บทที่ 274 หมู่ตึกหยูอี่
เสี่ยวเยว่เฟิงซึ่งไม่รู้ว่าตัวตนของนางถูกค้นพบแล้ว ขณะนี้นางกำลังเดินทางไปที่หมู่ตึกหยูอี่ พร้อมกับหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ
นางไม่เคยคิดที่จะซ่อนตัวตนของนาง ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้
ขณะที่เดินตามอยู่ด้านหลังนางก็เหลือบไปมองมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยเป็นครั้งคราวพลางครุ่นคิดอยู่ในใจ ความลับความแข็งแกร่งของทั้งสองคนนี้คืออะไรกันแน่?
นางอยากรู้แต่ไม่นางก็ไม่กล้าถามเช่นกัน เพราะนางกลัวว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ชอบใจ
ในขณะนี้มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยยังคงพยายามที่จะเอาใจหลิงตู้ฉิง “สามี เป็นยังไงบ้างข้ายังมีท่าไม้ตายอื่นอีกนะ!” มี่ไลพูด
“สามี ข้ารู้สึกว่าพลังของพวกเขาไม่เห็นจะแข็งแกร่งเหมือนอย่างที่ข้าคิดไว้สักนิด!” หลิวเฟ่ยเฟ่ยพูด
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไอ้จื่อหวงนั่นมันก็เป็นแค่คนงี่เง่าที่อาศัยบารมีของตระกูลมันก็เท่านั้น และยิ่งโดยเฉพาะพวกผู้ติดตามของมันก็ล้วนแล้วแต่ไม่น่าพูดถึงทั้งสิ้น”
“แต่ด้วยเคล็ดวิชาของพวกเจ้าที่ล้วนแต่มีระดับเหนือล้ำกว่าพวกเขามาก ดังนั้นมันจึงไม่แปลกสำหรับพวกเจ้าที่จะเอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด”
“อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ้าต้องเผชิญในอนาคตจะไม่ใช่แค่พวกสั่ว ๆ เช่นนี้ พวกเจ้าจะต้องเผชิญกับอัจฉริยะมากมายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า พวกเขาจะมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งกว่าเจ้ามาก ดังนั้นเจ้ายังคงต้องฝึกฝนอย่างหนักและเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม ซึ่งพวกเจ้าทั้งสองสามารถร่วมมือผสานวิชากันเพื่อทำให้พวกเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมได้! ตัวอย่างเช่น มี่ไลข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจการปลดปล่อยละอองฝนของวิชาฝนใบไม้ผลิแล้ว ถ้าเจ้าใช้ละอองฝนของเจ้า เพื่อเสริมวิชาเยือกแข็งของเฟ่ยเฟ่ย เจ้าลองคิดดูว่ามันจะน่ากลัวขนาดไหน?”
“เมื่อเข้าไปภายในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าจะต้องจากพวกเจ้าไป ซึ่งพวกเจ้าจะต้องอยู่กันโดยลำพังเป็นระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นในช่วงเวลานั้นพวกเจ้าจะต้องร่วมมือช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องตัวเองรอการกลับมาของข้า”
หลิงตู้ฉิงถือโอกาสนี้ชี้แนะทั้งสองคน หลังจากที่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าจุดแข็งของภรรยาเขาทั้งสองคนนี้คืออะไร
หลังจากได้รับคำชี้แนะจากหลิงตู้ฉิง มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยก็มองหน้ากันและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเราจะลองศึกษามันเมื่อพวกเรากลับไป!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ค่อย ๆ ลองผิดลองถูกไป ข้าจะหาคนมาคอยสู้กับพวกเจ้าในอีกไม่กี่วัน เพื่อช่วยพวกเจ้าพัฒนาประสบการณ์การต่อสู้”
“ขอบคุณ สามี!” มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยพูด
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครถามว่าหลิงตู้ฉิงจะไปไหนหรือหลิงเทียนหยุนต้องทำอะไรหลังจากเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ
พวกเขาเข้าใจว่าการเตรียมการทั้งหมดนี้จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาไปถึงเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันพวกเขาก็มาถึงหมู่ตึกหยูอี่
แม้ว่าหมู่ตึกหยูอี่จะเป็นองค์กรการค้า แต่กลุ่มเป้าหมายลูกค้าของพวกเขาจะเน้นไปที่ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์
ที่ตั้งของหมู่ตึกหยูอี่นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ลานกว้างขนาดใหญ่
เมื่อหลิงตู้ฉิงและคนของเขาเดินเข้าไปในอาณาเขตของหมู่ตึกหยูอี่อย่างช้า ๆ หลิงตู้ฉิงก็เผยรอยยิ้มขึ้นขณะที่เขามองไปยังบรรดาอักขระเวทย์ที่ถูกสลักลงบนอาคารรอบ ๆ
เห็นได้ชัดว่าในสถานที่แห่งนี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่ทรงพลังมากมาวางค่ายกลอักขระเวทย์เอาไว้ หรือถ้าจะให้เทียบกันแล้วพลังป้องกันของหมู่ตึกหยูอี่ที่มีอยู่ มันไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังป้องกันของหอการคำพิรุณทองคำเลยสักนิด
“แขกผู้มีเกียรติ ท่านต้องการสั่งหมึกและกระดาษงั้นหรือ?” พนักงานดูแลร้านค้าที่หมู่ตึกหยูอี่ถามขึ้นเมื่อเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามา
หลิงตู้ฉิงพูด “ข้าได้ยินมาว่าหมู่ตึกหยูอี่ของเจ้ามียันต์สั่งสวรรค์ ข้ามาเพื่อซื้อพวกมัน”
พนักงานดูแลร้านค้าหมู่ตึกหยูอี่ที่ดูเหมือนจะเจอผู้คนที่ถามถึงเรื่องนี้จนชินเขายิ้มและพูดว่า “เนื่องจากแขกผู้มีเกียรติมาหายันต์สั่งสวรรค์ โปรดตามข้าไปที่ด้านหลัง ยันต์สั่งสวรรค์อยู่ในสวน ตราบใดที่ท่านเป็นคนที่มีชะตาต้องกับมันท่านก็สามารถนำมันออกไปจากที่นี่ได้เลย แต่ในตอนนี้มีหลายคนที่มีเป้าหมายเดียวกับท่าน ซึ่งกำลังลงแรงกันอย่างหนักอยู่ในสวน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและเดินตามพนักงานดูแลร้านค้าไปที่สวนด้านหลัง
คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลังเขาก็เดินตามเขาเข้าไปเช่นกัน
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในสวน ทุกคนรู้สึกได้ทันทีว่าผนึกที่ป้องกันสวนแห่งนี้นั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าพลังป้องกันที่อยู่ด้านนอกเป็นพันเท่า
แม้แต่เสี่ยวเยว่เฟิงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามหลังจากเข้ามาในสวน
นางรู้สึกว่าถ้านางเผลอทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป นางอาจจะถูกค่ายกลที่ถูกตั้งอยู่ในสวนแห่งนี้ฆ่าทิ้ง
เมื่อมองไปที่ยันต์สั่งสวรรค์ที่สุกสกาวกลางสวน นางก็เข้าใจได้ว่าทำไมหมู่ตึกหยูอี่จึงได้วางการป้องกันที่หนาแน่นไว้เช่นนี้
นี่เป็นเพราะยันต์สั่งสวรรค์เป็นสมบัติที่หายากและทรงพลังมาก ดังนั้นพวกเขาย่อมกลัวว่าจะมีคนพยายามฉกฉวยมันไป
ในเวลานี้หลิงตู้ฉิงกวาดสายตาหาเหล่าอักขระเวทย์อันทรงพลังที่ถูกสลักซ่อนไว้อยู่รอบ ๆ ซึ่งไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ พยักหน้า
เขารู้ได้ทันทีว่าสถานที่แห่งนี้ถูกใครบางคนจัดขึ้นเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าการปกป้องยันต์สั่งสวรรค์นี้ต้องใช้ความคิดและการวางแผนเป็นอย่างมาก
บรรยากาศสวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่ มีชีวิตชีวามากกว่าด้านหน้าตึกที่เป็นเพียงร้านค้า
บรรดาเหล่าคนที่อยู่ที่นี่มีทั้งคนชราไล่ไปจนอยู่ในวัยหนุ่มสาว ทุกคนกำลังจ้องมองไปที่ยันต์สั่งสวรรค์ที่อยู่กลางสวนด้วยสายตาเหม่อลอย
พวกเขาบางคนมีแม้กระทั่งดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว และต้องการที่จะกระโจนเข้าใส่ชิงยันต์สั่งสวรรค์ไป
อย่างไรก็ตาม หากมีใครกล้าก้าวล้ำเข้าไปอยู่ในระยะ 1 เมตรของยันต์สั่งสวรรค์ พวกเขาจะสูญเสียทิศทางและเปลี่ยนทิศพุ่งไปอีกด้านหนึ่งทันที
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “ข้าคิดออกแล้ว! ข้าคิดออกแล้ว! อย่างที่ข้าเคยบอกไว้ ตัวตนอัจฉริยะอักขระเวทย์อย่างข้าจะไขปริศนานี้ไม่ได้ได้ยังไง? ยันต์สั่งสวรรค์ต้องเป็นของข้าคนนี้ เสี้ยวเฉินอู่!”
ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่มผู้นี้อย่างหวั่นๆ
ชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมและมีสีหน้าที่ดูภูมิใจในตัวเองตลอดเวลา เขายิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความสุขราวกับว่ายันต์สั่งสวรรค์อยู่ในมือของเขาแล้ว
“สามี!” มี่ไลรีบพูด
พวกเขาทุกคนรู้ว่าหลิงตู้ฉิงมาที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อยันต์สั่งสวรรค์ ถ้ามีคนเอามันไปในตอนนี้มันคงเป็นเรื่องที่แย่มาก ดังนั้นนางจึงรีบเตือนหลิงตู้ฉิงให้ทำอะไรสักอย่าง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เขาไม่ได้มันไปหรอก!”
ในเวลานี้ชายวัยกลางคนยิ้มและพูดกับเสี้ยวเฉินอู่ “สมแล้วจริง ๆ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะแห่งผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ นายน้อยเสี้ยว แถมยังมีชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วทั้งป่าหยก หรือต่อให้แม้แต่เหล่าคนที่อยู่อาณาเขตนภาบางคนยังเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านด้วยซ้ำ ข้าผู้แซ่จง เลื่อมใสในตัวท่านจริง ๆ”
“ข้าได้ยินมาว่านายน้อยเสี้ยว สามารถเขียนอักขระเวทย์กฎแห่งสวรรค์และโลกได้ตั้งแต่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณและได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ใช้อักขระเวทย์อัจฉริยะในรอบ 1,000 ปี บางทีนายน้อยเสี้ยวอาจเป็นผู้ที่โชคดีที่ยันต์สั่งสวรรค์รอคอย”
“เอาล่ะ ในเมื่อนายน้อยเสี้ยวมั่นใจว่าท่านสามารถครอบครองยันต์สั่งสวรรค์ได้แน่นอน ทำไมท่านถึงไม่ลงมือตอนนี้เลยเพื่อเป็นการให้ทุกคนที่ได้ชมเป็นขวัญตาและได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการครอบครองยันต์สั่งสวรรค์ของท่านละ”
เสี้ยวเฉินอู่พยักหน้าและตอบกลับด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ “ได้! พวกท่านจงดูข้าครอบครองยันต์สั่งสวรรค์ให้ดีก็แล้วกัน!”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ค่อย ๆ เดินไปที่ยันต์สั่งสวรรค์ที่อยู่ตรงกลางสวนด้วยการย่างก้าวที่แปลกประหลาด
เมื่อเห็นท่าทางของเสี้ยวเฉินอู่ ชายวัยกลางคนก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
เสี้ยวเฉินอู่รีบเดินเข้าไปใกล้ยันต์สั่งสวรรค์อย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่ระยะ 1 เมตรจากยันต์สั่งสวรรค์
และในพริบตาเขาก็ได้เข้าไปใกล้มันมากขึ้นอีกจนอยู่ในระยะหนึ่งก้าวครึ่ง เมื่ออยู่ในระยะใกล้ยันต์สั่งสวรรค์แค่เอื้อมแล้ว เขาจึงเตรียมที่จะยื่นมือออกไปและหยิบมันมา
หลิงตู้ฉิงขึ้นเสียงพูดว่า “ถ้าไม่อยากตายเจ้าควรหยุดเดี๋ยวนี้!”
บางทีอาจเป็นเพราะเสียงของหลิงตู้ฉิงหรืออาจเป็นเพราะเหตุผลอื่น แต่ร่างกายของ เสี้ยวเฉินอู่ก็สั่นเป็นเจ้าเข้าและกระเด็นออกมาทันทีก่อนจะพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง
ทุกคนแสดงสีหน้าโล่งใจทันที เพราะในเมื่อเสี้ยวเฉินอู่ล้มเหลวนั่นก็แปลว่าพวกเขายังคงรักษาโอกาสในการได้รับยันต์สั่งสวรรค์อยู่
เสี้ยวเฉินอู่ลุกขึ้นและตะโกนด้วยความโกรธ “ใครเป็นคนขัดขวางข้า!?”
ชายวัยกลางคนมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้าเป็นใครกัน? เจ้าไม่รู้หรือไงว่าตอนที่คนอื่นกำลังเข้าไปหยิบยันต์สั่งสวรรค์ พวกเรามีกฎว่าไม่สามารถส่งเสียงรบกวนคนที่กำลังเดินไปหยิบได้ หรือว่าเจ้าต้องการที่จะท้าทายหมู่ตึกหยูอี่ของเรากัน?”
Related