มู่อวิ๋นซียังไม่ทันได้เอ่ยปาก ตาเฉียบแหลมของฮูหยินเล็กเติ้ง มองเห็นมู่อวิ๋นซียังถือช้อนอยู่ในมือ จึงรีบยัดหม้อดินไว้ในมือให้มู่เซิ่ง แล้วรีบก้าวเข้าไปแย่งช้อนมา “เมื่อครู่ข้าเห็นชัดๆ ว่าคุณหนูรองใช้ช้อนอันนี้ป้อนยาให้องค์หญิง”
นางหยิบเข็มเงินมาวางบนยาต้มที่ติดอยู่บนช้อน เข็มเงินได้เปลี่ยนเป็นสีดำในพริบตา
“องค์หญิงรักเจ้านี้เสียเปล่าจริงๆ !”
มู่เซิ่งปวดใจ ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เขาได้อุ้มหม้อดินตรงไปหามู่อวิ๋นซี ยกเท้าขึ้นแล้วเตะไปที่ขานาง “เจ้าคนเนรคุณ!”
มู่อวิ๋นซีหลบไปด้านข้างอย่างง่ายดาย จากนั้นมือยกมือขึ้น
“เพี๊ยะ!”
แก้มของมู่เซิ่งบวมเป่ง ทั้งร่างกายได้ตะลึงงัน
ห้องรมตงเงียบลงทันที มีเพียงเตาไฟเท่านั้นที่ส่งเสียงออกมา
มู่อวิ๋นซีแอบสะบัดมือที่ชา ในใจไม่เคยมีความสุขมาก่อน และนางอยากจะตบเขานานแล้ว
“ท่านรองมู่!” น้ำเสียงของนางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ในเมื่อท่านรู้ว่าท่านย่ารักข้า แล้วจะสรุปได้เยี่ยงไรว่าข้าจะวางยาพิษนาง?”
นางหันไปมองหมอหญิงโจวที่ประคององค์หญิงใหญ่อยู่ข้างๆ “ต่อให้ไม่เชื่อข้า หรือว่าท่านก็ไม่เชื่อหมอหญิงโจว? หรือท่านคิดว่าหมอหญิงโจวเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของข้า และจะร่วมมือกับข้าเพื่อวางยาพิษท่านย่าให้ตาย?”
หมอหญิงโจวไม่พูดอะไร นางมองมู่เซิ่งด้วยสีหน้าหมองหม่นราวกับสายน้ำ
มู่เซิ่งสั่น ระงับความโกรธเอาไว้และมองไปที่ฮูหยินเล็กเติ้ง
“คุณหนูรอง ถึงกระนั้น นี่ก็มิอาจเป็นเหตุผลที่เจ้าจะอกตัญญูต่อผู้อาวุโส และด่าว่าตบตีผู้อาวุโสได้ นี่เป็นการอกตัญญูครั้งใหญ่ยิ่ง และเป็นความผิดที่ร้ายแรง!” ฮูหยินเล็กเติ้งได้สติกลับมา ซ่อนความเคียดแค้นในดวงตาลง พอพูดจบก็เอ่ยวาจาอย่างชอบธรรมแล้วมองเต๋อกงกง “กงกงคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
เต๋อกงกงยิ้มเย้ย แต่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ สายตากวาดมองฮูหยินเล็กเติ้งกับมู่เซิ่งแล้วหันไปหามู่อวิ๋นซี “คุณหนูรอง มีอะไรที่อยากจะพูดกับข้าหรือไม่”
แววตาของมู่อวิ๋นซีทอประกายเป็นหมอกขึ้นมา “กงกงรู้หรือไม่ว่าเหตุใดองค์หญิงถึงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง?”
มู่เซิ่งสีหน้าแข็งค้าง เบิกตาจ้องมองไปที่มู่อวิ๋นซี
เห็นนางสูดจมูก “เพราะท่านรองมู่กล่าวหาว่าข้าฆ่าคน นางจึงโมโหจนเป็นโรคหลอดเลือดสมอง วันนี้ท่านรองมู่ยังใส่ร้ายข้าต่อหน้าท่านย่าอีกครั้ง ท่านย่ายังจะไม่ถูกเขาทำให้โมโหจนตายหรอกหรือ?”
นางมองมู่เซิ่ง และไม่ปิดบังสายตาของการถากถาง “ข้าตบหน้าเขาไม่เพียงแต่บอกท่านรองมู่ ว่า คำพูดห้ามพูดเหลวไหล ยังบอกท่านย่าด้วยว่าท่านรองมู่ถูกลงโทษแล้ว และอย่าโกรธเด็ดขาด”
มู่เซิ่งหน้าหงายด้วยความโกรธ เกือบจะปาหม้อดินในมือให้แตกแล้ว ดวงตาเล็กๆ ปรากฏความอำมหิตออกมา และกำลังจะโต้แย้ง เต๋อกงกงก็เอ่ยเสียงเรียบออกมา
“ถ้าอย่างนั้น การตบนายท่านรองมู่ก็ไม่ใช่เรื่องผิด”
มู่เซิ่งกัดฟันกรามแน่น แล้วกลืนความแค้นลง พูดคอตก “ใช่ กงกงสั่งสอนถูกต้องแล้ว”
เต๋อกงกงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร และค่อยๆ หันไปมองหมอหญิงโจวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองไปยังปลายตั่ง “ใบสั่งยานี้ มาจากหมอหญิงโจวหรือ?”
คำพูดที่เบาบาง ทำให้หน้าผากของหมอหญิงโจวมีเหงื่อไหลออกมา
“หืม?” เต๋อกงกงลากเสียงยาวๆ
ร่างกายของหมอหญิงโจวสั่นเล็กน้อย และได้หันกลับมายอมรับชะตากรรม “เจ้าค่ะ……”
“เป็นข้าที่ซื้อมันมาในราคาที่สูงมาก” เสียงใสกังวานของมู่อวิ๋นซีดังกลบเสียงสั่นเครือของหมอหญิงโจวไป “หมอหญิงโจวเป็นคนทื่อ หากนางสามารถมีความคิดที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้ได้ ไม่แน่ว่าอาการป่วยของท่านย่าข้าคงจะหายดีไปนานแล้ว”
พูดจบมู่อวิ๋นซีก็ชำเลืองมองหมอหญิงโจว เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อนางเป็นอย่างมาก
หมอหญิงโจวมองมู่อวิ๋นซีแวบหนึ่ง แล้วหลบตาลง “ข้าเคยห้ามคุณหนูรอง แต่นางไม่ฟังเจ้าค่ะ ข้าเองที่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกเสียจากอยู่ที่นี่ต่อ เผื่อหากมีเหตุอันใดเกิดขึ้น”
“เช่นนั้น ความหมายของหมอหญิงโจวคือ วิธีนี้มีความเสี่ยงมาก?” เต๋อกงกงจับจุดอ่อนในคำพูดของหมอหญิงโจวได้ในพริบตา
สีหน้าของหมอหญิงโจวตึงเครียด ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “ทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยง แต่ไม่ว่าจะเป็นตำราแพทย์ หรือกรณีในวัง ล้วนมีบันทึกของการใช้ยาพิษแก้พิษอยู่มากมาย ดังนั้นข้าจึงคิดว่าวิธีของคุณหนูรองอาจช่วยองค์หญิงได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่หาคนมาลองยาล่ะ?”
เต๋อกงกงมองมู่อวิ๋นซี “คุณหนูรอง ข้ารู้ว่าท่านมีเจตนาดี แต่องค์หญิงใหญ่ฐานะสูงศักดิ์ ไม่ใช่ว่ายาอะไรก็สามารถทานเข้าไปได้ ในเมื่อท่านคิดว่าตำรับยานี้ดี ก็หาคนมาทดลองใช้ยา หากยืนยันได้ว่าสูตรนี้ใช้ได้ผลกับโรคหลอดเลือดสมอง แล้วค่อยให้องค์หยิงใช้ เข้าใจหรือไม่?”
“ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผลของยาก็ย่อม……”
“งั้นก็หาคนมาลองยาเพิ่ม ในคุกมีนักโทษต้องตายเยอะแยะเลย” เต๋อกงกงตัดคำพูดของมู่อวิ๋นซีออก แล้วหันไปมองมู่เซิ่งกับฮูหยินเล็กเติ้ง “คุณหนูรองแม้จะมีความกตัญญู แต่การกระทำยังไม่รอบคอบพอ หลังจากนั้นร่างกายขององค์หญิงใหญ่ยังต้องรบกวนท่านทั้งสองให้มากขึ้นกว่านี้”
มู่เซิ่งดีใจมาก “กงกงเกรงใจแล้ว การดูแลพี่สะใภ้นี้เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
เขาหันไปมองมู่อวิ๋นซี “คุณหนูรอง ก่อนที่องค์หญิงจะหายดี ท่านห้ามก้าวเข้ามายังลานหย่งเหอนี้แม้แต่ก้าวเดียว เด็กๆ ! เชิญคุณหนูรองกลับไปที่ลานชิงจื่อ”
เฮอ!
มู่อวิ๋นซีมองมู่เซิ่งแล้วยิ้มเยาะ พอมีโอกาสเขาก็อยากจะเหยียบนางไว้ที่ใต้ฝ่าเท้า
ดวงตาเย็นชาของนางกวาดมองยายรับใช้ที่ตรงเข้ามา ยายรับใช้ถูกสายตาของนางจ้องมองจนหยุดฝีเท้าลง นางจึงหันไปมองเต๋อกงกงอีกครั้ง แล้วคำนับอย่างงดงาม
“เต๋อกงกงมีบางอย่างที่ยังไม่รู้ สถานการณ์ของท่านย่าตอนนี้แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว หากมิใช่เช่นนั้น ข้าจะใช้วิธีนำยาพิษแกพิษได้เยี่ยงไรกัน? หากใช้เวลานี้ไปหาคนมาลองยาอีก ต่อให้ตรวจสอบใบสั่งยาแล้วว่าใช้ได้ ก็เกรงว่าอาการป่วยของท่านย่าก็คงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้”
“เต๋อกงกง” หมอหญิงโจวก็ช่วยมู่อวิ๋นซีเช่นกัน “ก่อนหน้านี้หมอหลวงจ้าวสรุปว่าองค์หญิงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินเจ็ดวัน เป็นข้าใช้เข็มเงินต่ออายุชีวิตให้องค์หญิง แต่ตอนนี้ แม้แต่ข้าก็ยังทำอะไรไม่ได้แล้ว สถานการณ์ขององค์หญิงในตอนนี้เกรงว่าจะประคองไปได้ไม่เกินคืนวันพรุ่งนี้ ดังนั้นคุณหนูรองถึงได้ยอมเสี่ยงอยู่ในความอันตรายนี้”
มู่เซิ่งกับฮูหยินเล็กเติ้งเหลือบมองหน้ากัน และได้กดความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านลงอย่างรวดเร็ว แววตาของเต๋อกงกงปรากฏถึงความประหลาดใจ แล้วถอนหายใจเบาๆ “ถึงอย่างนั้น ก็ต้องทำตามข้อบังคับ ไม่เช่นนั้นใครจะรับผิดชอบเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เอาล่ะ!” เขาโบกมือ “เรื่องนี้ก็ทำตามนี้แล้วกัน ทางองค์หญิงก็ให้ท่านรองมู่ดูแล ส่วนคุณหนูรองรีบหาคนมาลองใช้ยา”
“คุณหนูรอง เชิญ!” ฮูหยินเล็กเติ้งดีใจกับความโชคร้ายที่ผู้อื่นได้รับและทำท่าทางเชื้อเชิญมู่อวิ๋นซี
เท้าทั้งสองข้างของมู่อวิ๋นซีเหมือนกับมีรากงอกแล้ว เพราะไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
“กงกง?” ฮูหยินเล็กเติ้งคำนับเต๋อกงกง “คุณหนูรองนิสัยดีมาตลอด เกรงว่าจะไม่ยอมฟังคำพูดของกงกงดีๆ จะลำบากกงกงทูลขอราชโองการได้หรือไม่ หากคุณหนูรองก้าวเข้ามาในลานหย่งเหอแม้เพียงก้าวเดียวให้……”
จากนั้นนางหันไปมองมู่อวิ๋นซี แล้วพูดอย่างร้ายกาจว่า “ประหารได้ทันที!”
“ไทเฮา!” เสียงที่ทุ้มต่ำของบุรุษดังขึ้นข้างหูมู่อวิ๋นซี และนั้นเป็นเสียงของเฟิ่งเชียนเย่ที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
มู่อวิ๋นซีดวงตาเป็นประกายขึ้นมา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ แสงในห้องพลันสว่างวาบขึ้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยานี้ ข้าไม่ให้ท่านย่าใช้ก็พอแล้ว แต่เพราะเหตุนี้ท่านย่าจึงยื้อไปไม่ถึงคืนวันพรุ่งนี้ เต๋อกงกงท่านรองมู่ พวกท่านพร้อมจะรับความโกรธของไทเฮาแล้วหรือยัง? หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น ขอให้พวกท่านมีเหตุผลและความกล้าหาญเหมือนตอนนี้”