บทที่ 252 เงื่อนไขของผู้ร่วมเดินทาง
การบรรยายของหลิงตู้ฉิงครั้งนี้สั้นกว่าปกติ
เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถึงขอบเขตสวรรค์และเขากำลังแสดงให้เห็นโดยอาศัยอักขระเวทย์ภายในคฤหาสน์สราญรมย์ มันจึงไม่สามารถคงอยู่ได้นานนัก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงตู้ฉิงก็หยุด
เขาไม่สนใจคนอื่น ๆ ที่ยังอยู่ในกระบวนการทำความเข้าใจ เขาเดินไปด้านข้างและพูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ “เฟ่ยเอ๋อ เอาเหรียญตราผนึกสวรรค์มาให้ข้า ข้าจะช่วยปรับแต่งมันให้เจ้า”
“ได้เลยสามี!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อหยิบเหรียญตราผนึกสวรรค์ออกมาทันที
หลิงว่านจุนรีบพูดว่า “ท่านพ่อ กองทัพมังกรของข้าได้จัดตั้งขึ้นแล้ว ท่านช่วยถ่ายทอด ค่ายกล กระบวนรบ รูปแบบการเคลื่อนทัพให้กับข้าได้ไหม? ข้าต้องการเสริมอำนาจกองทัพของข้าให้ทรงพลังยิ่งขึ้นจนสามารถบุกตะลุยไปได้ยังทุกหนทุกแห่งที่ข้าต้องการได้”
หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ “พ่อคิดว่าพวกเจ้าเป็นพี่น้องที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพวกเจ้าทั้งหมด แต่ตอนนี้พ่อคิดว่าเจ้าโง่เหมือนเจ้าหก! คิดให้ดี ข้าสอนอะไรเจ้าไปบ้าง”
หลิงว่านจุนพูดอย่างปวดใจ “เมื่อไหร่กันที่ท่านสอนสิ่งเหล่านั้นให้ข้า ท่านสอนข้ากับน้องหกแค่วิธีเล่นหมากรุกและสอนวิชามังกรศักดิ์สิทธิ์จำแลงกาย… อ่า เอ่อ… ขะ ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ! ท่านพ่อข้าคงจะต้องอยู่ฝึกร่วมกับทัพของข้าอีกเป็นเวลานาน ข้าคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่บ่อย ๆ ถ้าท่านพ่อมีเรื่องจะคุยกับข้า ท่านก็ส่งคนมาแจ้งข้า หรือถ้าข้าคิดถึงท่าน ข้าก็จะไปมาหาท่าน”
“ไปเถอะ” หลิงตู้ฉิงโบกมือและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
หลิงว่านจุนตื่นเต้นมากและเตรียมตัวที่จะจากไป แต่เขานึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างและรีบดึงหลิงยี่เทียนกลับมาและพูดว่า “น้องหก ข้ายังต้องการทหารเพิ่มอีก! กองทัพมังกรมีทหารเพียง 20,000 คนเท่านั้น มันยังห่างไกลจากที่ข้าต้องการพอสมควร!”
“พี่สี่ท่านเป็นจอมพลแห่งอาณาจักร ถ้าท่านต้องการกำลังพลท่านต้องคัดเลือกเอง!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ “แต่อันที่จริงท่านสามารถไปปรึกษาเรื่องนี้กับท่านปู่ทวดที่เป็นมหาจอมทัพได้นี่นา!”
หลิงหว่านจุนกลอกตาขณะที่เขาหันจากไป
ตอนนี้เขามีวิธีฝึกกองทัพแล้ว เขาต้องรีบกลับไปฝึกกองทัพของเขาโดยเร็ว
ในเวลานี้พวกเขาได้รับประโยชน์จากการขยายอาณาจักรของตนแล้ว โดยปกติหลังจากจัดตั้งกองทัพของพวกเขาเสร็จ พวกเขาจะต้องเข้าโจมตีอาณาจักรเพื่อบ้านก่อนเพื่อรวบรวมทวีปเป็นอันดับแรก แต่นี่พวกเขาได้ข้ามขั้นตอนนั้นมาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงมีเวลาฝึกฝนกองทัพเพิ่มเติมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อ ‘ทวีป’ อื่นต่อไป
ในช่วง 2 เดือนมานี้การบ่มเพาะของเขาและหลิงยี่เทียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากเกาะเทียนหยวนได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วหลังจากการรวมอาณาจักรจินหนิงและไป๋หยวนเข้ากับอาณาจักรจันทราอย่างสมบูรณ์ ผู้คนจึงรวมตัวกันและขยายอาณาเขตอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าความเชื่อมั่นและปราณมังกรจักรพรรดิเพิ่มขึ้นสูงอยู่เรื่อย ๆ
หลังจากที่หลิงหว่านจุนจากไปแล้วหลิงยี่เทียนยังพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านพ่อ ข้าต้องไปอยู่ในพระราชวังสักพัก เมื่อเร็ว ๆ นี้เสนาบดีกลุ่มนั้นพูดทุกวันว่าข้าควรจะอยู่ในวังเพื่อตรวจราชการ ซึ่งข้าคงจะต้องตามใจพวกเขาบ้างสักหน่อย ส่วนในด้านความปลอดภัยอย่างน้อย ๆ บรรดาข้ารับใช้ของข้าที่ได้ฟังบรรยายของท่านจบ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทันที แต่อย่างน้อยความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการปกป้องของพวกเขาข้ามั่นใจว่าข้าคงจะไม่มีปัญหาอะไร”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไปเถอะ”
หลังจากที่หลิงยี่เทียนจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พลิกเหรียญผนึกสวรรค์ในมือของเขาไปมา พลางนึกว่าจะปรับแต่งมันอย่างไรดี ในขณะที่เขากำลังใช้สมาธิ อยู่ ๆ เขาก็พูดกับหลิงยู่ชานว่า “ยู่ชาน จากนี้ไปจงคอยช่วยเหลือน้องหกของเจ้า! และถ้าเจ้าต้องการให้สายเลือดของเจ้าสมบูรณ์ เจ้าต้องหมั่นหาคู่ต่อสู้ให้ได้บ่อยที่สุด ซึ่งมันจะเป็นผลดีกับเส้นทางการบ่มเพาะของเจ้า แต่เจ้าต้องระวัง เจ้าต้องอย่าละเลยการเพิ่มระดับการบ่มเพาะของตัวเองด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อไม่ต้องห่วงข้าจะช่วยน้องหกและจะไม่ลืมเรื่องการฝึกของข้า” หลิงยู่ชานรีบพูด
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ในอนาคตข้าจะมอบอำนาจการบัญชาการกองทหารของข้าให้กับเจ้า(กองกำลังที่หลิงฉุยฟงดูแล) เจ้าจะได้รับสิทธิ์ในการบัญชาการกองทหารนั้นเป็นลำดับแรก ซึ่งมันจะกลายเป็นขุมกำลังที่ทรงอำนาจที่สุดที่เจ้าจะสามารถใช้ได้ ฉะนั้นจงใช้มันอย่างฉลาด”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงหันไปทางผู้คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ และพูดขึ้นช้า ๆ “ยู่ชานจะมีอำนาจในกองทหารของข้าเป็นลำดับแรก ส่วนลำดับที่สองคือเฟ่ยเอ๋อ ลำดับที่สามคือปู่ของข้าหลิงเจิ้งสง ลำดับที่สี่คือยี่เทียน คำสั่งนี้ข้าจะส่งไปให้บรรดากองทหารทราบหลังจากนี้และพวกเขาจะฟังคำสั่งของเจ้าในภายหลัง”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อลุกขึ้นทันทีและร้องออกมา “สามี ท่านจะไปเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้วจะไม่พาข้าไปด้วยเหรอ ข้าไม่ต้องการอะไรข้าแค่อยากไปกับท่าน”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของข้าคือขอบเขตประสานทะเลปราณเท่านั้นถ้าอาศัยความสามารถพิเศษของข้า ข้าสามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ระดับ 3 ได้เป็นอย่างมาก”
“การเดินทางออกจากทะเลชางหมาง แม้ว่าอาจจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ระดับ 3 เดินอยู่ทั่วไป แต่ก็ยังมีพวกเขาอีกจำนวนมากที่ดำรงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ เป็นเขตแดนที่พลังของกฎแห่งสวรรค์ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ข้าจึงไม่สามารถนำหลิงจู้และรถม้าไปด้วยได้ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถปกป้องเจ้าได้
ถ้าเจ้าไปกับข้า เมื่อออกจากทะเลชางหมาง หากมีผู้คนจำนวนมากมาแย่งชิงเจ้าอย่างบ้าคลั่งข้าก็จะต้องฆ่าคนมากขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นข้าจะเสียเปรียบมาก”
“ฉะนั้นในช่วงเวลานี้ ข้าจะไม่ให้เจ้าติดตามข้าออกจากทะเลชางหมาง และเพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้าจึงให้อำนาจสั่งการกองทัพเป็นลำดับที่สองเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการปกป้องตัวของเจ้าเอง”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเงียบไปทันทีที่นางได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง
อย่างไรก็ตามท่าทีของนางแสดงออกอย่างชัดเจนว่านางไม่เต็มใจ
จ้าวเหมิงลู่แนะนำ “น้องหญิงเฟ่ยเอ๋อ หากเจ้าเหงา เจ้าก็มาหาข้าที่เรือนบ่อย ๆ ก็ได้!”
เมื่อหลิงตู้ฉิงสอนเพลงกระบี่ให้นางและบอกให้นางสั่งสมเจตจำนงแห่งกระบี่อยู่ที่นี่ จ้าวเหมิงลู่จึงรู้ว่านางจะไปกับเขาไม่ได้ แม้ว่านางจะรู้สึกหมดหนทาง แต่ในที่สุดนางก็ทำใจยอมรับได้ เพราะเหตุผลว่าพวกนางไม่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับคนอื่น ๆ นอกทะเลชางหมาง
“เอาล่ะก็ได้ ข้าจะอยู่ที่นี่กับพี่หญิง” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูด
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น เมื่อดูจากที่หลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดอะไรถึงพวกนาง มันจึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ทั้งสองจะได้ติดตามหลิงตู้ฉิงออกจากทะเลชางหมางไปยังเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ
ไม่นานหลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พูดว่า “มี่ไลและเฟ่ยเฟ่ยไปได้เพราะพวกเจ้าทั้งคู่จะได้รับผลประโยชน์มากมายจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แต่ถ้าเจ้า มี่ไลต้องการไป เจ้าต้องบรรลุวิชาเกล็ดน้ำค้างสารทฤดูให้ได้ซะก่อน ส่วนสำหรับเฟ่ยเฟ่ย เจ้าต้องฝึกฝนวิชาไปจนถึงขั้นควบแน่นน้ำแข็งทมิฬให้ได้ด้วยเช่นกัน นี่คือเงื่อนไขที่พวกเจ้าต้องทำให้สำเร็จพวกเจ้าถึงจะสามารถไปที่นั่นได้ ไม่เช่นนั้นข้าก็ยังไม่พาพวกเจ้าทั้งหมดไป”
“สามี ถึงแม้ว่าข้าจะมีเวลาอีกแค่ 20 ปี ข้าจะตั้งใจบรรลุวิชาเกล็ดน้ำค้างสารทฤดูให้ได้!” มี่ไลกำหมัดแน่น
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดวิชานี้ให้นาง ซึ่งนางยังไม่แม้แต่จะเข้าใจมันได้ถึงหนึ่งในสี่ส่วนเลย แต่นางสาบานว่าภายใน 20 ปีนี้นางจะต้องบรรลุมันให้ได้อย่างแน่นอน
หลิวเฟ่ยเฟ่ยเองก็ยังสาบานกับตัวเองว่านางจะต้องควบแน่นน้ำแข็งทมิฬให้ได้ ไม่เช่นนั้นนางคงจะไม่ได้ไปกับหลิงตู้ฉิง
“แล้วพวกเราล่ะ ท่านพ่อ?” หลิงไช่หยุนถามอย่างเร่งรีบ
นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อของนางจะต้องเดินทางไกลและความคิดที่ว่านางอาจจะได้ไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับกับพ่อนางด้วยได้ ซึ่งแค่นึกเช่นนี้นางก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองเด็ก ๆ และพูดว่า “เจ้าสามตามพ่อมาได้ แต่คนอื่น ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากทะเลชางหมาง!”
ด้วยพลังปริศนาที่ผนึกทะเลชางหมางเอาไว้ในตอนนี้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์จากอาณาเขตอื่น ๆ ด้านนอกจะเข้ามาได้ และหลังจากที่เขาเสริมความแข็งแกร่งจนเพียงพอสำหรับปกป้องสมาชิกในตระกูล พวกเขาจะปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ในทะเลชางหมาง
หลิงฟ่างหัวพึมพำ “จริง ๆ แล้วข้าเองก็สามารถปกป้องตัวเองได้ ฉะนั้นข้าควรจะได้ไปกับท่านเช่นกัน!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้ายังไม่ทันที่จะเข้าใจในสิ่งที่เจ้ามีอยู่ทั้งหมดเลย แล้วทำไมต้องไปเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ? เจ้ามั่นใจได้ว่าถ้ามีอะไรที่เหมาะกับเจ้าพ่อจะคิดวิธีที่จะนำมันกลับมาให้เจ้าอย่างแน่นอน”
“แล้วจื่อซินล่ะ?” จ้าวเหมิงลู่ถามทันใด
“นางไม่สามารถเดินทางออกจากทะเลชางหมางได้เช่นกัน!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เลือดของนางเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด นอกจากนี้อย่าให้นางใช้ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตบ่อย ๆ มิฉะนั้นนางอาจจะต้องเผชิญจากทัณฑ์แห่งสวรรค์ได้”
Related