Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 220 เขาเป็นหนี้ฉัน

Special District 9 ตอนที่ 220 เขาเป็นหนี้ฉัน

หลังจากหวูเวินเซิ่งล้มลงไม่ถึงหนึ่งนาที่รถของอาเซียวก็มาถึง เมื่อคนขับเห็นคนสามคนนอนราบอยู่บนถนนจึงเหยียบเบรกทันที

 

อาเซียวลดกระจกลงพลางเหลือบมองลงไป เห็นเป็นใบหน้าของหวูเวินเซิ่งผ่านแสงรถที่สว่างจ้า

 

“ตายแล้วเรอะ?!” ต้าฮวงพูดด้วยความประหลาดใจ

อาเซียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนโบกมือ “ขับไปข้างหน้าต่ออีกหน่อย เร็ว!”

 

คนขับเหยียบคันเร่งทันที รถแล่นชิดขอบทางด้านขวาของถนน

 

หลังจากนั้นประมาณสามถึงสี่นาที่ฉีหลินจึงเร่งรุดตามไปยังที่เกิดเหตุและพบว่ามีชายสามคนนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น

หลังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉีหลินก็ลงจากรถพร้อมก้าวไปข้างหน้า เพื่อดูการตายที่น่าอนาถของหวูเวินเซิ่ง

 

“ใครฆ่ามัน?” ชายที่มากับฉีหลินถามด้วยความสงสัย “ไม่มีใครมาเก็บศพไปรีไง?”

ฉีหลินมองไปยังศพของหวูเวินเซิ่งและตอบอย่างเคร่งขรึม “มีคนอีกเยอะที่อยากให้ไอ้แก่นี่ตาย”

 

หลังพูดจบฉีหลินก็ดึงคอเสื้อขึ้นเพื่อพูดผ่านวิทยุสื่อสาร “หม่าเหลาเอ๋อ หวูเวินเซิ่งตายแล้ว”

 

“อะไรนะ….ตายแล้ว?!” หม่าเหลาเอ๋อตอบด้วยความประหลาดใจ “ฉินอวี่ต้องการจับเป็นนะ!”

“ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่ามัน” ฉีหลินยืนอยู่ข้างถนนและกระซิบบอกหม่าเหลาเอ่อผ่านวิทยุสื่อสาร

 

ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น รถกระบะกลับมาจากอีกทางหนึ่ง ฉีหลินขมวดคิ้วพลางส่ายหน้าให้อาเซียว

 

อาเซียวที่ถักเปียกผมเปิดประตูออกไป “อีกฝ่ายที่ฆ่าเขาขับรถออกไปแล้ว”

 

ฉิหลื่นมองไปที่อาเซียวด้วยสีหน้าสงสัย “เหมือนฉันจะเคยเห็นนายที่เจียงโจวนะ”

 

อาเซียวสูดน้ํามูก “นั่นไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซะหน่อย”

 

ฉีหลินได้ยินดังนั้นก็เงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตั้งคําถามอีกครั้ง “นายตามพวกนั้นไม่ทันเหรอ?”

 

“ดูยางรถฉันสิ” พี่เซียวตอบอย่างรวบรัด

 

เมื่อได้ยินฉีหลินก็หันไปมองรถกระบะอย่างละเอียดและพบว่ายางหน้าทั้งหมดแบนราบไปกับพื้น

 

“พวกนั้นวางแผนการฆ่าเฒ่าหวูไว้ล่วงหน้าแล้ว” อาเซียวยืนขี้นพลางพูดตอบ “พวกมันโรยตะปูเรือใบไว้บนถนนจนพวกฉันขับเหยียบ ยางแบนไปทั้งสองเส้นหน้าอย่างที่เห็น….ตามไปไม่ได้”

 

“พวกมันมาแค่คันเดียวเหรอ?” ฉีหลินถาม

“ใช่” อาเซียวพยักหน้า “มีบางคนไม่ต้องการให้หวูเวินเซิ่งกลับไปซ่งเจียงเพื่อพิจารณาคดี”

 

ฉีหลินพยักหน้าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นสินะ”

อาเซียวก้มหยิบหิมะขึ้นมาถูกับมือของตนพลางพูด “เดี๋ยวจะมีคนมาที่นี่แล้ว ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้…ฝากบอกฉินอวี่ด้วยนะว่าเขาควรจะขอบคุณฉัน”

 

“ขอบคุณเหรอ?” ฉีหลินงงงวย

 

“ฉันจับตาดูและคอยส่งหลักฐานให้เขาอยู่ตลอด” อาเซียวกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ถ้าไม่มีฉันเขาคงไม่ได้เบาะแสของเฒ่าหวู่ง่ายๆอย่างงี้หรอก…เขาติดหนี้ฉันนะ”

 

ฉีหลินคิดตามอยู่พักหนึ่งก่อนจะรับปาก “ได้ ฉันจะไปบอกเขา

ให้”

“งั้น มาช่วยฉันเปลี่ยนยางก่อนเถอะ” อาเซียวพูด

 

ฉีหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งตะโกนกับคนที่มาด้วย “ช่วยเขาหน่อย!”

 

หลังจากสิบนาที

 

หม่าเหลาเอ๋อรีบมาที่เกิดเหตุ มองดูหวูเวินเซิ่งที่นอนราบอยู่บนพื้นพลางสบถคําด่า “บ้าเอ๊ย! มาชิงตายก่อนซะได้”

 

“มีแต่คนอยากจะฆ่าเขา ใครมันจะจับเป็นได้?” ฉีหลินขมวดคิ้วและตอบ “เราทําดีที่สุดแล้ว ให้ทําไงได้ล่ะ?”

หม่าเหลาเอ๋อเช็ดเหงื่อที่หน้าพลางตะโกน “เอาล่ะ เอาศพขึ้นรถกลับเลย”

 

ฉีหลินก้าวไปข้างหน้า “หวูซ่งล่ะ?”

“หนีไปแล้ว” หม่าเหลาเอ๋อขมวดคิ้วและตอบ “ที่นั่นวุ่นวายมาก มีคนคุ้มกันมันอยู่ตลอด ฉันไล่ตามไปสองกิโลเมตรก็เลยปล่อยมันไป”

ฉีหลินดูโล่งใจมาก “กลับกันเถอะ”

 

“ทุกคนกลับกันได้แล้ว” หม่าเหลาเอ๋อปรบมือพร้อมตะโกน

 

บ่ายสามโมงกว่า

ในโรงพยาบาลของทหารรักษาการณ์ ไฟในห้องฉุกเฉินบนชั้นสอง ชั้นสี่และชั้นหกเปิดไฟสว่างทั้งหมด พยาบาลหลายคนวิ่งวุ่นกันทั่ว

 

ที่ล็อบบี้

 

ผู้กํากับหลื่นําฉินอวี่และคนอื่นเดินขึ้นบันไดมา พวกเขาเพิ่งมาถึงชางจีโดยการนั่งรถไฟขนถ่านหินมาเพราะตอนนี้ไม่มีรถไฟโดยสาร

ทางเข้าบันได จ่าสิบเอกที่รอพบผู้กํากับหลีกกล่าวทักทาย “ผู้กํากับหลีใช่ไหมครับ?”

“อืม” ผู้กํากับหลี่พยักหน้าตอบพร้อมถามทันที “หลานชายของฉันล่ะ?!”

“อยู่ชั้นหกนะครับ”

 

“ละ…แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง?” ผู้กํากับหลี่ถามด้วยเสียงสั่นเครือ

“หมอยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลย และผมก็ยังฟันธงไม่ได้” จ่าตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ได้ยินพวกพยาบาลพูดว่าพวกเขาถูกส่งตัวมาทันเวลา…น่าจะช่วยได้”

 

เมื่อหลีได้ยินดังนั้น เขาก็โล่งใจเล็กน้อยก่อนจับข้อมือของจ่าคนนั้นพร้อมพูดอย่างสุภาพ “ขอบคุณจริงๆ”

สิบนาทีต่อมาที่ประตูห้องฉุกเฉิน

ผู้กํากับหลี่เดินไปมาอย่างกระวนกระวายใจที่ทางเดินก่อนจ่าสิบเอกคนนั้นจะรายงาน “ตํารวจในสถานีอันผิงมาถึงโรงพยาบาลแล้ว และเขาต้องการพบผู้กํากับเพื่ออธิบายเหตุการณ์ให้ฟัง”

 

ผู้กํากับหลี่ตกตะลึงก่อนจะก่นด่าพวกนั้นด้วยคําหยาบคาย “อธิบายส้นตีนอะไร?! จะบอกฉันว่าพวกมันรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ล่ะสิ!”

อีกฝ่ายไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย

 

ผู้กํากับหลี่เดินไปหาฉินอวี่พลางพูด “นายไปจัดการกับพวกนั้นให้หน่อย”

 

“ได้สลุง”

 

ฉินอวี่พยักหน้าก่อนหันกลับมา เขาก็พบกับฉีหลิน หม่าเหลาเอ๋อ และจู้เหว่ยและตะโกนเรียก “พวกนาย…มากับฉัน”

 

ทางเข้าด้านหน้าของโรงพยาบาลฉินอวี่เดินนําหน้าฉีหลิน หม่าเหลาเอ๋อและจู้เหว่ยพร้อมพรรคพวกอีกสิบกว่าคน

“สวัสดี คุณมาจากฮ่งเจียงใช่ไหม? ฉันคือผู้กํากับเขตอันผิงอยู่ทีมสอง…” อีกฝ่ายยื่นมือออกมาเพื่อจะจับมือทักทาย

 

“ผัวะ!”

 

ฉินอวี่ฉุดกระชากแขนของอีกฝ่ายด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเหวี่ยงหมัดชกหน้าเขา

 

“เฮ้ย! นายทําบ้าอะไร?!” นายตํารวจที่อยู่ด้านหลังตะโกนใส่ฉินอวี่ด้วยความกังวล

“ฉันทําอะไรเหรอ?” ฉินอวี่เลิกคิ้วและตะโกนกลับ “บอกให้มันรู้ตัวหน่อยไงว่าพวกเราจะทําอะไร?”

 

เสียงฝีเท้ากรูเข้ามา

คนมากกว่าหนึ่งโหลพากันเขารุมล้อมทันทีก่อนจะกระชากตํารวจสามคนลงไปที่พื้นและรุมกระทืบไม่ยั้งแรง

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset