ธุรกิจขนส่งทางทะเลของตัวเองยังไม่ได้เริ่มต้นจริงๆ แต่หยวนหยางขนส่งกรุ๊ปของตระกูลซู มีขอบข่ายที่ใหญ่มากตั้งนานแล้ว หากเรานำทรัพยากรที่สอดคล้องกันมาได้ ธุรกิจของตัวเองจะสามารถเริ่มต้นไปได้อย่างรวดเร็ว
แต่ สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นปัญหา ก็คือเมื่อซูจือหยูร่วมงานกับตัวเองนั้น งั้นตัวตนของตัวเอง ก็จะต้องถูกเปิดเผยในตระกูลซูแล้ว
หากเปิดเผยต่อตระกูลซู เย่เฉินไม่ห่วงตัวเองเลย ยังไงซะซูโสว่เต้า ซูโสว่เต๋อก็อยู่ในเงื้อมมือของตัวเอง ซวนเฟิงเหนียนก็ถูกตัวเองฆ่าไปแล้ว หากตระกูลซูคิดจะต่อกรกับตัวเอง เดิมทีก็ไม่มีท่าไม้ตายแล้ว ตัวเองไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเลย
และสิ่งที่เขากังวลจริงๆคือซูจือหยู
เมื่อเธอทำงานร่วมกันกับตัวเอง ซูเฉิงเฟิงจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน บางทีก็อาจเอาความโกรธไปลงที่ซูจือหยู
ยังไงซะตระกูลซูและตระกูลเย่ต่างก็มีรอยบาดหมางกัน และเป็นคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของกันและกัน ตระกูลซูถ้าหากร่วมมือกับตัวเอง งั้นในสายตาของซูเฉิงเฟิง เท่ากับทรยศตระกูลซูโดยสิ้นเชิง อีกทั้งยังเข้าร่วมฝ่ายศัตรูอีกด้วย
แม้ว่าเย่เฉินต้องการหาทางลัดสำหรับธุรกิจของตัวเองก็ตาม แต่ทางลัดนี้ ไม่ควรทำให้ซูจือหยูตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
ถ้าพูดตรงๆในกรณีนี้ ตัวเองก็อาจจะทำร้ายเธอได้
ครั้นแล้ว เขาโบกมือ กล่าวขอโทษซ่งหวั่นถิงที่ไม่รู้ความจริง: “แม้ว่าฉันกับซูจือหยูรู้จักกัน แต่ยังไงซะธุรกิจของฉันในตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ดังนั้นหากฉันจะทำงานกับเธอในตอนนี้ เท่ากับว่าเป็นการจับเสือมือเปล่า ถึงตอนนั้นอาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกแบบนี้ เหมือนว่าฉันเอาเรื่องช่วยเหลือคนอื่นมาขู่เข็ญ บังคับให้พวกเขาร่วมมือกับฉัน นี่ค่อนข้างเป็นการอ้างหลักศีลธรรมมาบังคับผู้อื่นไปหน่อย”
ซ่งหวั่นถิงได้ยิน ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เธอรู้พฤติกรรมของเย่เฉิน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยใช้เรื่องที่เคยช่วยเหลือคนอื่นมาเป็นตัวต่อรอง เพื่อไปเจรจาเงื่อนไขกับอีกฝ่าย
ให้เย่เฉินทำเรื่องเช่นนี้ ที่จริงก็ไม่ค่อยสอดคล้องกับนิสัยเขาสักเท่าไหร่
แต่ทว่า หวังตงเสวี่ยนรู้จักตัวตนของเย่เฉิน คุณชายตระกูลเย่ ดังนั้นจึงเดาความคิดที่แท้จริงของเย่เฉินออก
ครั้นแล้ว เธอพูดด้วยความรู้สึกทอดถอนใจ: “ฉันได้ยินว่าซูเฉิงเฟิงผู้นำตระกูลซู มีพฤติกรรมที่ต่ำทราม เพื่อเกียรติแห่งวงศ์ตระกูล สามารถวางแผนฆ่าลูกสะใภ้และหลานสาวของตัวเองได้ ครั้งนี้ซูจือหยูคนนั้นต้องดำเนินธุรกิจในมือเขาที่ใหญ่โตเช่นนี้ ฉันคิดว่าซูเฉิงเฟิงไม่มีวันนั่งเฉยๆแน่ ไม่แน่รอให้เรื่องที่เป็นที่สนใจของซูจือหยูผ่านไป บางทีเขาอาจจะลงมือกับซูจือหยูก็เป็นได้”
พูดถึงตอนนี้ เธอก็พูดอย่างจริงจังว่า: “ยังไงซะตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันล้วนแล้วเกิดเหตุการณ์จริงที่คนมีความสามารถแต่ถูกทำร้าย ซูจือหยูสาวน้อยผู้อ่อนแอ มีธุรกิจชิ้นใหญ่ไว้ในมือ เท่ากับเด็กอายุ 5 ขวบ นำเงินสด 5 ล้านหยวนออกไปเดินเล่นยามค่ำคืน ฉันคิดว่าเธอรักษาไว้ไม่ได้หรอก ไม่แน่อาจจะได้รับผลกระทบเพราะเรื่องนี้”
คำพูดของหวังตงเสวี่ยน ทำให้เย่เฉินอดห่วงไม่ไหว
เขารู้ว่าสิ่งที่หวังตงเสวี่ยนพูดนั้นเป็นความจริง และซูเฉิงเฟิงในตอนนี้ ขึ้นอยู่กับซูจือหยูเท่านั้น ดังนั้นจึงเลือกสละบริษัทของตัวเองไป เพื่อไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง
แต่ว่า เมื่อผลกระทบของเรื่องนี้ค่อยๆหายไป ซูเฉิงเฟิงที่สูญเสียบริษัทการขนส่งทางทะเลที่สำคัญไปทำได้เพียงรู้สึกแย่มากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งจะมีความเป็นไปได้ที่บริษัทนี้จะสามารถกลับมาเติบโตขึ้นใหม่อีกครั้ง
ถึงตอนนั้น ซูจือหยูจะต้องพบเจอกับอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ การร่วมงานกับซูจือหยู กลับไม่จำเป็นต้องกลัวเธอเลย ในทางหนึ่ง ก็อาจจะเป็นการปกป้องเธออยู่
คิดถึงตรงนี้ เขาพูดอย่างจริงจังว่า: “เอาอย่างนี้ ทางฝั่งจือชิวยังคงยึดตามแผนเดิมที่วางไว้ ยังไงซะไม่ว่าจะร่วมงานกับซูจือหยูหรือไม่ เราต่างก็ต้องจดทะเบียนบริษัทก่อน ยื่นขอใบอนุญาตรวมถึงรวบรวมทรัพยากรไว้ให้ดี มิฉะนั้น ถึงแม้ว่าได้ทรัพยากรของซูจือหยูก็ตาม เราก็ไม่มีทางใช้มันได้”
“ส่วนสามารถร่วมงานกับซูจือหยูได้หรือไม่นั้น ฉันจะหาโอกาสไปคุยกับเธอ!”