ดุจตะวันพูดตัดบทขณะที่น้องชายยังไม่ได้พูดจบ อีกฝ่ายถอนใจเสียยาว
“ พี่ก็เอาแต่พูดแบบนี้ ”
“ แล้วแก้วก็รู้แล้วด้วย มันอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาจากไป ”
“ อะไรนะ ไม่จริงอะ ไหนเล่าให้ผมฟังทีสิว่าเกิดอะไรขึ้น ” น้องชายถามพลางจ้องเขม็ง ในที่สุดพี่ชายจอมปากแข็งก็ยอมเล่าเรื่องที่เธอเข้าไปในห้องของเขาในคืนนั้นให้ฟัง
“ ผมไม่เห็นเหตุผลที่แก้วจะจากไปเลย ตรงกันข้าม เธอเป็นห่วงพี่ด้วยซ้ำ แต่พี่นั่นแหละที่ตวาดเธอ ”
“ มันก็รวม ๆ กันทั้งหมด ”
“ มีแค่นี้เหรอ ได้ทะเลาะอะไรกันอีกไหม ”
“ ไม่ได้คุยกันอีกเลย เพราะคืนนั้นฉันต้องไปนอนที่โรงพยาบาล ”
“ ทำไมล่ะ มีเคสด่วนเหรอ ”
“ คือ… ” พี่ชายอึกอัก
“ อะไร เล่ามาให้หมด ”
“ ฉัน… ฉันอยากให้หายจากอาการละเมอน่ะ เลยเข้าคอร์สรักษากับหมอสายป่าน ” คำบอกเล่านั้นทำให้น้องชายเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจแล้วหัวเราะร่วน
“ ให้ตายเถอะพี่ชาย โตมาจนอายุสามสิบสี่ปี ไม่เห็นพี่สนใจจะไปบำบัดรักษา แต่พอมีแก้ว ทำไมพี่ถึงได้คิด ”
“ ฉัน… ” ดุจตะวันไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร
“ เพราะพี่รักเธอ อยากหายเพื่อเธอใช่ไหม ”
“ คงแบบนั้น มันไม่น่าอายเหรอวะที่โตจนป่านนี้ยังละเมอร้องไห้คร่ำครวญ แถมเวลามีเรื่องอะไรหนัก ๆ ก็ยังฉี่รดที่นอน ใคร ๆ ก็คงรังเกียจ แต่หมอป่านบอกว่ามันจะหายได้ถ้าฉันเข้ารับการบำบัดจิต ”
“ พี่ซันครับ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ ผมบอกพี่กี่ครั้งแล้ว คุณแม่กับคุณตาต่างหากที่ใจร้ายทำให้พี่เป็นแบบนี้ แล้วผมก็ไม่เคยรังเกียจพี่แม้แต่น้อย ไม่เคยแม้สักครั้ง ผมรักพี่ อยู่เคียงข้างพี่เสมอ เผื่อพี่จะลืมมันไป ”
สองพี่น้องประสานสายตากันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่พี่ชายจะเอ่ยออกมาในท้ายที่สุด
“ ขอบใจแกมากนะที่อดทนกับพี่มาตลอด ไหนจะคุณลุงอีกที่ไม่เคยหน่ายกับความหัวแข็งของพี่ ”
“ ในที่สุดก็ยอมรับแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าตัวเองน่ะดื้อ ” น้องชายพูดขำ ๆ ทำให้อีกฝ่ายยิ้มออก
“ แก้ไขมันซะ ” น้องชายว่า
“ อะไร ”
“ ก็สิ่งที่ผิดพลาดไปไง จะมานั่งทนปวดใจอยู่แบบนี้เพื่ออะไร ”
“ จะแก้ยังไงเล่า ”
“ ก็ไปหาสิ ไปเจอ ไปคุย ไปสารภาพ มันหมดเวลาที่พี่จะทำตัวเป็นพ่อหินผาผู้สมบูรณ์แบบแล้ว รู้สึกยังไงก็พูด สารภาพมันออกไปให้หมด ไปปรับความเข้าใจ ”
“ แล้วถ้าเธอรับไม่ได้ล่ะ ”
“ ก็ช่างเธอ อย่างน้อยเราก็ได้พูดความจริงออกไป ”
“ พี่จะเสียเธอไปหรือเปล่า ”
“ ถ้าพี่เสียเธอ อย่างน้อยก็ยังมีน้องชายคนนี้อยู่อีกคน แต่ผมมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้น เพราะเธอเองก็รักพี่ ”
“ เอาก็เอา ” คุณหมอดุจตะวันค่อยยันตัวให้ลุกขึ้นยืนแล้วก็เซถลาเกือบจะตกสระ โชคดีที่ธารเมฆาคว้าเอาไว้ได้ก่อน
“ ไหวไหมเนี่ย ไป ผมจะพาไปอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวให้ดื่มมะนาวน้ำขิงอุ่น ๆ ตบยาแก้แฮงค์ไปสักหน่อยน่าจะดีขึ้น ผมจะขับรถพาพี่ไปหาเธอเอง ” รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าพี่ชายผู้ไม่ค่อยยิ้ม ก่อนเขาจะพูดประโยคหนึ่งออกมา
“ ขอบใจมากน้องรัก ”
***
เย็นย่ำ
พระอาทิตย์กำลังจะเคลื่อนคล้อยลับขอบฟ้า แดดทอแสงอ่อน ลมพัดโชยเอาความเย็นฉ่ำของสายน้ำที่ไหลเอื่อยขึ้นมาหาคนที่นอนอยู่ในเปลญวนข้างกระท่อมเล็กริมน้ำ
ดวงตากลมแดงก่ำทอดมองไปอย่างไร้จุดหมายเพราะหยุดร้องไห้ได้แค่ยามหลับ บอกตัวเองว่าอย่าอ่อนแอแต่ก็ทำไม่ได้
สายน้ำไหลเอื่อย น้ำตาไหลริน…
อกหักมันเจ็บปวดทรมานอย่างนี้นี่เอง แก้วกานดาเอ๋ย
สุดที่เธอจะปกปิดยายได้ว่าอยู่ในภาวะเศร้าโศกขั้นสุด จึงปดยายว่าเธอคิดถึงบ้าน รู้สึกแปลกที่ก็เลยเศร้า เลยขอกลับมาพักกายพักใจอยู่ที่บ้าน แต่ครูรุ่งรัตน์ผู้ช่างสังเกตรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แก้วโทรศัพท์ไปรบกวนให้ครูมารับที่ บขส. และไปส่งที่บ้านในยามค่ำคืน นิสัยของเด็กนักเรียนคนโปรดคนนี้จะมีความกระตือรือร้นและอดทน แต่ก็อย่างว่า เธอไม่เคยจากไกลไปไหนจากบ้าน อาจจะรู้สึกคิดถึงบ้านจนโศกเศร้าก็อาจเป็นได้