย์ของตนเองดีมากกว่าใคร
“ข้าน้อยจะทำให้ดีที่สุดขอรับ อาจารย์”
เฉาพั่วเถียนให้คำสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่า
ไป๋ไห่ชินมีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนิ่งคิดบางอย่างอยู่สักครู่ ไป๋ไห่ชินก็หยิบขวดหยกสีเขียวขนาดเล็กออกมาจากในอกเสื้อ เขาเทยาลูกกลอนสีทองคำเม็ดหนึ่งส่งให้กับเฉาพั่วเถียน “นี่คือโอสถเพิ่มพลังลมปราณสูตรประจำเมืองไป๋หยุน เมื่อรับประทานไปแล้วระดับพลังในตัวเจ้าจะเพิ่มมากขึ้น เจ้าจงรีบรับประทานเดี๋ยวนี้ และอย่าให้ใครรู้ว่าเจ้ารับประทานมันเด็ดขาด”
กลิ่นสมุนไพรลอยฉุนขึ้นมาจากเม็ดยาลูกกลอน
โอสถเพิ่มพลังลมปราณสูตรประจำเมืองไป๋หยุน เปรียบเสมือนยาศักดิ์สิทธิ์ มีราคาแพงและหายาก
เฉาพั่วเถียนรับมากลืนกินลงคอและรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันใด
พลังลมปราณในร่างกายของเขากลับมาไหลเวียนได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
“ขอบคุณอาจารย์มากขอรับ”
…
เสียงกระดิ่งส่งสัญญาณดังไปทั่วสถานศึกษากระบี่หลวง
ได้เวลาที่พวกเขาจะกลับมาแข่งขันกันต่ออีกครั้ง
ณ หอประชุมหมายเลขสี่
“บ่ายวันนี้จะเป็นการแข่งขันทดสอบความรู้ความสามารถในด้านการปรุงยา และทดสอบความสามารถในการควบคุมพลังลมปราณ เราจะทดสอบทั้งสองอย่างนี้ในเวลาเดียวกัน พวกเจ้าจงเบิกตาดูให้ดี…” หัวหน้าคณะกรรมการประจำบ่ายวันนี้ก็ยังคงเป็นเหมยซือหยวน
เขาผายมือไปยังใจกลางหอประชุม มีวัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ยักษ์ถูกผ้าสีดำปิดคลุมเอาไว้ หลินเป่ยเฉินเดาไม่ออกเลยว่าอะไรอยู่ใต้ผ้าคลุมกันแน่ แต่น่าจะเป็นสัตว์ร้ายบางชนิด เพราะเขาได้ยินเสียงขู่คำรามของพวกมันดังออกมาจากใต้ผ้าคลุมเป็นระยะๆ
แล้วเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาสี่คนก็เดินไปดึงผ้าคลุมสีดำออก
ปรากฏว่ามันคือกรงเหล็กขนาดใหญ่กรงหนึ่ง
ซี่ลูกกรงมีขนาดเท่ากับข้อมือของชายฉกรรจ์โตเต็มวัย และยังมีการลงค่ายอาคมไว้อย่างรอบคอบรัดกุม ม่านพลังแผ่ปกคลุมพื้นที่ด้านในกรงขัง แบ่งแยกพื้นที่ด้านในออกเป็นสัดส่วน สำหรับกักขังสัตว์ร้ายแต่ละชนิดที่แตกต่างกันไป
ที่ด้านในกรงขังมีทั้งหมาไนวายุ หมาป่าน้ำแข็งและเสือสายฟ้า
พวกมันล้วนเป็นอสูรร้ายที่ออกล่าเหยื่อในหุบเขาชายแดนเหนือ
โดยเฉพาะเสือสายฟ้า ที่มันได้รับการยกย่องให้เป็นเจ้าป่าชายแดนเหนือ เป็นราชันย์แห่งสัตว์อสูรทั้งมวล เสือสายฟ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายาก มีความรวดเร็วว่องไว และสามารถปล่อยพลังสายฟ้าใส่คู่ต่อสู้ได้อย่างร้ายกาจ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์เมื่อเผชิญหน้ากับมัน ก็ยังต้องหันหลังวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
บรรดาผู้เข้าแข่งขันร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
นี่คือสถานการณ์ใดกัน?
อย่าบอกนะว่ากระทรวงศึกษาจะจับพวกเขาเข้าไปอยู่ในกรงเดียวกับสัตว์ร้ายพวกนี้?
หลินเป่ยเฉินผงะถอยหลังไปหลายก้าว
เมื่อพินิจดูการแข่งขันประจำวันนี้ ตอนแรกพวกเขาก็ต้องข้ามสะพานกระดาษที่เสี่ยงต่อการตกลงไปในหลุมงูพิษ ต่อมาพวกเขาก็ต้องใช้วิชาตัวเบาฝ่าทะลวงพายุลูกธนู นั่นหมายความว่าผู้คิดค้นการแข่งขันจะทวีความโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การจับพวกเขาเข้าไปอยู่ในกรงเดียวกับสัตว์อสูร ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
คนที่คิดการแข่งขันเหล่านี้เป็นพวกขาดความอบอุ่นพ่อแม่ไม่รักหรือไงนะ?
นี่มันเจตนาฆ่ากันชัดๆ
เด็กหนุ่มกวาดสายตามองรอบตัวและพบว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคน ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวเหมือนกันหมด
ทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาอีกสี่คนก็ช่วยกันยกโต๊ะหินสีขาวมาตั้งไว้ด้านหน้ากรงขัง บนโต๊ะหินตัวนั้นวางไว้ด้วยกล่องสีดำ และหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เริ่มต้นประกอบท่อเหล็กท่อหนึ่งทอดยาวเข้าไปด้านในกรงขังเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง
“กติกาในการแข่งขันรอบนี้เรียบง่ายมาก”
เหมยซือหยวนกวาดตามองใบหน้าที่ตื่นตระหนกของบรรดาเด็กหนุ่มเด็กสาว และกล่าวต่อเสียงดังปานฟ้าผ่า
“ในกล่องสีดำนั้นจะมีสมุนไพรอยู่ 10 ชนิด พวกมันสามารถผสมรวมกันออกมาได้เป็นยาสลบมากกว่า 40 ชนิด หน้าที่ของพวกเจ้าคือนำสมุนไพรมาผสมรวมกันเพื่อให้ได้ยาสลบ และนำสมุนไพรนั้นใส่ลงไปในท่อยาว ก่อนจะใช้พลังลมปราณส่งสมุนไพรไปตามท่อเพื่อเข้าสู่กรงขัง หากสมุนไพรที่พวกเจ้าผสมขึ้นมาสามารถทำให้สัตว์ร้ายในกรงสลบได้ ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ!”
อย่างนี้นี่เอง
เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
ปรากฏว่าพวกเขาต้องผสมสมุนไพรและวางยาสลบสัตว์อสูรในกรงผ่านทางท่อเหล็ก
ไม่ใช่ว่าต้องเข้าไปต่อสู้กับพวกมันในกรงขังสักหน่อย
แบบนี้ค่อยยังชั่ว
ฟังดูแล้วยังไงก็น่ากลัวน้อยกว่าการข้ามสะพานกระดาษ หรือต้องบุกทะลวงฝ่าพายุลูกธนูหลายเท่า
เหมยซือหยวนหัวเราะออกมาน้ำเสียงเย็นชาน่าขนลุก รอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา “จงจำเอาไว้ให้ดีว่า มีแต่ผู้ที่ทำให้สัตว์ในกรงสลบได้สำเร็จเท่านั้น ถึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ แต่ถ้ามันสะลึมสะลือหรือยังไม่หมดสติ ก็จะถือว่าพวกเจ้าล้มเหลว เพราะฉะนั้น พวกเจ้าต้องคิดให้ดีว่าจะเลือกวางยาสลบสัตว์อสูรชนิดใด ผู้เข้าแข่งขันสามารถเลือกได้คนละหนึ่งชนิด สิ่งสำคัญในบททดสอบนี้คือ พวกเจ้าต้องมีความรอบรู้ในการปรุงยาและต้องมีความชำนาญในการควบคุมพลังลมปราณพอสมควร ในท้ายที่สุด จะมีผู้ที่ต้องตกรอบไปอีก 12 คน เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจงทำให้เต็มที่”
แล้วบรรยากาศในหอประชุมก็กลับมามีเสียงดังอื้ออึงอีกครั้ง
บททดสอบนี้จะต้องมีคนตกรอบอีก 12 คน นับว่าเป็นบททดสอบที่คัดคนตกรอบเยอะมากกว่าที่ผ่านมา
หมายความว่าจะมีผู้ที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้เพียง 40 คนเท่านั้น
“สัตว์อสูรที่อยู่ในกรงขังมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ประกอบไปด้วยหมาไนวายุ หมาป่าน้ำแข็งและเสือสายฟ้า สัตว์อสูรแต่ละชนิดจะมีคะแนนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความยากง่ายในการวางยาสลบพวกมัน และปัจจัยสำคัญในการแข่งขันก็คือเวลาที่แต่ละคนใช้ในการวางยาสลบ…เอาล่ะ จากนี้ไปขอให้เริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้”
เมื่อสิ้นเสียงประกาศของเหมยซือหยวน การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น
ตามแผ่นป้ายหมายเลขประจำตัว ผู้ที่ต้องเข้ารับการทดสอบเป็นคนแรก คือมี่หรู่หยาน
นางเป็นเด็กสาวร่างผอมสูง เส้นผมสีเหลืองอ่อน ผิวพรรณขาวเนียน ก่อนหน้านี้ทำผลงานได้ค่อนข้างดี เด็กสาวเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะหินสีขาว หลังจากใช้เวลาขบคิดเล็กน้อย ก็ประกาศออกมาว่า “ข้าขอเลือกหมาป่าน้ำแข็งเจ้าค่ะ”
ห่างออกไป หัวหน้าคณะอาจารย์ผู้ดูแลมี่หรู่หยานพยักหน้าเห็นด้วย
นี่คือการเลือกที่ฉลาดมาก
ในจำนวนสัตว์อสูรทั้ง 3 ชนิดนี้ หมาไนวายุมีระดับพลังอ่อนด้อยมากที่สุด
หมาป่าน้ำแข็งมีความแข็งแกร่งมากกว่าหมาไนวายุ
ถ้าจับพวกมันมาต่อสู้กัน หมาป่าน้ำแข็งหนึ่งตัว จะสามารถจัดการหมาไนวายุ 10 ตัวได้ในพริบตาเดียว
ส่วนเสือสายฟ้าเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุด
ต่อให้ใช้หมาป่าน้ำแข็งเป็นร้อยตัว ก็ยังไม่สามารถล้มเสือสายฟ้าได้แม้แต่ตัวเดียว
เรียกได้ว่าเสือสายฟ้ามีความแข็งแกร่งผิดธรรมชาติ
การวางยาสลบพวกมัน ยากเย็นยิ่งกว่าการฆ่าพวกมันเสียอีก
ต่อให้ใช้นักปรุงยามืออาชีพมาผสมสมุนไพรทั้ง 10 ตัวนี้ปรุงยาสลบ ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะทำให้เสือสายฟ้าหลับใหลได้สำเร็จ
เพราะฉะนั้น การเลือกวางยาสลบหมาป่าน้ำแข็ง จึงสมเหตุสมผลมากที่สุดแล้ว
การวางยาสลบเสือสายฟ้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของยอดอัจฉริยะคนอื่นก็แล้วกัน
เพราะมันมีปัจจัยเสี่ยงมากเกินไป
“เอาล่ะ เตรียมตัว…เริ่มได้”
หัวหน้ากรรมการเหมยซือหยวนคำรามเสียงดังประกาศเริ่มการทดสอบ
มี่หรู่หยานเปิดกล่องสีดำออกและสำรวจดูสมุนไพรทั้ง 10 ชนิดที่อยู่ด้านใน
ก่อนอื่น นางต้องรู้ก่อนว่าสมุนไพรเหล่านี้ชื่ออะไรและมีสรรพคุณสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง
ต้องอาศัยความรู้ในด้านการปรุงยาไม่ใช่น้อย
เมื่อต้องมาผสมตัวยาจริงๆ การปฏิบัติย่อมยากเย็นกว่าการอ่านบนหน้ากระดาษเสมอ
นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง
หากเลือกสมุนไพรผิดแม้แต่ตัวเดียว สมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่เป็นส่วนผสม ก็จะไม่ออกฤทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น
เท่ากับว่าผิดพลาดเพียงก้าวเดียว ทุกอย่างจะพังทลาย
หลังจากรับทราบแล้วว่าสมุนไพรแต่ละชนิดมีอะไรบ้าง เด็กสาวก็เริ่มคำนวณว่าควรนำพวกมันมาผสมกันในสัดส่วนเท่าไหร่
การปรุงยาจำเป็นต้องใช้สัดส่วนที่แม่นยำ
เมื่อมี่หรู่หยานยกมือส่งสัญญาณว่านางพร้อมสำหรับการปรุงยาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็สร้างม่านพลังขึ้นมาครอบคลุมรอบตัวเด็กสาว พวกเขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ รับทราบว่ามี่หรู่หยานคัดเลือกสมุนไพรชนิดใดสำหรับการวางยาสลบบ้าง
ผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย มี่หรู่หยานก็ปรุงยาเสร็จเรียบร้อย
ทันใดนั้น ม่านพลังที่ห่อหุ้มตัวนางอยู่ถูกสลายลงไป
นางนำตัวยาสมุนไพรที่ผสมออกมาได้ เทใส่เข้าไปในท่อเหล็ก
หลังจากนั้น มี่หรู่หยานก็ใช้มือปิดปากท่อโคจรพลังลมปราณ แล้วผงสมุนไพรของนางก็ค่อยๆ ลอยผ่านท่อเหล็กและเปลี่ยนสภาพกลายเป็นหมอกควันเข้าไปหาหมาป่าน้ำแข็งที่ถูกกักขังอยู่ในกรงอย่างแช่มช้า
Related