ผมเกิดใหม่เป็นจิ้งจอกสาวเก้าหาง – ตอนที่ 22: ฝึกจริงวันแรก

                “เอาล่ะนักเรียนทุกคน วันนี้คือวันแรกที่จะฝึกการต่อสู้จริง ก่อนอื่นครูจะอธิบายการเรียนและการเก็บคะแนนก่อนนะ การฝึกคือการจับคู่สู้กันเองในแต่ละวัน จะเปลี่ยนในวันต่อไปก็ได้ หรือจะจับคู่กันไปเรื่อยๆก็ได้ นักเวทย์จะจับคู่กับนักดาบก็ได้ หรือจับคู่กันตามสายตัวเองก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากโจมตีใส่คู่ตนเองจนบาดเจ็บรุนแรง จะโดนพักการเรียนหรืออาจจะโดนไล่ออกได้ ส่วนการเก็บคะแนนก็เป็นไปตามการอธิบายของรองผู้อำนวยการเมื่อวานจ้ะ”

                ครูเทียร์อธิบายเรื่องการฝึกของวิชาการต่อสู้จริง

                ตอนนี้ผมอยู่ในสนามฝึกของโรงเรียนล่ะ กว้างสุดๆไปเลย อย่างกับสนามฟุตบอลเลยล่ะ

                “ถ้าพวกเธอเข้าใจแล้ว ก็จับคู่กันแล้วเริ่มสู้กันได้เลยจ้ะ”

                จากนั้นนักเรียนคนอื่นๆก็เริ่มจับคู่กัน

                จะว่าไงดี ที่นี่ดูมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยแฮะ ผมจะไหวหรือเปล่านะ คิดว่าตัวเองก็ฝึกจนเก่งอยู่หรอก แต่คนอื่นๆก็อาจจะเก่งยิ่งกว่าผมก็ได้

                แต่ผมกับคาเอลฝึกด้วยกันบ่อยมากแล้ว เพราะฉะนั้น…

                “คาเอล เราจับคู่กันกับคนอื่นไหม เพราะเราก็จับคู่ด้วยกันบ่อยแล้ว จะได้รวดทำความรู้จักกับคนอื่นไปพร้อมกันเลย”

                “นั่นสินะครับ ถ้างั้น ผมไปคู่กับไคนะ ไค! มีคู่หรือยังครับ!”

                จากนั้นคาเอลก็ได้ไปจับคู่กับไคแล้วฝึกกัน

                เอาล่ะ ผมต้องทำยังไงกันนะ จะคู่กับใครดี ว่าตามตรง ตอนนี้ผมไม่รู้สึกสนิทกับใครเลยนอกจากคาเอล แต่ผมก็ให้คาเอลไปคู่กับคนอื่นแล้ว ทำยังไงดี

                ผมยืนคิดนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง และไลม์ก็ได้มาทักผมระหว่างนั้น

                “คุณมากิมีคู่หรือยังคะ”

                “เอ่อ…ยังค่ะ”

                “ถ้าอย่างนั้นเรามาจับคู่กันนะคะ ชั้นเป็นนักดาบชั้นต้นค่ะ คุณมากิล่ะคะ”

                นักดาบขั้นต้นงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมก็อยู่สูงกว่าระดับนึงสินะ ไม่สิ ยังไงผมก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องดาบอยู่ดี เพราะเรื่องนั้นผมสู้คาเอลไม่ได้เลย แต่ยังไงผมก็ต้องตอบตามที่คุณคุโระบอกผมล่ะนะ

                “เป็นนักดาบชั้นกลางค่ะ”

                “หวา ถ้าอย่างนั้นช่วยเบามือกับชั้นด้วยนะคะคุณมากิ ชั้นไม่ค่อยเก่งเรื่องดาบเท่าไหร่เลย”

                “ฮะๆ ไม่หรอกค่ะ ชั้นเองก็ไม่เก่งเรื่องดาบเหมือนกัน กลับกันทางด้านเวทย์มนต์ยังจะง่ายกว่าอีก”

                ผมกับไลม์คุยกันขณะเดินไปหยิบดาบไม้สำหรับที่ฝึกนอกสนาม

                “เอ๋ ถ้าอย่างนั้นคุณมากิ เป็นนักเวทย์ธาตุอะไรขั้นไหนเหรอคะ”

                เอาล่ะ ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมค่อนข้างมั่นใจเลยว่าตัวผมเก่ง

                “เป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ค่ะ”

                “โห! ศักดิ์สิทธิ์เลยเหรอคะเนี่ย! ระ..หรือว่าคุณมากิเข้าโรงเรียนด้วยจดหมายใช่ไหมคะ!”

                “ใช่ค่ะ เพราะงี้ก็เลยโดนบังคับให้นอนด้วยกันกับคาเอลล่ะค่ะ”

                แต่ถึงผมจะทำเหมือนบ่น แต่ผมคิดว่าการได้นอนกับคาเอลมันก็สบายใจกว่าการได้นอนกับคนที่ไม่รู้จักสำหรับคนที่เข้ากับคนอื่นไม่เก่งอย่างผมล่ะนะ

                “วะ..หวา! นอนด้วยกันกับคุณคาเอลเหรอคะเนี่ย! ผู้ชายกับผู้หญิงน่ะเหรอคะ!”

                เรื่องนี้ผมไม่ควรพูดอย่างนั้นสินะ พลาดแล้วเรา

                “อะฮะฮะ ใช่แล้วค่ะ มันไม่ดีใช่ไหมคะ รบกวนอย่าเอาไปบอกคนอื่นนะคะ แฮะๆ”

                “ไม่ค่ะๆ เรื่องนี้มันปกติมาก แต่ก็อยากรู้ว่าจะมีกี่คนที่ได้นอนกับเพศตรงข้ามน่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าท่านคาเอลก็เป็นคนที่เข้าด้วยจดหมายสินะคะเนี่ย สุดยอดเลย อ๊ะ แล้วแบบนี้คุณมากิเป็นจอมเวทย์ธาตุอะไรเหรอคะ เห็นบอกว่าศักดิ์สิทธิ์”

                ผมกับไลม์ต่างก็หยิบดาบไม้มาคนละเล่ม ว่าแต่ไลม์เรียกคาเอลว่าท่านเลยเหรอเนี่ย

                “ธาตุวิญญาณค่ะ แต่เพราะถนัดทุกธาตุอาจารย์ที่สอนให้ก่อนหน้านี้ก็เลยตั้งให้ว่าจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์”

                พอผมเล่าเสร็จไลม์ก็ทำตาโตทันที

                “โห! เป็นจอมเวทย์ธาตุศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่อายุเราเท่าๆกัน แถมยังถนัดทุกธาตุอีกต่างหาก! คุณมากิสุดยอดเลยค่ะ! ถ้าอย่างนั้นถือว่าเป็นจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยที่สุดเลยใช่ไหมคะเนี่ย! สุดยอดเลยค่ะ! สุดยอดเลย!”

                “โดนชมแบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะคะ ฮะๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องการใช้ดาบเท่าไหร่นะคะ อีกอย่างชั้นก็รู้สึกเหมือนว่าถึงทางตันด้านเวทย์มนต์เหมือนกันค่ะ ก็เลยคิดว่าช่วงนี้จะฝึกดาบให้เก่งขึ้นกว่านี้หน่อยน่ะค่ะ แฮะๆ”

                “สุดยอดเลยค่ะ นอกจากจะมีพรสวรรค์ด้านเวทย์มนต์แล้ว ยังมีความขยันในการฝึกดาบอีก สุดยอดเลยค่ะคุณมากิ!”

                เหมือนว่าผมกับไลม์จะคุยกันนานและยังไม่เริ่มสู้อาจารย์ก็เลยเริ่มมองมาทางผมกับไลม์แล้ว

                “อะฮะฮะ อย่าชมกันเยอะเลยค่ะ เรามาเริ่มฝึกกันเลยดีกว่าค่ะ อาจารย์เริ่มมองเราสองคนแล้ว”

                “เอ๊ะ! ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะคะ”

                “ชั้นเองก็ไม่ถนัดดาบนี้ค่ะ ไม่ต้องห่วง”

                จากนั้นผมกับไลม์ต่างก็ตั้งท่าดาบ เราทั้งคู่ดูเชิงกันอยู่สักพักก่อนที่ไลม์จะเป็นคนวิ่งเข้ามาทางผมแล้วฟัน

                ถ้าเทียบกับคุณคุโระหรือคาเอลแล้ว ช้ากว่าเยอะเลย

                ผมก้าวท้าวออกไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีของไลม์ และไลม์ที่ฟันลมก็เลยเสียการทรงตัวผมจึงได้โอกาสเตะตัดขาของไลม์ทำให้ไลม์ล้มหน้าคว่ำไป

                “อุหวา คุณมากิไวมากเลยค่ะ ชั้นคิดว่าตัวเองไวแล้วนะคะเนี่ย”

                ผมยื่นมือให้ไลม์เพื่อใช้ดึงตัวขึ้นมา

                “คนที่สอนดาบให้เขาเป็นราชาดาบน่ะค่ะ กว่าจะหลบได้เขียวไปทั้งตัวเลยค่ะ”

                “เป็นความต่างของประสบการณ์นี่เอง! ขออีกครั้งค่ะคุณมากิ!”

                จากนั้นผมกับไลม์ก็ฝึกสู้กันอย่างนี้ไปอีกสักพัก ไลม์มักจะเป็นฝ่ายโจมตีก่อนเสมอและก็จะโดนผมสวนกลับอยู่หลายครั้ง อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ของผมก็ได้ แต่ไลม์เองก็เก่งเช่นกัน ถ้าผมไม่หลบและเลือกที่จะกันดาบแล้วโจมตีสวนไป ไลม์เองก็จะกันได้เสมอ ผมไม่ถนัดพวกดาบที่รูปร่างแบบดาบสองคมจริงๆนั่นแหละ

                “อ๊ายย!!”

                ในตอนที่ผมฝึกสู้กับไลม์นั้นเองจู่ๆก็มีเสียงของเด็กผู้หญิงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาเสียงดัง

                ผมกับไลม์หยุดแล้วหันไปมองทางต้นเสียง

                เป็นไอร่าที่ยืนกอดอกกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่น่าจะไม่ค่อยชอบไอร่าเท่าไหร่กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับแผลไฟไหม้เล็กน้อยที่สามารถรักษาด้วยเวทย์รักษาได้

                “อะไร แค่นี้ก็สู้ไม่ได้หรือยังไง”

                “ชิ… อ๊าา!”

                เด็กผู้หญิงคนที่สู้กับไอร่าร้องด้วยความเจ็บปวดหลังจับที่แผลของตัวเอง ผมจึงเดินเข้าไปช่วยใช้เวทย์รักษาให้

                “ด้วยพลังแห่งเทพีแห่งการรักษาโปรดให้ข้าได้พลังซึ่งนำมารักษาผู้อื่น Healing!”

                สีหน้าของเธอค่อยๆดีขึ้นหลังจากได้รับเวทย์รักษาของผม

                “ขะ..ขอบคุณมากเลยค่ะคุณมากิ”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ”

                “ค่ะ ไม่เจ็บตรงไหนแล้ว แถมไม่มีรอยแผลเลยด้วย ขอบคุณมากเลยนะคะ”

                “ถ้าอย่างนั้นไปพัก หรือฝึกกับไลม์ก่อนสักพักนะคะ”

                ผมพาเธอเดินไปหาไลม์จากนั้นก็เดินกลับไปหาไอร่า

                ผมน่ะไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะ แต่เพราะเธอคนเมื่อกี้เป็นนักดาบ และไอร่าเหมือนจะเป็นนักเวทย์เพราะไม่ได้ถือดาบ แต่ก็ยังชนะได้โดยไร้รอยแผลและยังทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บด้วย

                เพราะอย่างนั้นผมคิดว่าตัวผมน่าจะเหมาะกับการฝึกกับไอร่ามากกว่า

                ถึงผมจะบอกว่าไม่ได้โกรธก็เถอะ แต่ไม่ชอบเลยที่ไอร่าพูดแบบนั้น

                “เรามาฝึกด้วยกันดีกว่าค่ะไอร่า”

                “หึ ก็ดี ชั้นก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเธอจะเก่งแค่ไหน ต่อให้เป็นนักดาบ ก็สู้ชั้นไม่ได้หรอกนะ”

                ไอร่าพูดพร้อมมองมายังดาบไม้ในมือของผม

                “นี่เหรอคะ ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เรามาฝึกกันแบบนักเวทย์ดีกว่า”

                ผมพูดจบก็โยนดาบไม้ในมือทิ้งไป

                “หืม? เธอบ้าหรือเปล่า ทิ้งข้อได้เปรียบของตัวเองเนี่ยนะ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าชั้นไม่ออมมือให้เธอหรอกนะ และชั้นก็เป็นถึงจิ้งจอกเจ็ดหางเลยนะ เวทย์มนต์ของชั้นรุนแรงกว่าคนปกติเยอะเลยนะ ตะ..แต่ที่บอกไปน่ะ ไม่ใช่ว่าชั้นเป็นห่วงหรอกนะ!”

                อืม เป็นห่วงชัดๆ

                “ไม่เป็นไรค่ะ อย่างที่คุณไอร่าบอก ชั้นเองก็เป็นเผ่าจิ้งจอก แต่ไม่บอกหรอกนะคะว่ากี่หางน่ะ”

                “ชิ เริ่มเลยก็แล้วกัน”

                ผมเว้นระยะห่างออกจากไอร่าจากนั้นก็เริ่มฝึกกัน

                ผมตั้งท่าชี้นิ้วชี้ไปทางไอร่าเป็นท่าเหมือนยิงปืน ไม่มีอะไรหรอก นี่เป็นแค่ทริคน่ะ

                “ด้วยพลังแห่งธรรมชาติแต่เทพเจ้าแห่งไฟ จงสถิตในมือข้า ไฟบอล!”

                ไอร่าร่ายเวทย์ไวมากเลยนะเนี่ย

                แต่เรื่องเวทย์มนต์น่ะ ผมมั่นใจมากเลยล่ะนะ

                ผมปล่อยพลังเวทย์บริสุทธิ์ของผมใส่ไฟบอลของไอร่าและทำให้มันหายไปก่อนจะถึงตัวผม

                “หา!? อะไรกันน่ะ!”

                ไอร่าร้องออกมาด้วยความตกใจ

                “เป็นทริคค่ะ”

                จากนั้นไอร่าก็ร่ายไฟบอลออกมาอีกหลายๆครั้งและมันก็หายไปเหมือนเดิมทุกครั้ง

                “ว้าว คุณมากิสุดยอดเลย”

                “สุดยอด ทำได้ยังไงกันน่ะ”

                ไลม์กับเด็กผู้หญิงที่ผมช่วยเมื่อกี้ต่างก็ชื่นชมผม

                ไอร่าเองก็ยังคงร่ายเวทย์อีกหลายๆครั้ง และคราวนี้ก็ไม่ใช่แค่ไฟบอล แต่มีเวทย์บทอื่นๆด้วยและผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม

                “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…แฮ่ก..แฮ่ก…”

                ไอร่าเริ่มเหนื่อยแล้วอย่างนั้นสินะ

                ผมอยากจะเป็นเพื่อนกับไอร่านะ เพราะฉะนั้นผมจะไม่ใช้เวทย์วิญญาณที่มีแต่อะไรโหดๆก็แล้วกัน

                “ถ้าอย่างนั้น ชั้นจะเอาบ้างแล้วนะคะ”

                ผมเสกไฟบอลสามลูกออกมาพร้อมกัน หลายๆคนหยุดการฝึกแล้วมาดูการฝึกของผมต่างก็ส่งเสียงร้องด้วยความแปลกใจ ไอร่าเองก็เช่นกัน

                “ไม่ร่าย!?”

                ผมปล่อยเวทย์บอลไฟทั้งหมดออกไปพร้อมกัน ไอร่าเองก็ร่ายเวทย์กำแพงดินขึ้นมาป้องกันไว้ได้ ผมทำอย่างนั้นซ้ำอยู่หลายครั้งเพื่อรอดูการกระทำของไอร่า

                “ชิ ยุ่งยากชะมัด”

                ไอร่าบ่นออกมาด้วยความรำคาญ

                “ถ้าอย่างนั้น เรามาจบการฝึกนี้กันดีกว่าค่ะ”

                ผมเป็นคนที่พลังเวทย์เยอะมาก แถมผมยังเป็นเผ่าจิ้งจอกอีกด้วย และความสามารถในการใช้เวทย์แบบไม่ร่ายนั้น ผมก็สามารถใช้เวทย์บทแรกๆที่ง่ายๆอย่างไฟบอลนี้ได้ดี เพราะมันคุมการไหลเวียนได้ง่ายมากๆ เพราะฉะนั้นผมสามารถเสกแล้วปล่อยได้เลย

                ผมเสกไฟบอลออกมาครั้งละสามลูกแล้วปล่อยออกไปรัวๆจนไอร่าร่ายเวทย์กำแพงดินไม่ทันจึงหยุด

                “ถ้าในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เราคงรู้ผลแล้วนะคะ”

                ผมบอกให้ไอร่ายอมโดยที่ยังมีไฟบอลอยู่ด้านหลังผมอีกสามลูก

                “อืม…ชิ ชั้นแพ้แล้วล่ะ”

                ผมสลายไปบอลด้านหลังของผมแล้วเดินเข้าไปหาไอร่า

                “สนุกมากเลยค่ะไอร่า ชั้นไม่ได้สู้โดยการใช้เวทย์มนต์อย่างเดียวอย่างนี้มานานแล้ว”

                ผมยื่นมือออกไปหาไอร่า

                ถึงตอนหลังผมจะเป็นคนโจมตีฝ่ายเดียวก็เถอะ แต่ตึงมือพอๆกับคุณยูริเลยล่ะ

                “งั้นเหรอ…ชั้นแพ้หมดรูปเลยสินะ ชั้นคงต้องฝึกให้มากกว่านี้อีกล่ะนะ”

                ไอร่ายื่นมือมาจับกับมือของผม

                ทุกๆคนที่หยุดฝึกมาดูผมกับไอร่าเห็นอย่างนั้นต่างก็ปรบมือให้

                อาจารย์เองก็เช่นกัน มาตอนไหนเนี่ย

                “ยอดเยี่ยมมากเลยจ้ะ พวกเธอทั้งสองคนทั้งไอร่าและมาฮิโระเลย ครูอยากให้นักเรียนทุกคนมีน้ำใจแบบนี้นะ ถ้าฝึกกันเสร็จแล้วก็ต้องมีน้ำใจนักกีฬาแบบนี้ ทั้งสองคนไปพักได้ ส่วนคนอื่นๆฝึกต่อซะ”

                ““ค่า/คร้าบ””

                จากนั้นคนอื่นๆก็กลับไปฝึกของตัวเองกันต่อ

                “เดี๋ยวเจอกันนะคะคุณมากิ!”

                “จ้า”

                ผมกับไลม์โบกมือให้กันจากนั้นผมก็เดินไปหาไอร่าที่กำลังนั่งดูไคกับคาเอลฝึกกันอยู่

                คาเอลไม่ได้ดูผมเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ แอบเสียดายแฮะ

                “ขอนั่งข้างๆนะคะไอร่า”

                “อืม”

                อื๋ม? คาเอลกับไคสู้กันสูสีเลยเหรอเนี่ย

                “นาย ไม่ธรรมดาเลยนะ?”

                “นั่นสินะครับ ไคเองก็เหมือนกัน”

                ทั้งคู่คุยกันขณะดันดาบกันอยู่ ได้ยินเบาแฮะ ใช้ร่างจิ้งจอกหน่อยก็แล้วกัน

                จากนั้นผมก็เปลี่ยนร่างเป็นเจ็ดหาง

                เสียงดังขึ้นเยอะเลยแฮะ ไม่ชอบเลย แต่ก็อยากรู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกันล่ะนะ

                “เธอเป็นเจ็ดหางเหรอ”

                “เอ…นั่นสินะคะ อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”

                แม่บอกให้ผมเก็บมันเป็นความลับ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าผมบอกว่าไปเจ็ดหางคือปกติคงจะดีที่สุดล่ะนะ

                “ชั้นไม่เชื่อ”

                “เอ๋…”

                “สัญชาตญาณชั้นบอกว่าไม่ใช่”

                ไอร่าคุยกับผมในขณะที่ตายังมองการฝึกของไคกับคาเอลอย่างตั้งใจ

                “แต่ถ้าไม่ใช่เจ็ดหางก็เก้าหางแล้วนะคะ…”

                “ชั้นไม่รู้ แต่เธอไม่ต้องบอกชั้นหรอก ไว้ชั้นชนะเธอเมื่อไหร่ ค่อยบอกชั้นตอนนั้นก็แล้วกัน”

                “แต่ว่าเก้าหางนี่ระดับตำนานแล้วนะคะ ถ้าชั้นเป็นเก้าหางก็ต้องใช้ร่างเก้าหางแล้วสิคะ”

                “ก็อย่างที่เรารู้กัน ว่าเราสามารถลดขอบพลังของตัวเองด้วยการลดหางตัวเองได้ อย่างชั้นเจ็ดหาง ก็ลดเป็นห้าได้ ถ้าเป็นเก้าหางก็ลดเป็นเจ็ดได้เหมือนกัน”

                “แต่ถ้าแบบนั้นสำหรับชั้นไอร่าอาจจะเป็นเก้าหางก็ได้นี่คะ”

                ว่าแต่ทำไมจู่ๆเราต้องคุยกันเรื่องเสี่ยงต่อความลับของผมกันด้วยนะ

                “ชั้นรู้จักตัวเอง แต่ชั้นไม่รู้จักเธอและชั้น…ตัวคนเดียว”

                อ๊ะ! นี่แหละจังหวะ!

                “ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นเพื่อนกันสิคะ ไอร่าจะได้ไม่ต้องตัวคนเดียว”

                “อึก… ไม่ล่ะ อยู่กับชั้น เดี๋ยวคนอื่นก็เกลียดเธอไปด้วยหรอก”

                ไอร่าพูดเสร็จก็เบือนหน้าหนี

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็ไอร่าน่ะน่ารักออกจะตายไป แถมมันก็ยังดีกว่าไอร่าจะอยู่ตัวคนเดียวนี่คะ”

                “นะ..น่ารักงั้นเหรอ”

                โอ๊ะ หูกระตุกด้วยแฮะ แถมหางยังส่ายเบาๆด้วยความเขินอีก ร่างนี้อันตรายแฮะกลับร่างผนึกดีกว่า

                “เรามาเป็นเพื่อนกันนะคะไอร่า”

                “อะ..อือ ตะ..แต่ที่ชั้นน่ะเป็นเพื่อนกับเธอ ไม่ใช่เพราะว่าชั้นเหงาหรอกนะ แต่เพราะเธอขอตั้งหลายครั้งต่างหาก จำเอาไว้ด้วยล่ะ!”

                “นะ..น่าร๊าก!”

                ผมเผลอกอดไอร่าโดยไม่ตั้งใจ ไอร่าน่ารักอะ เหมือนตุ๊กตาเลย

                “อ๊ะ! ปล่อยน๊าา!”

                “โทษทีค่ะ เผลอไป แฮะๆ”

                “ชิ! ทะ..ที่เธอชมชั้นว่าน่ารักน่ะ! ชั้นไม่ดีใจหรอกนะ!”

                จ้าแม่สาวซึนเดเระ

                “ว่าแต่ ไอร่าทำอะไรอยู่เหรอคะ”

                “ดูพวกผู้ชายฝึกดาบ”

                พูดออกมาได้เต็มปากเลยแฮะ

                “ไอร่าเองก็สนใจผู้ชายกับเขาเป็นสินะคะเนี่ย”

                “หา? หมายความว่าไงน่ะ นั่นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือไง”

                ก็แหม ไอร่าบอกว่าไม่สนใจใคร แต่กลับสนใจผู้ชายแบบนี้ไม่ให้แปลกใจได้ยังไงล่ะ แต่ขืนพูดไปผมต้องโดนด่าแน่เลยล่ะ

                “ว่าแต่ไอร่าสนใจคนไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

                “ไม่มีหรอก แต่สองคนนั้น…”

                ไอร่าชี้ไปที่คาเอลกับไคที่ยังคงฝึกกันอยู่ เพิ่งสังเกตหน้าคาเอลตอนกำลังฝึกดีๆ น่ารักมากเลย กับผู้ชายคนอื่นๆ ทำไมไม่มีน่ารักแบบคาเอลบ้างล่ะเนี่ย

                “สองคนนั้นทำไมเหรอคะ”

                “…เท่ดีนะ”

                ไคที่สีผิวคล้ำๆเข้มๆเรียกได้ว่าหน้าตาดีกับคาเอลเด็กชายหน้าใสวัยน่ารักอย่างนั้นสินะ

                ตะ..แต่คาเอลเป็นเพื่อนสนิทผมนะ ถ้าไอร่าคิดจะจีบคาเอลต้องผ่านเพื่อนสมัยเด็กอย่างผมไปก่อนนะเออ

                “แต่ก็แค่นั้นแหละนะ”

                จากนั้นไอร่าก็ทำหน้าเหมือนกำลังเบื่อ ถ้างั้น เพื่อความสนิทกัน ผมลองชวนคุยดูดีกว่า

                “ถ้าไอร่าสนใจผู้ชาย แล้วทำไมตอนนั้นถึงไปมีเรื่องกับรุ่นพี่เหรอคะ”

                พอผมถามไอร่า ไอร่าก็หันมาพร้อมทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม

                “ชิ เรื่องนั้นงั้นเหรอ ถ้าเจ้ารุ่นพี่คนนั้นเข้ามาคุยดีๆ ไม่แตะเนื้อต้องตัวก็คงไม่ต้องโดนอะไรแบบนั้นหรอก”

                “ตอนนั้นไม่ตั้งใจ แต่เพราะว่าตอบสนองไปเองสินะคะ”

                “ก็ใช่น่ะสิ เพราะอย่างนั้นพอเปิดเรียนเลยมีแต่คนไม่อยากคุยกับชั้นไง”

                เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง น่าสงสารจังแฮะ

                ผมที่กำลังคุยกับไอร่าเพลินๆ ไลม์ก็มาหาพอดี

                “มาแล้วค่ะคุณมากิ คุณไอร่า…”

                “หมดคาบนี้ก็หมดเรียนแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นชั้นไปก่อน”

                ไอร่าที่เห็นไลม์มาหาก็ลุกเดินหนีไปโดยไม่สนใจพวกผม

                “เอ่อ…เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่เหรอคะคุณมากิ”

                “เรียกว่ามากิเฉยๆก็ได้ค่ะ”

                “ถ้าอย่างนั้นก็เรียกชั้นว่าไลม์ก็พอนะคะ แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ”

                “ก็คุยเรื่องไอร่านั่นแหละค่ะ กำลังนั่งดูผู้ชายด้วยกันด้วยค่ะ”

                ถึงจริงๆแล้วผมแค่นั่งฟังไอร่าบอกว่าดูผู้ชายอยู่ก็เถอะ

                “อย่างนั้นนี่เอง ตอนนี้มากิจังสนิทกับคุณไอร่าใช่ไหมคะ อ่า…ที่ถามแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นนะคะ แต่เห็นว่าทั้งสองคนคุยกันเมื่อกี้ดูสนิทกันดีก็เลยสงสัย”

                พอเรียกชื่อก็มีการเติมจังให้ด้วยแฮะ เป็นเรื่องปกติอย่างนั้นสินะ ผมจะจำเอาไว้

                “ก็…คงจะสนิทกันมากขึ้นแล้วนะคะเมื่อกี้ เราคุยกันหลายเรื่องพอตัวเลยค่ะ”

                “เป็นอย่างนั้นสินะคะ จะว่ายังไงดี คือชั้นเองไม่ค่อยชอบคุณไอร่าที่ทำตัวแบบนั้นใส่มากิจังเท่าไหร่ แต่ถ้าตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วชั้นก็ยินดีค่ะ แต่ว่าชั้นทำแบบนั้นกับคุณไอร่าไปแล้ว เลยรู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่…”

                เพราะก่อนหน้านี้ออกตัวช่วยปกป้องผม แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกลับไปสนิทกับไอร่า และไลม์เองก็อยากจะสนิทกับผม แต่ไม่กล้าสู้หน้าไอร่าอย่างนั้นสินะ

                “ขอโทษนะคะไลม์จัง ที่ทำให้ลำบาก เป็นความผิดของชั้นเองค่ะ แต่ว่าถ้าลองคุยกับไอร่าดีๆอาจจะสนิทกันได้ก็ได้นะคะ”

                “ชั้นจะพยายามนะคะ แต่อาจจะ…ไม่ได้ผลแน่เลย คนอื่นๆก็คงจะคิดแบบเดียวกันกับชั้น เพราะงั้นมากิจังต้องสนิทกับไอร่าให้มากๆนะคะ และพวกเราก็จะสนิทกับมากิจังเหมือนเดิม จากนั้นช่วยคุยให้ไอร่าจังให้อภัยพวกเราด้วยนะคะ”

                ไลม์ทำหน้าเศร้าเพราะคิดว่าไอร่าคงจะไม่ให้อภัยตัวเองแน่นอน

                ต่อให้ผมอธิบายไปว่าก่อนหน้านี้เข้าใจผิดเรื่องไอร่านิสัยไม่ดี และต่อให้ผมอธิบายว่าไอร่ามีนิสัยซึนเดเระไปก็ไม่ฟังผมอยู่ดีอย่างนั้นสินะ ปวดหัวชะมัดเลยแฮะ แต่เอาเถอะ

                “ได้สิคะ เพราะถ้าไอร่าปล่อยให้อยู่คนเดียว น่าสงสารแย่เลย”

                อีกอย่าง เพราะตอนนี้ผมน่าจะเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่พอจะเข้าใจนิสัยจริงๆของไอร่า เลยน่าจะสนิทกันได้ง่ายกว่าการให้คนที่ไม่รู้จักไอร่ามาพยายามล่ะนะ

                “ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะมากิจัง ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้นะคะ”

                “อื้ม เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”

                จากนั้นไลม์ก็เดินออกไป

                ก่อนอื่นเลยตอนนี้

                “เออ สนุกมากเลย ต่อกันอีกสักรอบไหมล่ะ ว่าใครจะชนะ”

                “ได้สิครับ เราชนะกันคนละรอบ ต้องตัดสินด้วยอีกรอบแล้วล่ะ อ๊ะ โอ๊ยๆ เจ็บนะครับมากิ โอ๊ยๆๆ”

                “เลิกเรียนแล้วคาเอล วันนี้เราต้องไปซื้อของกันอยู่นะ ไปกันได้แล้ว”

                “อ๊ะๆ เข้าใจแล้วครับ แต่อย่าดึงที่หูสิครับ โอ๊ยๆ เจอกันพรุ่งนี้นะไค”

                “โอะ..โอ้ เจอกัน”

                และการเรียนวันแรกของผมก็ผ่านไปได้ด้วยดีในที่สุด ถึงจะเกิดเรื่องอะไรบ้าง แต่อย่างน้อยผมก็แน่ใจแล้วว่าผมน่ะสามารถหาเพื่อนได้แล้วล่ะ

 

 

 

—-

Comment

Options

not work with dark mode
Reset