ตอนที่ 662: เยี่ยมเยียนนิกายพยัคฆ์มังกร
ผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วยามตั้งแต่เจี้ยนเฉินได้มาถึงคฤหาสน์เจียงหยางพร้อมกับ นูบิส ก่อนที่พวกเขาจะจากไปอย่างรวดเร็ว เจียงหยางป้านั้นยังไม่มีโอกาสได้พบกับลูกชายของตนเองเลย
การหาบรรพชนตระกูลไป๋นั้นเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า ไม่มีเวลาให้มัวรีรอ
ไป๋หยุนเทียนที่ยังคงร้อนรนยืนอยู่หน้าประตูห้องของตนแล้วมองเจี้ยนเฉินบินหายไปในท้องฟ้า หัวใจของนางยากที่จะสงบลงได้จากข่าวที่ได้ยินจากเจี้ยนเฉิน ในเวลาเดียวกันนางเองก็กังวลว่านั่นจะใช่ไป๋ไฮคนเดียวกันกับที่นางรู้ว่าเป็นบรรพชนหรือไม่
“เซียงเอ๋อ ! เซียงเอ๋อ กลับแล้วหรือ ? ” ทันใดนั้นเสียงอันตื่นเต้นก็ดังออกมาก้องห้องโถงพร้อมกับเจียงหยางป้าได้วิ่งเข้ามา
ด้านหลังเขามีสมาชิกระดับสูงของคฤหาสน์เจียงหยางอยู่หลายคน แต่ละคนนั้นวิ่งมาด้วยความตื่นเต้นตาม เจียงหยางป้า เข้ามาในห้องของไป๋หยุนเทียน
เขามองซ้ายมองขวา เจียงหยางป้าได้ถามขึ้นมา ” หยุนเอ๋อ เซียงเอ๋อ กลับมาแล้วไม่ใช่รึ ? แล้วเขาไปไหนกัน ? “
นางสูดลมหายใจลึก ๆ ระงับความกังวลของตนเอง ไป๋หยุนเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีเร่งรีบของสามีของนาง ” เซียงเอ๋อได้ไปแล้ว”
” อะไรกัน ? เขาไปแล้วรึ ? ” เจียงหยางป้ายังไม่เชื่อ เขายิ้มออกมาและพูดขึ้น ” หยุนเอ๋อ หยุดล้อเล่นเถอะ เซียงเอ๋อเพิ่งกลับมาเอง นี่มันก็นานแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นเขา ในฐานะพ่อ ข้าเองก็อยากเห็นหน้าลูกชายของตนเอง “
“นั่นเป็นเรื่องจริง ท่านพี่ เซียงเอ๋อได้จากไปแล้ว เขามีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการและทำให้เขาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน” ไป๋หยุนเทียนตอบ
ไป๋หยุนเทียนไม่ใช่คนชอบล้อเล่น ดังนั้นเจียงหยางป้าจึงได้แต่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจากไปแล้วจริง ๆ เขาถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น ” น่าเสียดายที่ข้ามาช้าไป ข้าไม่คิดว่าเซียงเอ๋อจะรีบถึงเพียงนี้ มันยากที่เขาจะกลับมาบ้านอยู่แล้ว ดูเหมือนลูกชายของเราค่อนข้างรีบ เพราะเขากลับไปทันทีที่มาถึง”
“น้องหยุน ข้าได้ยินมาว่านายน้อยสี่นั้นได้เข้าถึงระดับเซียนผู้คุมกฎแล้ว ข้อมูลนี้เป็นความจริงหรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ เจียงหยางป้าถามขึ้นมา เขาคือหนึ่งในผู้อาวุโสของคฤหาสน์เจียงหยาง
ผู้อาวุโสที่เหลือเองก็มองไปที่ไป๋หยุนเทียนด้วยความคาดหวัง สายตาของแต่ละคนนั้นเปล่งประกายราวกับรอฟังคำตอบ เหตุผลที่ว่าทำไมผู้อาวุโสได้มารวมตัวกันที่นี่นั้นก็เพื่อยืนยันว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่
เมื่อเห็นสีหน้าคาดหวังของแต่ละคน ไป๋หยุนเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างภูมิใจออกมา “ข้าเพิ่งถามเซียงเอ๋อไปเมื่อตะกี้ เซียงเอ๋อนั้นเป็นเด็กมหัศจรรย์ ไม่ใช่แค่เขาไม่กลัวเซียนผู้คุมกฎ แต่เขายังมีความแข็งแกร่งที่สามารถสู้กับเซียนพวกนั้นได้อีกด้วย”
“นั่นจริงรึ ? นั่น…นั่นมันมหัศจรรย์มาก ! ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคฤหาสน์เจียงหยางของเรานั้นจะมีเซียนผู้คุมกฎ สวรรค์ทรงโปรด ! เซียนผู้คุมกฎนี่ยากที่จะมีในทวีปเทียนหยุนและคฤหาสน์เจียงหยางก็มี 1 คนแล้ว ! “
” นี่เป็นข่าวดี ! คฤหาสน์เจียงหยางของเรามีอัจฉริยะแล้ว อายุแค่เพียง 20 ปีเศษ ๆ เขาก็ได้มาเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว ! “
“จากนี้ไป คฤหาสน์เจียงหยางของเราจะไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ ในอาณาจักรอีกต่อไป ด้วยการที่มีเซียนผู้คุมกฎ คฤหาสน์เจียงหยางของเราจะโดนจับตามองจากทั่วทั้งทวีป เราจะโด่งดังจนทุกคนรู้จัก ! “
“นี่มันเหมือนกับเรือที่แล่นอยู่ในคลื่นสูง คฤหาสน์เจียงหยางของเราเองก็ยกระดับขึ้นด้วยเช่นกัน ฮาฮา ! “
ผู้อาวุโสแต่ละคนนั้นเริ่มหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่ละคนยากที่จะเก็บอาการดีใจได้และความตื่นเต้นที่พวกนั้นมีนั้นก็มีมากเกินกว่าจะเก็บงำความรู้สึกได้
….
หนึ่งวันต่อมา เจี้ยนเฉินและนูบิสก็ได้กลับไปที่ที่ซึ่งนูบิสเคยอยู่ หลังจากกลับมาแล้ว หมิงตงและคนอื่น ๆ ก็ได้เข้ามาหาเขา
“เกิดอะไรขึ้นทำไมท่านจึงกลับมาเร็วเช่นนี้ ? ท่านเพิ่งไปเมื่อสองวันก่อนและจากระยะทางแล้ว ท่านไม่น่าจะอยู่ที่นั่นนานเท่าใด ” หมิงตงถามเจี้ยนเฉินด้วยความสงสัย
” เจี้ยนเฉิน เกิดอะไรแย่ ๆ ขึ้นรึ ? ” โหยวเยว่ถามออกมาด้วยใบหน้าที่ดูไม่สู้ดีนัก
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาและตอบกลับ ” ไม่จำเป็นที่ต้องคาดเดาไป ข้ายังบอกตอนนี้ไม่ได้แต่ถ้ามันมีเรื่องเลวร้ายรึดี ก็ให้มันเป็นไป ข้ามีบางอย่างที่อยากจะพูดคุยกับผู้อาวุโสหวงและเจียเต๋อไท่ “
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ได้เดินไปที่สวนซึ่งที่นั่น หวงเทียนป้าและเจียเต๋อไท่กำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ นูบิสเองก็ตามไปด้วย ทั้งสี่คนนั่งลงที่โต๊ะพร้อมกับมีสาวใช้คอยบริการเครื่องดื่มอยู่ข้าง ๆ
จากความจริงที่ว่านูบิสได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตอยู่ที่เทือกเขาครอสโดยไม่ได้ออกไปไหน จึงทำให้ไม่รู้ว่าเขาเป็นบุคคลเช่นใด ของสด ๆ ที่บริการออกมานั้นเขาลิ้มรสมันอย่างมูมมาม
หลังจากที่สาวใช้สนุกกับการเอาของว่างมาให้กับนูบิส เจี้ยนเฉินก็ได้พูดขึ้นกับพวกนาง “พวกเจ้าออกไปก่อน”
“เจ้าค่ะ ! ” สาวใช้ทำความเคารพก่อนจะออกไปจากสวน
“น้องเจี้ยนเฉิน เรื่องอะไรกันที่ทำให้เจ้าเรียกตัวเราในวันนี้ ? ” หลังจากที่สาวใช้ออกไปแล้ว หวงเทียนป้าก็พูดขึ้นมา
เจี้ยนเฉินยังเงียบอยู่สักพักก่อนจะตอบกลับมา ” ข้าหวังว่าจะหาชายชุดฟ้าที่ชื่อไป๋ไฮ คนที่ซิตูชิงได้เรียกมา พวกท่านพอจะรู้วิธีหาตัวเขาหรือไม่ ? “
“ความแข็งแกร่งของชายคนนั้นแข็งแกร่งพอ ๆ กับข้า ข้าไม่คิดว่าความแข็งแกร่งนั้นจะเพียงพอให้จดจำเขา ” เจียเต๋อไท่เตือนขึ้นมา
“ธนูสุริยันจันทราของข้าสามารถล็อคพลังของเขาได้ ดังนั้นเขาไม่น่าจะหนีไปได้แต่เขากลับมีวิธีการหลบหนีอันลึกลับที่เขาใช้ลบกลิ่นอายของเขาทิ้ง จนตอนนี้ข้าก็ยังหาเขาไม่ได้” หวงเทียนป้าพูดขึ้น
เจี้ยนเฉินมองไปที่นูบิสด้วยความคาดหวังว่าสัตว์อสูรโบราณนี้จะรู้วิธีที่จะหาตัวไป๋ไฮ
เมื่อรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้อง นูบิสก็ยักไหล่ ” ข้าไม่เคยสู้กับมนุษย์มาก่อน อย่าคิดถึงคำแนะนำของข้าเลย ข้าไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ถ้าเจ้าอยากหาชายคนนั้น ข้าก็มีวิธี ร่างกายของเขานั้นติดพิษของข้าไป ตราบใดที่เขาไม่ถอนพิษออกจนหมด ข้าก็พอสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของเขาไม่ว่าเขาจะไปที่ใด”
คิ้วของเจี้ยนเฉินยกขึ้น ” ดูเหมือนเราหวังจะหาตำแหน่งของเขา เราคงต้องหาจากเซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกรก่อน”
“น้องเจี้ยนเฉิน ไม่ใช่ว่าท่านขัดแย้งกับพวกนั้นอยู่หรือ ? ท่านอาจจะมีปัญหาเอาได้ ด้วยพลังที่เรามีตอนนี้ นิกายพยัคฆ์มังกรนั้นไม่เป็นภัยกับเราอีกต่อไป” หวงเทียนป้าพูดขึ้นมา
“นั่นแหละแผนของข้า ” เจี้ยนเฉินพยักหน้าและคิดบางอย่าง “เซียนผู้คุมกฎผู้นั้นจะทำทุกอย่างเพื่อฆ่าข้า ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของข้า ข้าคงตายด้วยน้ำมือเขาไปแล้ว ตอนนี้ข้าจะไม่ตอบแทนเขาบ้างได้อย่างไร ข้าจะไปเยือนพวกเขาสักครา เจียเต๋อไท่อยู่ที่นี่สักพัก นูบิส ผู้อาวุโสหวง พวกเราสามคนรีบไปยังนิกายนั่นเถอะ”
“ฮาฮา น้องเจี้ยนเฉินช่างเป็นผู้ที่สร้างแต่ความประหลาดใจเสียจริง ๆ ข้ายอมรับเลย” หวงเทียนป้าหัวเราะออกมาก่อนจะตามเจี้ยนเฉินไป
หลังจากที่เจี้ยนเฉินร่ำลาหมิงตงและคนอื่น ๆ เขาได้พานูบิสและหวงเทียนป้าไปยังนิกายพยัคฆ์มังกร
นิกายพยัคฆ์มังกรนี้อยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ และด้วยความเร็วของเจี้ยนเฉิน พวกเขาได้มาถึงด้านหน้านิกายโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ที่ไม่ไกลจากตรงนั้น เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ เห็นผู้คนที่อยู่ภายในนิกายกำลังเคลื่อนไหวอยู่
เขาลอยอยู่ตรงหน้านิกาย ตาของเจี้ยนเฉินจ้องไปยังตึกที่อยู่ด้านล่าง “เซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกรออกมารับความตายแต่โดยดี ! ” เสียงของเจี้ยนเฉินไม่ได้ดังกว่าปกติแต่ทั่วทั้งนิกายสามารถได้ยินเสียงของเขาได้
ทันใดนั้นนิกายพยัคฆ์มังกรก็ปั่นป่วนขึ้นมา คนจำนวนมากเริ่มวิ่งแห่กันออกมาจากตึกและมองไปยังคน 3 คนที่ลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเนื่องจากไม่รู้ว่าสามคนนี้เป็นใคร แต่รู้เลยว่าพวกนี้ต้องแข็งแกร่งที่กล้ามาตะโกนอย่างนี้ ผู้คนรู้ว่าสามคนนี้ต้องไม่อ่อนแอแน่
มีหลายคนบินขึ้นมาบนท้องฟ้าก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน แต่ละคนนั้นมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและที่ตรงหน้ากลุ่มนั้นคือผู้นำนิกาย คริส
เขาจำเจี้ยนเฉินได้ ทันใดนั้นหน้าของเขาก็ซีดลงทันที เขาพูดขึ้นมาเสียงสั่น ๆ ” เจี้ยนเฉิน เจ้านี่เอง ! “
Related