“บริษัทจงซื่อ?”
เมื่อเย่เฉินได้ยินสี่คำนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย:”ฉันเคยได้ยินตระกูลเย่ ตระกูลซู และตระกูลกู้ แต่ไม่เคยได้ยินบริษัทจงซื่ออะไรเลยจริงๆ”
อีกฝ่ายตะโกนออกมาทันที:”ขนาดบริษัทจงซื่อก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ฉันว่าสมองของคุณถ฿กสุนัขกินไปแล้วล่ะ!บริษัทจงซื่อเป็นบริษัทวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยทรัพย์สินนับแสนล้าน! และความนิยมของคุณชายเราจงเทียนหยู่ในประเทศจีน ไม่ได้ต่ำกว่ากู้ชิวอี๋เลย ตอนนี้เขาเป็นนักร้องชายที่ดังที่สุดในประเทศจีน!”
เย่เฉินพยักหน้าและจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ชมเชย:”สุดยอดเลย! ถ้านั้น คุณชายของคุณคือกู้ชิวอี๋เวอร์ชั่นผู้ชายเหรอ?”
อีกฝ่ายยักคิ้วและโพล่งออกมา:”แน่นอน คุณกู้เป็นนักร้องหญิงยอดนิยม คุณชายของเราก็เป็นนักร้องชายยอดนิยม พลังตระกูลของคุณกู้แข็งแกร่ง และพลังของตระกูลคุณชายของเราก็ไม่แย่เช่นกัน ยังมีใครไม่รู้อีกว่า สองคนนี้เป็นกิ่งทองใบหยกในวงการบันเทิง?”
เย่เฉินพูดอย่างเสียใจ:”ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย ทำไมถึงเป็นกิ่งทองใบหยกล่ะ? จงเทียนหยู่ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำไป”
อีกฝ่ายพูดอย่างเหยียดหยาม:”เจ้าหนู จะแอ๊บทำไม? แกไม่เคยได้ยินชื่อจงเทียนหยู่มาก่อนได้ไง? หรือว่าแกอาศัยอยู่ต่างประเทศตลอดหลายปีงั้นเหรอ?”
เย่เฉินยิ้มพูดว่า:”ฉันอาศัยอยู่ที่จินหลิงตลอดหลายปี แต่ฉันไม่เคยได้ยินชื่อจงเทียนหยู่มาก่อนเลยจริงๆ”
อีกฝ่ายเหมือนถูกเหยียบหาง และโพล่งออกมาว่า:”เชี่ย! ฉันว่าแกจงใจหาเรื่องสินะ!”
เย่เฉินกำลังจะพูด เฉินจื๋อข่ายก็รีบวิ่งมา เมื่อเห็นผู้ชายคนนี้ทะเลาะกับเย่เฉิน เขาก็ด่าขึ้นทันทีว่า:”ทำอะไร? ใครเป็นคนให้พวกคุณมาที่นี่?”
ชายหนุ่มหันกลับมาเห็นเฉินจื๋อข่าย ขมวดคิ้วและถามว่า:”คุณเป็นใคร”
“ฉันเป็นผู้จัดการที่นี่!”เฉินจื๋อข่ายพูดอย่างเย็นชา:”ใครให้พวกคุณมาสร้างปัญหาที่นี่?”
ชายคนนั้นพูดขึ้นทันที:”ฉันขอแนะนำตัวเอง ฉันเป็นนายหน้าของจงเทียนหยู่คุณชายของตระกูลจง และชื่อของฉันคือสวีต้านต้าน ฉันไม่ได้มาสร้างปัญหานะ ฉันมาที่นี่คุยเรื่องการให้ห้องกับพวกเขา ในเมื่อคุณเป็นผู้จัดการที่นี่ แล้วคุณรีบบอกพวกเขาว่าคุณชายของเราจงเทียนหยู่กำลังจะมาจินหลิงเร็วๆนี้ เขาพูดเองว่าจะอยู่เพรสซิเดนสูทในโรงแรมของคุณ เรายินดีที่จะให้ค่าห้องพวกเขาสองเท่าเพื่อเป็นค่าตอบแทน แต่พวกเขากลับมองข้ามความหวังดีของคนอื่น”
เฉินจื๋อข่ายฟังแล้วรู้สึกว่าหมอนี้ไม่เกรงใจเลย และรู้ว่าเขาคงจะล่วงเกินคุณชายของตน แทบจะอยากเรียกให้รปภ.มาเอาคนพวกนี้ออกไปทันที
แต่ว่า ทันใดนั้น เย่เฉินก็ถามขึ้นก่อนว่า:”เหล่าเฉิน จงเทียนหยู่คือใคร?”
เฉินจื๋อข่ายรีบพูดว่า:”คุณเย่ จงเทียนหยู่เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของบริษัทจงซื่อจงเจิ้งทาว ไม่รู้ว่าเขาเรียนดนตรีที่มหาวิทยาลัยกระจอกๆมาหลายปี ก็แสร้งทำเหมือนตัวเองมีพรสวรรค์ด้านดนตรี มีพรสวรรค์ด้านการสร้างสวรรค์ ที่บ้านลงเงินหลายร้อยล้านให้เขาต่อปี ลงไป4-5ปีติดต่อกันก็ไม่ได้ทำให้เขาโด่งดัง หลังจากที่ไปเกาหลีเมื่อสองปีก่อน และทำศัลยกรรมความงามถึงดังขึ้นมา”
เมื่อสวีต้านต้านได้ยินคำพูดของเฉินจื๋อข่าย เขาก็โกรธและโพล่งออกมา:”คุณอย่ามาพูดมั่วๆ! คุณชายของเราไม่เคยทำศัลยกรรม! สื่อล่าสุดที่เผยแพร่ข่าวลือที่คุณชายของเราไปทำศัลยกรรม โดนเราฟ้องแล้ว! คุณเป็นผู้จัดการโรงแรมนี้ ถ้าพูดจาไม่รับผิดชอบแบบนี้อีก เราจะฟ้องโรงแรมของคุณไปด้วย!”
เฉินจื๋อข่ายเบะปากและพูดอย่างประชดประชันว่า:”ก่อนหน้านี้คุณชายของพวกคุณหน้าตายังไง คุณก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ? ใบหน้าเหลี่ยมที่ทั้งดำและขี้เหร่ ตอนนี้หน้าขาวอย่างกับสีทาบ้าน ถ้าไม่ได้ศัลยกรรมมา หรือว่าเป็นโรคด่างขาวทั้งหน้างั้นเหรอ?”
“แล้วก็ คางที่แหลมของเขาตอนนี้ เกรงว่าตอนก้มหน้าคงจะสามารถเจาะคอของตัวเองได้แล้ว ถ้าไม่ได้ทำศัลยกรรมมา หรือว่าให้คนใช้ล้อเจียรเจียรออกมาเหรอ?”