“ฉันไม่สนใจพวกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่ไม่ใช่วันหยุดบริษัทหรือไง ฉันออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนสักหน่อยแล้วจะทำไมกัน!”
“ทำไมน่ะหรือ? พวกเขาล้วนยังไม่แต่งงาน คนเดียวกินอิ่มครอบครัวไม่หิว แล้วคุณล่ะ? คุณแต่งงานแล้ว คุณมีลูกแล้ว ทำไมยังไปเที่ยวเล่นกับพวกเขาได้อีก พวกเราไม่เป็นผู้ไม่เป็นคนอยู่ข้างนอกแบบนี้ ปีใหม่กลับบ้านไปก็ต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะไม่ใช่หรือไง”
“หัวเราะเยาะก็หัวเราะเยาะไปสิ เธอไม่เบื่อบ้างหรือไง คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงกัน?”
หญิงสาวไม่พูดจาอีกต่อ เธออุ้มลูกเอาไว้และเดินไปอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นแค่นเสียงก่อนจะพูดว่า “ไปเลยสิ แน่จริงก็ไปอย่าได้กลับบ้านอีก เธอมันยัยบ้า วันทั้งวันไม่มีอะไรจะทำ เอาแต่ให้ฉันกลับบ้านอยู่นั่นแหละ”
“คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะตามไปไหม” จู่ๆเย่ชิงหยู่ถามขึ้นทันที
ฟางเหยียนมองไปที่ท่าทางการแสดงออกของชายคนนั้น ก่อนจะส่ายหัวและพูดว่า “น่าจะไม่! เขามุ่งมั่นอย่างมาก อีกทั้งยังโกรธจัด”
“ไม่ เขาจะทำ! อีกทั้งยังต้องวิ่งเข้าไปก่อนที่หญิงสาวจะหายตัวไป” เย่ชิงหยู่กล่าววิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
เป็นดังนั้นจริงๆ เมื่อหญิงสาวไม่หันกลับมามอง ชายหนุ่มก็ลนลานขึ้นมาแล้ว เขารีบวิ่งเข้าไปหาหญิงสาว
“โอเค ผมผิดไปแล้วพอใจไหม? พวกเรากลับบ้านเถอะ กลับบ้านไปคุยกันดีๆ ผมสัญญา คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้อีก”
และแล้วสมาชิกทั้งสามของครอบครัวนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่ทั้งแบบนั้น
เย่ชิงหยู่หัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “เป็นไง? ฉันพูดถูกรึเปล่า? ฉันว่าแล้วว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องไล่ตามไป”
ฟางเหยียนก็เปิดปากหัวเราะขึ้นมาเช่นกัน ทั้งสองหัวเราะให้กันก่อนจะเริ่มเงียบลง เย่ชิงหยู่เก็บสายตาของตนกลับมาและมองดูสามคนในครอบครัวนั้นที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
อันที่จริง เขารู้ดีว่าทำไมเย่ชิงหยู่ถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา นั่นเพราะนี่คือชีวิตที่เย่ชิงหยู่ต้องการ และเป็นชีวิตที่ฟางเหยียนไม่สามารถให้กับเธอได้
อย่างน้อยก็ในตอนนี้!
บางทีวันหนึ่ง เขาอาจจะสามารถมอบชีวิตให้กับเย่ชิงหยู่ได้!
บางที นั่นอาจจะเป็นแค่บางที!
เย่ชิงหยู่ต้องการมีชีวิตที่เรียบง่ายเช่นนี้จริงๆ นั่นก็เพราะนี่ต่างหากคือแก่นแท้ของชีวิต เธอต้องการบอกฟางเหยียนว่าเธอรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ แต่เธอกลับพูดออกไปไม่ได้
ถ้าเธอพูดออกไป อย่างนั้นก็จะเป็นการผูกมัดความคิดของฟางเหยียนเอาไว้
เธอไม่อยากเป็นคนบาปที่ผูกมัดความคิดของฟางเหยียนเอาไว้ เธอชอบฟางเหยียน และต้องยอมรับทุกอย่างเกี่ยวกับฟางเหยียนได้
ฟางเหยียนเป็นนักรบกองทัพของประเทศหวา เขาเป็นนักสู้ คนเป็นนักสู้จะละทิ้งความมั่นคงของประเทศชาติเพื่อเด็กสาวคนหนึ่งได้อย่างไร
ดังนั้นเธอจึงได้เพียงแค่คิดว่า สามีของเธอเป็นนักรบกองทัพ เป็นดวงแม่ทัพขงกองทัพ ส่วนตนเองก็คือภรรยาของนักรบกองทัพ นี่เป็นผู้หญิงที่รุ่งโรจน์ของประเทศนี้ นี่เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเธอ!
ทั้งสองเดินไปบนถนนอย่างช้าๆสักพักก่อนจะมาถึงเขตชุมชน ขณะกำลังเดินไปถึงที่ประตูชุมชน ทันใดนั้น ฟางเหยียนก็หยุดฝีเท้าลงและพูดอย่างระมัดระวัง “มีคน!”
เย่ชิงหยู่ตกตะลึงไป เธอไม่รู้สึกถึงใครเลยสักนิด และหันมองไปรอบๆ
ขณะที่เธอกำลังจะถามว่ามีใครอยู่ที่ไหนกัน ที่ประตูเขตชุมชนก็มีรถหลายคันเปิดไฟขึ้นพร้อมกัน และไปนั้นก็พุ่งมาที่ฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่พอดี
ฟางเหยียนก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว และยืนบังเย่ชิงหยู่เอาไว้
จากนั้น เขาก็มองไปที่ทิศทางของไฟรถ
ในเวลานี้ มีชายร่างอ้วนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากมุมหนึ่งของไฟรถ ทันทีที่เขาออกมา เงาทั้งร่างกลืนฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่ไป ฟางเหยียนใช่ว่าจะไม่เคยเจอภาพแบบนี้มาก่อน ครั้งที่แล้วหม่าซวี่ซงก็ใช้วิธีนี้มาต่อกรกับตนเองไม่ใช่หรือไง? จากนั้นก็ถูกลุงของเขาฆ่าไป
เจ้าโง่นี่เป็นใครคงไม่จำเป็นต้องไปคิดให้เสียเวลา เขาก็คือหลิ่วจื้อเชาที่เพิ่งทานอาหารเย็นโต๊ะเดียวกัน
หลิ่วจื้อเชาไม่ใช่คนดีอะไร เขาเป็นพวกเกลียดชังศัตรูเข้าไส้ เมื่อกี้นี้ฟางเหยียนไปทำให้เขาขุ่นเคือง แน่นอนว่าเขาต้องแก้แค้นฟางเหยียน หากเขาไม่แก้แค้นกลับ เขาจะมีหน้าอยู่ในจินโจวได้อย่างไรในอนาคต
หลังจากปรากฏตัวขึ้นที่หน้าไฟรถแล้ว เขาก็กอดอก และเอ่ยพูดด้วยท่าทางราวกับพระราชาที่มองใต้หล้า “ในที่สุดนายมาซะที!”
“แปะ แปะ แปะ!” เขาปรบมือด้วยความมั่นใจ จากนั้น เงาร่างจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นข้างๆ เขา
“คุณจะทำอะไร? หลิ่วจื้อเชา!” เย่ชิงหยู่ถามหลิ่วจื้อเชา
หลิ่วจื้อเชาหัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “เย่ชิงหยู่เอ๋ยเย่ชิงหยู่ สามีเธอเจ้าบ่าวที่เธอเลี้ยงต้อยมาแต่เด็กคนนี้ช่างไม่รู้จักชั่วดีจริงๆ เมื่อกี้เขากล้าตำหนิฉันต่อหน้าคนตั้งมากมาย เธอคิดว่าฉันไม่มีหน้าตาหรือไง? ฉันเป็นใคร? ฉันคือหลานชายของหลิวเหอฉาง! ในเมืองจินโจว มีใครที่กล้าดีมาพูดจาแบบนี้กับฉัน”
“คุณ…” เย่ชิงหยู่สำลัก เธอจับมือฟางเหยียนเอาไว้แน่นและเอ่ยว่า “ทำไมคุณถึงใจแคบขนาดนี้! ฟังไม่ออกหรือไงว่าเมื่อกี้พวกเราก็แค่พูดเล่นกับคุณ?”
อันที่จริงเธอกังวลว่าฟางเหยียนจะลงมือฆ่าหลิ่วจื้อเชา การที่ฟางเหยียนจะฆ่าคนนั้นเขาอาจไม่ได้ต้องการเหตุผลอะไร
แม้ว่าหลิ่วจื้อเชาจะทำให้ฟางเหยียนขุ่นเคือง แต่โทษของเขาก็ไม่ถึงตาย
มองดูแล้วอาจเหมือนว่าเธอกำลังช่วยฟางเหยียน แต่จริงๆแล้วเธอกำลังช่วยหลิ่วจื้อเชา
หลิ่วจื้อเชาแค่นเสียงออกมาแล้วพูดว่า “ล้อเล่น? ฉันสนิทกับเขามากหรือไง? เมื่อครู่เขาไม่ได้บอกว่าต่อให้ปู่มาช่วยก็ไม่มีประโยชน์ไม่ใช่หรือไง? ฉันอยากจะเห็นนักว่าอีกเดี๋ยวเขาจะต้องคุกเข่าลงบนพื้นและขอความเมตตาทีหลังหรือไม่”
“ลงมือ จับหญิงสาวมาให้ฉัน ส่วนผู้ชายก็จัดการหักขาทั้งสองข้างของมันซะ ให้มันต้องคุกเข่ายอมรับผิดต่อหน้าฉัน ด้านหนึ่งร้องขอโทษ อีกด้านยอมศิโรราบ” พูดจบหลิ่วจื้อเชาก็จุดบุหรี่ ทำท่าทางราวกับเป็นลูกพี่ใหญ่
ต้องบอกจริงๆว่า เขามีมาดของลูกพี่ใหญ่จริงๆ หน้าตาก็เหมือน อีกทั้งลักษณะการกระทำก็ยังคล้ายพวกลูกพี่ใหญ่อีกด้วย
เพียงแต่ เพียงแต่เขามาหาเรื่องผิดคนแล้ว!
แต่เดิมฟางเหยียนแค่คิดจะสั่งสองหลิ่วจื้อเชาสักหน่อย นี่ก็เพราะเขาอยู่กับเย่ชิงหยู่ และไม่อยากใช้กำลังถึงได้ปล่อยเขาไป
แต่ตอนนี้ เกรงว่ามันคงไม่ง่ายอย่างนั้นแล้ว นั่นเพราะ…!
ในไม่ช้า หลิ่วจื้อเชาก็จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ต้องร้องขอความเมตตาก่อน!
คนพวกนั้นยังไม่ได้ลงมือในทันที อีกทั้งยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นๆไหลลงมา!
หลิ่วจื้อเชาพบความผิดปกติ เขามองไปยังผู้คนรอบตัวๆ อยากนั้นก็ตะคอกขึ้น “พวกแกมัวทำอะไรอยู่วะ? อาเตา ฉันให้นายไปจัดการคนซะ เมื่อกี้นายไม่ได้เพิ่งพูดหรือไงว่าค่ำคืนในจินโจว นายก็คือพระเจ้า?”
“เพี๊ยะ!” ทันใดนั้น จู่ๆอาเตาก็ตบหน้าหลิ่วจื้อเชา
บุหรี่ที่หลิ่วจื้อเชาเพิ่งจะจุดขึ้นมากระเด็นออกไปทันที เขาสบถออกมาก่อจะกุมหน้าแล้วหันไปถามด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนว่า “นายนายนาย นายทำอะไรวะ? มาตบฉันทำไม?”
อาเตาพูดไม่ออกเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่าคนที่แสงไฟส่องสว่างใส่ก็คือฟางเหยียน สองขาของเขาก็อ่อนยวบ นี่มันใครเล่นงานใครกัน! เขาไม่รู้ว่าตนเองไปเอาความโชคร้ายขนาดนี้มาได้อย่างไร นี่มันกี่ครั้งแล้ว เขายังอุตส่าห์มาเจอกับฟางเหยียนได้อีก”
ไม่มีทางเลือกอื่น เขาได้แต่ต้องเอาความโกรธไปลงที่ตัวของเจ้าโง่นี่ ดังนั้นเขาจึงตะคอกใส่หลิ่วจื้อเชา “อาเตาเป็นชื่อที่ให้แกเรียกได้หรือไง? นี่แกยังมามัวอวดเบ่งอะไรอยู่อีก?”
หลิ่วจื้อเชากุมใบหน้าของตนและพูดอย่างงุนงงว่า “พี่เตา พวกเราไม่ได้ตกลงกันแล้วหรือ ผมให้พี่สองแสน พี่มาจัดการกับเจ้านี่ให้ผม ตอนนี้พี่รับเงินไปแล้วแต่คิดจะบิดพลิ้วหรือไง? พี่ทำแบบนี้ไม่ไว้หน้าผมเลยสักนิด พี่รู้ไหม? Z,ยังคิดจะจีบผู้หญิงคนนี้อยู่นะ พี่ทำแบบนี้ จากนี้ไปผมจะจีบต่อยังไง!”