ยิ่งอยู่เสียงเปียโนยิ่งดังขึ้น ยิ่งเสนาะหูมากขึ้น ทำให้คนจำนวนไม่น้อยค่อนข้างตะลึงได้จริงๆ จะว่าไปฉินห้าวเล่นเปียโนได้ดีจริงๆ สามารถขึ้นเวทีนานาชาติได้ ทำให้คนอิจฉาอย่างที่สุดจริงๆ
จากเสียงดนตรีที่ดังขึ้นลง ทุกคนก็ตกอยู่ในภวังค์อารมณ์อย่างหนึ่งตามท่วงทำนองของเพลง และแล้วหลังจากหลายนาทีผ่านไป เสียงของดนตรีหยุดลงอย่างช้าๆ จากการหยุดของเสียงดนตรี หญิงสาวที่สวมชุดตาข่ายสีขาวคนหนึ่งก็เดินมาที่ติงห้าว ด้านหน้าของหญิงสาวเป็นเด็กที่น่ารักสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ในมือถือดอกไม้สด โรแมนติกสุดขีด จะว่าไป นี่เป็นบทละครที่ดีมากบทหนึ่ง ในความโรแมนติกเต็มไปด้วยความรัก
ผู้หญิงเห็นฉากแบบนี้ล้วนอิจฉากันไม่หวาดไม่ไหว ผู้ชายเห็นเข้ายังริษยา
“พระเจ้า ดนตรีนี้มันช่างทำให้คนเคลิบเคลิ้มจริงๆ ฉันยังไม่เคยได้ยินเสียงดนตรีที่น่าฟังขนาดนี้มาก่อนในงานเลย ช่างน่าตะลึง มันช่างทำให้คนถอนตัวไม่ขึ้นเอาเสียเลย! ฉันอิจฉาหวงเจียวจัง ที่ได้แต่งงานกับนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้”
“ใช่ ถ้าจะพูดว่าสามารถแต่งงานกับใครๆๆแล้วเจ๋ง ยังไม่เท่าแต่งงานกับนักดนตรีแบบนี้เลย”
“คนที่โรแมนติกล้วนทำดนตรี คนนั้นของฉันเป็นตาทิ่ม ไม่โรแมนติกอะไรเอาเสียเลย”
“ไม่เป็นไร ไว้ฉันจะแนะนำที่คนที่เข้าใจให้นะ ไม่ใช่แค่รู้เรื่องดนตรี จะรู้อีกหลายเรื่องเลย”
“พูว์!”
“…”
เมื่อเห็นหวงเจียวที่เดินออกมาตอนดนตรีค่อยๆหยุด ทันใดนั้น แสงของทั้งเวทีล้วนดับลง และแสงสปอตไลท์ ได้ส่งไปที่หวงเจียว หวงเจียวไม่ถือเป็นผู้หญิงที่สวย แต่เธอมีจุดเด่น และมีน้ำมีนวลที่เห็นได้ชัด
ถึงแม้จะใส่ชุดพิธีการ แต่ก็ปกปิดความมีน้ำมีนวลของหวงเจียวไว้ไม่อยู่ โค้งเว้าได้รูป พร้อมด้วยความมีน้ำมีนวลสไตล์ยุโรป
จนกระทั่งหวงเจียวเดินมาถึงตรงกลางของเวที เสียงดนตรีก็หยุดลงโดยสิ้นเชิง
แต่เสียงดนตรีเมื่อกี๊กลับยังดังอยู่บนเวทีอย่างสนั่น คนที่อยู่ในงานมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นผู้ชื่นชมเสียงดนตรี เพราะทุกคนรู้ว่าคนที่แต่งงานในวันนี้คือนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง
ติงห้าวยืนขึ้นเดินไปทางหวงเจียว แล้วยกมือขึ้นมาจับมือของหวงเจียวไว้
ในมือของเขาถือไมโครโฟนไว้ แล้วกล่าว “ผมคิดว่าดนตรีเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้ มันสามารถทำให้คนที่อารมณ์ไม่ดีผ่อนคลายลงได้ ทำให้คนที่สิ้นหวังพบกับความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป แต่สิ่งที่สวยงามที่สุดไม่สามารถแทนตำแหน่งของคุณที่อยู่ในใจผมได้ ในจิตใจของผม คุณจึงจะเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด คุณเหมือนกับเปียโนที่สูงส่ง ยืนอยู่บนจุสุดสูงในโลกของเครื่องดนตรีทั้งหมด ทำให้เครื่องดนตรีทั้งหมดล้วนเทียบกับคุณไม่ติด เสน่ห์ที่คุณเปล่งออกมาทั้งหมดราวกับเสียงดนตรีที่เปียโนปล่อยออกมา สวยงามและโรแมนติก ผมชอบคุณ ชอบเสียงดนตรีที่คุณเล่นออกมา ชอบคุณ ชอบคุณที่สูงสง่าเหมือนเปียโน”
นี่เป็นฉากที่งดงามมากฉากหนึ่ง ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีล้วนอิจฉาไปตามๆกัน จากเสียงของคำพูดเขา ยังมีเสียงเพลงอันไพเราะดังตามมา โรแมนติกมาก มีเสน่ห์มาก มันช่างทำให้คนหยุดไม่ได้จริงๆ!
แต่ในฉากแบบนี้ จู่ๆก็มีเสียงของผู้เฒ่าดังขึ้น “ช้าก่อน!”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น เสียงที่โรแมนติกนั้นก็หยุดลง คนที่อยู่ในงานทั้งหมดล้วนมองไปที่ผู้เฒ่า นี้เป็นผู้เฒ่าที่กระปรี้กระเปร่าคนหนึ่ง อายุเจ็ดสิบแปดสิบปี ผมขาวโพน ที่มุมปากยังมีหนวดสีขาวอยู่บ้าง
“ใครเนี่ย?” มีบางคนถามอย่างไม่เข้าใจ
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร เพราะคนที่รู้จักผู้เฒ่าคนนี้น้อยมาก
ผู้เฒ่าจ้องติงห้าวที่อยู่บนเวทีอย่างตาเป็นประกาย แล้วกล่าว “สหายน้อย ฉันยอมรับนะว่าแกเล่นเปียโนได้ไพเราะ ดนตรีก็เหมาะสมกับผู้ฟังในยุคปัจจุบันมาก แต่ถ้าแกจะพูดว่าเปียโนเป็นราชาแห่งเครื่องดนตรี คำพูดนี้ฉันไม่เห็นด้วย”
พิธีกรสีหน้างงงวย นี่ไม่ใช่งานแต่งจัดไว้ฝึกซ้อม นี่คือเพลงประกอบ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงรีบพูดว่า “ท่านสุภาพบุรุษอาวุโสครับ เรื่องนี้ไว้ค่อยพูดกันนะครับ! ตอนนี้กำลังจัดงานแต่งอยู่นะครับ”
ผู้เฒ่าฮึมออกมา ชักตาใส่พิธีกรคนนั้นแล้วกล่าว “ไม่ คำพูดนี้ฉันจำเป็นต้องพูดตอนนี้!”
พิธีกรกะพริบตา แล้วกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ “ท่านสุภาพบุรุษอาวุโสครับ ถ้าคุณยังทำแบบนี้ ผมจะเรียกรปภ.แล้วนะครับ”
“รปภ.?” ผู้เฒ่าส่งเสียงฮึมออกมา แล้วตะคอกเสียงดังว่า “แกคิดว่าแกเรียกรปภ.แล้วฉันจะไม่พูดแล้วงั้นเหรอ?”
ติงห้าวชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าถ้าทะเลาะกันต่อไปต้องไม่ดีแล้ว ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ถามอย่างสงบว่า “ผู้เฒ่าครับ มิทราบว่าคุณคือใครเหรอครับ?”
ผู้เฒ่าพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ผมเป็นใครไม่สำคัญ ผมเป็นแค่คนที่ชอบดนตรีประเทศหวา เปียโนมีมาแค่สามร้อยกว่าปีเท่านั้น เป็นราชาแห่งเครื่องดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ประเทศหวาประเทศที่มีประวัติศาสตร์ห้าพันปี ดนตรีมีประวัติมาสามพันกว่าปี เครื่องดนตรีที่มีความเป็นมาแค่สามร้อยปีก็สามารถยืนอยู่จุดสุดยอดของโลกได้แล้วเหรอ? ผมไม่พอใจกับคำพูดของคุณ คุณพูดแบบนี้ไม่ถูกอย่างมาก”
ผู้เฒ่าพูดมีเหตุมีผลอย่างฉะฉาน ราวกับเขากำลังซักไซ้เจ้าบ่าวคนนี้ที่ยืนอยู่บนเวที
คำพูดของผู้เฒ่าทำให้เกิดการถกเถียงของคนจำนวนไม่น้อย ทุกคนล้วนไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งนี้
“ผู้เฒ่าคนนี้เป็นใครเนี่ย? บ้าหรือเปล่า? ใครเชิญเขามา?”
“เขาเป็นใครแกไม่รู้เหรอ? เขาคือฉู่หยางไง! ในประเทศเราคือปรมาจารย์วรรณกรรมดั้งเดิมที่รู้ลึกซึ้งมาก! ไม่เพียงแค่ด้านวัฒนธรรมนะ แม้แต่ดนตรี จิตรกรรมวิจิตรศิลป์ล้วนแตกฉานอย่างที่สุด”
“ถึงแม้เป็นฉู่หยางก็จะเย่อหยิ่งแบบนี้ไม่ได้ป่ะ? ก็แค่คำพูดเดียวเท่านั้น จะเอาจริงเอาจังทำไมกัน? อีกอย่าง ตลาดเปียโนในตอนนี้ก็ดีอยู่นะ ลูกสาวของฉันกำลังเล่นเปียโนอยู่ ฉันรู้สึกว่าติงห้าวพูดก็ไม่ผิดนะ เปียโนเป็นราชาแห่งเครื่องดนตรี ฉันไม่เชื่อว่าจะมีอะไรเยี่ยมไปกว่าเปียโนแล้ว”
“ก็ใช่ ต่างคนต่างชอบไม่เหมือนกัน ถ้าไม่ชอบ ก็ไปเสียก็จบ!”
“ผู้เฒ่าคนนี้เอาจริงเอาจังเสียจริงๆ หาเรื่องในงานแบบนี้ แสดงว่าเป็นผู้เฒ่าที่ไม่เคารพตัวเองเอาเสียเลย!”
“น่าจะเป็นอาศัยที่ตนอายุมากแล้วดูถูกคนอื่นจึงจะใช่!”
“…”
ผู้คนที่ตำหนิฉู่หยางต่างพากันถกเถียงขึ้นมา คิดว่าเปียโนมีจุดยืนในใจของทุกคนไม่เหมือนกัน แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าคำพูดนี้สำหรับคนที่ศึกษาเครื่องดนตรีประเทศหวา เป็นการเล่นงานที่หนักขนาดไหน
แน่นอน ฉู่หยางไม่จำเป็นต้องต่อร้องต่อเถียงกับกลุ่มคนไม่ฉลาดเหล่านี้ เขาเพียงหวังแก้ไขให้ถูกต้อง เขาไม่อยากให้ประชาชนถูกปิดตา บูชาต่างชาติ!
เขาไม่คัดค้านคนอื่นชอบของของต่างชาติ เพียงแต่อยากบอกทุกๆคน ว่าอัตลักษณ์ของประเทศละทิ้งไม่ได้ ละทิ้งไม่ได้!
ติงห้าวมองฉู่หยาง แล้วกล่าว “สุภาพบุรุษอาวุโสครับ เปียโนพัฒนาเร็วมาก ตอนนี้ได้กลายเป็นวิชาบังคับของทุกมหาลัยไปแล้ว และดนตรีประเทศหวามากมายล้วนใช้การบรรเลงประกอบของเปียโน ตอนนี้เห็นคอร์สเทรนนิ่งเปียโนในทุกๆที่! หรือที่ผมพูดมีปัญหาอะไรมั้ยครับ? ผมมองว่า เดิมทีเปียโนก็สามารถเรียกว่าราชาแห่งเครื่องดนตรีได้!”