เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1580 อนุญาตให้ยอมจํานน
ช่วงเวลาที่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากลับสู่สนามรบการแสดงออกของทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนแปลง
ผู้อมตะวังสวรรค์มีความสุขมากขณะที่ฝายของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม
ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเท่าเทียมแต่การเพิ่มขึ้นของพลังการต่อสู้ระดับแปดทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แต่รายงานของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากลับทําให้สายตาของเทพธิดาอเว่ยกลายเป็นมืดมน “กระไรนะ!? ท่านไม่พบวิญญาณสติปัญญาเช่นนั้นหรือ?”
วิญญาณสติปัญญาเคยเป็นของเทพอมตะกลุ่มดาวมาก่อน วิธีการปรับแต่งมันถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของนาง นั่นทําให้เทพธิดาอเว่ยได้รับข้อมูลนี้ แต่เทพธิดาอเว่ยไม่รู้ว่าวิญญาณสติปัญญามีนิสัยชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลและถูกย้ายออกไปแล้ว
“วิญญาณสติปัญญาดุร้ายมาก พวกเขาปรับแต่งมันหรือทําลายมัน เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขามีวิธีต่อต้านแสงแห่งปัญญาและย้ายที่อยู่ของมัน?”
ความคิดมากมายพุ่งผ่านจิตใจของเทพธิดาจื่อเว่ยอย่างรวดเร็ว
นางมองไปยังยักษ์สวรรค์กับฟางหยวนและตะโกน “มอบวิญญาณสติปัญญามา แล้วข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้ายอมจํานน!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุผลหลักในการบุกโจมตีของวังสวรรค์คือวิญญาณสติปัญญาระ ดับเก้าสําหรับฟางหยวน เขาเป็นเหตุผลรองเท่านั้น
วิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นของตัวเองและยากที่จะปรับแต่ง วิญญาณอมตะระดับเก้าคือจุดสูงสุดของปิรามิดในปัจจุบัน สําหรับวิญญาณระดับสิบ มันเป็นเพียงตํานานเท่านั้น
วิญญาณสติปัญญาระดับเก้ามีความสําคัญมากเกินไปสําหรับการเติบโตของวังสวรรค์ มันถือเป็นอันดับสองรองจากวิญญาณชะตากรรม โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด หากเทพธิดาจื่อเว่ยได้รับ มัน นางจะใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวปรับแต่งมั่นและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของโลกใบนี้ นางจะเข้าใจความลึกซึ้งของจักรวาล นางจะยืนอยู่บนจุดที่สูงที่สุดบุคคลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากนางจะถูกทิ้งไว้ไกลมาก นางจะมีความสามารถในการอนุมานที่คาดไม่ถึง
กระทั่งฟางหยวนจะมีราชันภูตหรือท่าไม้ตายอมตะระดับแปดใดๆเขาก็ไม่สามารถปิดกั้นการอนุมานของเทพธิดาจอเว่ย มีเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
แต่ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้ามีกี่ท่า? อย่างน้อยในมรดกที่แท้จริงของฟางหยวน นิกายหลางหยาหรือนิกายเงาก็ไม่มีบันทึกดังกล่าว
“ยอมจํานนงั้นหรือ?” ร่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสั่นสะท้านขึ้น
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนด้วยความโกรธ “เลียตูดข้าเถอะ! แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีเพียงมนุษย์ขนที่ตายในสนามรบ เราจะไม่คุกเข่าเป็นทาส!”
ฟางหยวนกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าเป็นปีศาจต่างโลก เพื่อให้ได้รับวิญญาณสติปัญญาวังสวรรค์ของเจ้าจะไว้ชีวิตข้างั้นหรือ?”
เทพธิดาจอเว่ยเผยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง “เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกแล้วอย่างไร? บรรพชนของเรารู้เรื่องปีศาจต่างโลกมานานแล้ว เรากระทั่งเคยรับพวกเขาเข้าร่วมมาก่อน จ้าวเหลียนหยุนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด”
“ฟางหยวน วังสวรรค์มีความเมตตาและเปิดรับมากกว่าที่เจ้าคิด แม้เจ้าจะเป็นปีศาจต่างโลกที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงและเทพปีศาจจิตวิญญาณ ตราบเท่าที่เจ้าผลัดใบและบริจาคมติช่องว่างของเจ้าให้วังสวรรค์ เจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในพวกเราตามกฏของวัง สวรรค์ เราจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างเท่าเทียม!”
แม้จะได้ยินถ้อยคําเหล่านี้ แต่การแสดงออกของฟางหยวนก็ไม่เปลี่ยน เขายังเผยรอยยิ้มเย็นชาแต่เฉินอี้มีการแสดงออกที่ซับซ้อน ปรากฎความสงสัยและความอิจฉาอยู่ในสายตาของเขา
เฉินอี้เพื่อสิ่งที่เทพธิดาจ๋อเว่ยกล่าว เพราะกฏของวังสวรรค์เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะเคยเป็นผู้ใดมาก่อนในอดีต หลังจากเข้าร่วมกับวังสวรรค์และเลิกใช้มิติช่องว่างของตนเองคนผู้นั้น จะกลายเป็นสมาชิกของวังสวรรค์และจะไม่มีการแบกแยกหรือได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง
“แต่มันยากมากที่จะเข้าเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ ข้า เฉินอี้ ทํางานหนักมาทั้งชีวิต แต่ข้าสามารถเข้าสู่วังสวรรค์เพียงเพราะความจริงที่ว่าข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ฟางหยวนฟังบ่มเพาะมาเพียงกี่ปี? เขาฆ่าคนและสร้างหายนะไปทั่ว แต่หากเขากลับใจตอนนี้ เขาจะกลายเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะของวังสวรรค์!
เฉินอี้รู้สึกถึงความอยุติธรรมอย่างรุนแรงเขากระทั่งรู้สึกคับข้องใจ
แต่การแสดงออกของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากวังสวรรค์เคยเชิญบางคนที่เลวร้ายยิ่งกว่าฟางหยวนให้เข้าร่วมมาแล้ว
คนผู้นั้นก็คือเทพปีศาจจิตวิญญาณ!
ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะก้าวเข้าสู่ระดับเก้า วังสวรรค์พยายามเชิญชวนเขาหลายครั้ง กระทั่งเขากลายเป็นเทพปีศาจที่แท้จริง วังสวรรค์ก็ยังพยายามโน้มน้าวเขา
“วังสวรรค์เป็นผู้ปกครองมนุษยชาติ! ฟางหยวน เจ้ามีความสามารถมาก เจ้าสามารถท่องเที่ยวไปอย่างอิสระในฐานะผู้อมตะระดับเจ็ดและหลบหนีจากการไล่ล่าของวังสวรรค์มาเป็นเวลา นานนั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา ข้าสาบานด้วยชีวิตของข้าหลังจากเข้าสู่วังสวรรค์ ไม่เพียงเจ้าจะสามารถรักษาชีวิต แต่เจ้าจะสามารถบ่มเพาะและยังสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระต่อไป” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากล่าว
“ท่านฟางหยวน…” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมองฟางหยวนด้วยความกังวล
กระทั่งผมที่หกก็เช่นกัน
ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่ “เพื่อให้ได้รับวิญญาณสติปัญญา พวกเจ้ายินดีปล่อยข้าไปและ เชิญข้าเข้าร่วมนี่แสดงให้เห็นว่าวิญญาณสติปัญญาระดับเก้ามีความสําคัญกับพวกเจ้ามากเพียงใด! หากวันนี้พวกเจ้าไม่ปล่อยพวกเราไปวันนี้ ข้าจะทําลายวิญญาณสติปัญญาต่อหน้าทุกคน ความพยายามของพวกเจ้าจะกลายเป็นสูญเปล่า! ฮ่าฮ่าฮ่า”
“อืม ไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆ! คนเช่นเจ้าจะเป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายธรรมะของเราได้อย่าง ไร? เมื่อเจ้าต้องการตายข้าก็จะทําตามความปรารถนาของเจ้า!” จักรพรรดินอสูรสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความโกรธ
“บีม บีม บีม”
ฟางหยวนต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าอย่างดุเดือด
“โอ้ นั่นหมายความว่าวิญญาณสติปัญญาอยู่กับเจ้างั้นหรือ?” ดวงตาของเทพธิดาจือเว่ยส่องประกายขึ้นและเริ่มโจมตีฟางหยวนเช่นกัน
ด้วยความร่วมมือระหว่างเทพธิดาจอเว่ยและจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ฟางหยวนแทบจะไม่สามารถตอบโต้
เขาถ่ายทอดเสียงไปยังจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง นี่เป็นเหตุฉุกเฉิน หากท่านมีวิธีการใดเหลืออยู่ ใช้มันออกมาตอนนี้ มิฉะนั้นจะไม่มีเวลาแม้แต่จะเสียใจ!”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนตอบ “เช่นนั้นข้าจะแสดงพลังอํานาจที่แท้จริงของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาให้เป็นที่ประจักษ์!”
หลังกล่าวจบคํา ฟองอากาศจํานวนนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาจากพื้นผิวมหาสมุทรทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มันดูราวกับมหาสมุทรกําลังเดือดพล่าน
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจํานวนนับไม่ถ้วนส่อง ประกายขึ้นไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะหรือมนุษย์ธรรมดา พวกเขาสามารถมองเห็นแสงเหล่านี้ได้ด้วยตาเปล่า
กลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะระเบิดออกมาและอาละวาดไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่มีผู้อมตะจากวงสวรรค์คนใดสามารถหลบหนีจากสิ่งนี้
“มันคือสิ่งใด?” การแสดงออกของเฉินอี้และคนอื่นๆเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาถูกบังคับให้ปกป้องตนเองด้วยทุกสิ่ง
ท่าไม้ตายลึกลับทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งฟางหยวนยังถูกโจมตีและเกิดระลอกคลื่นมากมายขึ้นบนเกราะหวนคืน
“เร็วเข้า เข้ามา!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบังคับยักษ์สวรรค์พุ่งเข้าไปหาฟางหยวน
ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการเข้าไปในค่ายกลวิญญาณสายการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์ในที่สุด
“มันคือสิ่งใด?” ความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวน
ท่าไม้ตายอมตะของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทรงพลังมาก กระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ยังไม่สามารถทําสิ่งใด
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้มขมขึ้น “นี่คือผลประโยชน์ที่ร่างหลักของข้าได้รับหลังจากสังหารผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งวารีที่ยิ่งใหญ่ในอดีต มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่แข็งแกร่งที่สุด หลอมรวมสมหาสมุทร! ท่าไม้ตายนี้พึ่งพานําทะลเว้นเพียง พวกเราจะหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด มิฉะนั้นพวกเราจะไม่ใช้งานมันแต่ตอนนี้เราไม่มี ทางเลือก อย่างไรก็ตามมันสามารถใช้ได้เพียงไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น”
ฟางหยวนสังเกตและพบว่าระดับน้ําทะเลค่อยๆลดลง
ฟางหยวนเข้าใจบางสิ่ง “ดังนั้นภูมิประเทศของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งสามทวีปลอยอยู่บนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แต่น้ําทะเลเหล่านี้กลับไม่เรียบง่ายเดังที่เห็น ในความเป็นจริงมันเป็นรากฐานอันล้ําลึกของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามันคือสมบัติ ล้ําค่าที่แท้จริง”
ฟางหยวนมองผู้อมตะวังสวรรค์และถอนหายใจ น่าเสียดายที่ท่าไม้ตายนี้ไม่สามารถแยกแยะมิตรกับศัตรูมิฉะนั้นหากเราสามารถโจมตีพวกเขาในเวลานี้ เราจะได้เปรียบ!”
แท้จริงแล้วมหาสมุทรทั้งหมดมีค่ายกลวิญญาณอมตะจัดตั้งอยู่ มันเป็นสิ่งที่ดึงพลังของท่าไม้ตายอมตะนี้ออกมา
แน่นอนว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาวที่ใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนให้กับฟางหยวน
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์คับขัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อย่างเต็มกําลังเพื่อต่อต้านศัตรูที่แข็งแกร่ง
แต่ด้วยวิธีนี้ ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนจัดตั้งไว้จะถูกโจมตีไปพร้อมกัน โชคดีที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเตรียมพร้อมสําหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาสามารถนําวิญญาณอมตะรวมถึงผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะได้อย่างรวดเร็ว
“เราจะทําอย่างไรต่อไป?” ฟางหยวนถามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
เขารู้สึกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังมีไพ่ตายใบอื่นซ่อนอยู่
และการต่อสู้ครั้งนี้จะถูกตัดสินด้วยไพ่ตายใบนี้!