“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหนีไปได้จริงๆ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเว่ยใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวสังเกตสถานการณ์ในสวรรค์สีขาว
นางขมวดคิ้วก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายขึ้น
“โชค”
นางคาดเดา
นางนึกถึงวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ฟางหยวนทำลายมันและอาจได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด
“น่าเสียดายที่วิธีการของข้าสามารถค้นหาตำแหน่งของฟางหยวนเท่านั้น มันไม่สามารถแสดงภาพสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา”
เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจและใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวอีกครั้ง
ในเวลาต่อมาฉากของสายธารแห่งกาลเวลาก็ปรากฏขึ้น
ฟงจิวเก้อและหงซื่อบินไปยังสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ใกล้ที่สุด
“สาขาของสายธารแห่งกาลเวลานี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่มันเพียงพอให้เจ้าออกไป” หงซื่อชี้นิ้วไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อส่งเจ้าออกไป อย่าต่อต้าน”
ฟงจิวเก้อพยักหน้าและป้องหมัดขึ้น “ต้องรบกวนแล้ว”
หงซื่อกำลังจะกล่าวต่อแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป
“อสูรปีแรกกำเนิดตัวนั้นงั้นหรือ?” การแสดงออกของฟงจิวเก้อเปลี่ยนไปเช่นกัน
“ไม่!” หงซื่อมองไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยหมอกอันหนาทึบ
“แปลก เหตุใดถึงมีหมอกอยู่ที่นี่?” ฟงจิวเก้อขมวดคิ้ว
หงซื่อตื่นเต้นมาก “หมอกนี้ อย่าบอกข้าว่า…”
ในเวลานี้ทั้งสองเริ่มเห็นเงาปรากฏขึ้นในสายหมอก
ร่างที่คลุมเครือถูกบดบังและไม่สามารถระบุตัวตน
การแสดงออกของหงซื่อดูตื่นเต้นมากขึ้นขณะที่ฟงจิวเก้อรู้สึกสับสน
ในไม่ช้าหมอกบางส่วนก็เคลื่อนตัวออกไปและเผยให้เห็นส่วนหนึ่งของเงาขนาดใหญ่ ในที่สุดฟงจิวเก้อก็เห็นว่ามันคือสิ่งใด
“ที่นี่มีเกาะด้วยงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง มันคือเกาะบัวหิน! ตำนานกล่าวว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงอยู่ที่นี่!” หงซื่อกล่าวเสียงสั่น
แม้เทพปีศาจบัวแดงจะเป็นศัตรูกับวังสวรรค์แต่เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงย่อมดึงดูดความโลภของผู้คนได้อย่างง่ายดาย
“รออยู่ที่นี่ ข้าจะกลับมาในไม่ช้า” หงซื่อกล่าวก่อนจะบินออกไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามหมอกดูเหมือนจะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของหงซื่อ เมื่อหงซื่อเข้าไปใกล้ มันก็ถอยห่างออกไป
หงซื่อไม่สามารถลดระยะทาง ตรงข้ามมันกลับยาวไกลขึ้น
ครู่ต่อมาหมอกก็หายไปพร้อมกับเกาะหินลึกลับ
หงซื่อกลับมาด้วยความผิดหวัง การแสดงออกของเขากลายเป็นน่าเกลียด
กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยที่เฝ้ามองอยู่ยังรู้สึกผิดหวัง
แต่ไม่นานนางก็ขมวดคิ้ว
นางตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ‘เหตุใดเกาะบัวหินถึงปรากฏขึ้น? เป็นเพราะฟางหยวนทำลายสาขาของสายธารแห่งกาลเวลางั้นหรือ? แต่หงซื่อและฟงจิวเก้อคลาดกับมันไปแล้ว สิ่งสำคัญคือผู้ใดที่ต้องการเข้าไปในเกาะบัวหิน พวกเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณกาลเวลา’
…..
ภาคใต้ ตระกูลวู
ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้น
วูหยงยืนอยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณและเฝ้ามองด้วยความพึงพอใจ
ผู้อาวุโสสูงสุดผู้หนึ่งของตระกูลวูกล่าวมาจากด้านข้าง “ผู้อาวุโสวูเป่ย เราทำให้ท่านลำบากแล้ว”
“มันเป็นหน้าที่ของข้า มันไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อย” ผู้อาวุโสวูเป่ยกล่าวอย่างสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน
เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลของตระกูลวู
ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่ถูกส่งไปดูแลค่ายกลวิญญาณของภาคใต้แทนฟางหยวน
หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนกลับมาจากภาคเหนือและวางแผนส่งวูเป่ยออกมาเพื่อที่เขาจะได้กลับเข้าไปในค่ายกลวิญญาณของภาคใต้อีกครั้ง
วูเป่ยสามารถหลบหนีจากอันตรายในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันได้ด้วยวิธีนี้
ในการต่อสู้ครั้งนั้น ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ กระทั่งวิญญาณอมตะที่พวกเขาใช้สร้างค่ายกลวิญญาณก็ถูกยึดครองโดยวังสวรรค์
อย่างไรก็ตามไม่นานมานี้วูหยงได้ทำข้อตกลงกับวังสวรรค์ เขาปล่อยฟงจิวเก้อและรับวิญญาณอมตะกลับคืน
วูหยงส่งคืนวิญญาณอมตะทั้งหมดกลับสู่มือเจ้าของ
การกระทำนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาพุ่งสู่จุดสูงสุด
กองกำลังต่างๆของภาคใต้ต้องขอบคุณวูหยงและรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้
นอกจากวูหยงจะเปิดเผยคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม้ไผ่สายลม เขายังแสดงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ที่ค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วง นี่ทำให้กองกำลังทั้งหมดของภาคใต้รู้สึกวิตกกังวล
ดังนั้นแม้วูหยงจะไม่สามารถกำจัดสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา แต่สถานะของตระกูลวูก็เปลี่ยนไปมาก
กองกำลังที่บุกยึดครองแหล่งทรัพยากรของตระกูลวูจากก่อนหน้านี้ถอยกลับและยังต้องจ่ายค่าชดเชย
ตระกูลเฉียวเป็นกองกำลังย่อยของตระกูลวู ดังนั้นแหล่งทรัพยากรของพวกเขาที่ถูกยึดครองโดยตระกูลปาและตระกูลเซี่ยก็ถูกส่งคืนเพราะชื่อเสียงของตระกูลวูเช่นกัน
อย่างไรก็ตามวูหยงยังไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์ดังกล่าว หลังจากกลับมาเขาพยายามควบคุมสถานการณ์และทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
แต่กองกำลังอื่นไม่ได้เกิดขึ้นจากความว่างเปล่า พวกเขายังสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
หลังจากทั้งหมดการสูญเสียของตระกูลวูรุนแรงเกินไป
พวกเขาสูญเสียวิญญาณอมตะไปหลายดวง ฟางหยวนฉกชิงวิญญาณอมตะหกดวงและหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งแสนก้อนไปจากพวกเขา
แต่ตระกูลวูไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป
วูหยงต้องการชดเชยความสูญเสียของเขาจากกองกำลังอื่น แต่เขายังไม่ลือวายร้ายฟางหยวน!
ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้คำสั่งของวูหยง วูเป่ยเป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนั้นพวกเขายังขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะตระกูลจื่อ
“เอาล่ะ ลงมือได้” ดวงตาของวูหยงส่องประกายขึ้นขณะที่เขาออกคำสั่งวูเป่ย
หัวใจของวูเป่ยสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความโกรธและความเกลียดชังภายใต้การแสดงออกที่สงบนิ่งของวูหยง
‘ผู้ใดจะคิดว่าวูอี้ไห่จะเป็นคนหลอกลวง ฮืม เขาช่างกล้าหาญนัก เขากล้าหลอกตระกูลวู! เราจะแสดงให้เจ้าเห็นตอนนี้ว่าตระกูลวูไม่สามารถยั่วยุ!’ วูเป่ยคิดขณะกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณ
ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพีที่ใช้ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวนในการจัดตั้ง
หน้าที่ของมันคือการสร้างปัญญาให้ฟางหยวน มันเหมือนท่าไม้ตายของวูหยงที่เขาใช้โจมตีฟางหยวนมาก่อนหน้านี้
แต่ค่ายกลวิญญาณสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
“ทำต่อไป” วูหยงกล่าว
วูเป่ยพยักหน้า
วูหยงต้องการเจรจากับฟางหยวน
อย่าลืมว่าวิญญาณอมตะของตระกูลวูยังอยู่ในมือของฟางหยวน
แน่นอนว่าวูหยงต้องการนำพวกมันกลับมา
แม้ฟางหยวนจะหนีไปที่ทะเลทรายตะวันตก วูหยงก็ยังไม่ยอมแพ้
‘เกราะหวนคืนของฟางหยวนทรงพลังเกินไป แต่ท่าไม้ตายนี้ต้องใช้พลังจิตและพลังงานอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนจะสามารถใช้งานมันตลอดเวลาได้อย่างไร?’
‘ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ เราสามารถโจมตีหรือหยุดได้ทุกเมื่อตามต้องการ’
‘ปล่อยให้เขาทรมานก่อนที่เราจะเจรจา’
วูหยงวางแผน
ขณะที่ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งาน พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน
“ครืน…”
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เหตุใดถึงเกิดแผ่นดินไหว? ผู้อมตะบางคนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติงั้นหรือ?”
“นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติ เส้นโลหิตปฐพีกำลังสั่นสะเทือน นี่มันรุนแรงกว่าแผ่นดินไหวทั่วไป!”
“โอ้ ไม่ ผู้อาวุโสวูเป่ย!”
ผู้อมตะตระกูลวูอ้าปากค้างเมื่อตระหนักถึงบางสิ่ง
“บึม!”
ค่ายกลวิญญาณระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง วูเป่ยกระอักเลือดออกมาและล้มลงหมดสติอยู่บนพื้น
…..
ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ร่างกายของผมที่หกเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มันเป็นภาพที่ดูน่าอนาถเล็กน้อย
“ขั้นตอนสุดท้าย!” ดวงตาของผมที่หกกลายเป็นสีแดง
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ยินและเร่งส่งมอบทรัพยากรอมตะให้ผมที่หก
แม้เขาจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา แต่เนื่องจากฟางหยวนขอให้ผมที่หกเป็นผู้หลอมรวม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องปฏิบัติตาม
ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือผมที่หก
“ติ๊ง!”
เสียงที่คมชัดดังออกมาจากกองไฟ
ไม่นานมันก็หยุดพร้อมกับกองไฟที่ดับมอดลง ตอนนี้เหลือเพียงก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ผมที่หกสูดหายใจและพึมพำ “ออกมา วิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ด!”
“แคร็ก!”
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นก่อนที่มันจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่วิญญาณอมตะบินออกมา
การหลอมรวมวิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ดประสบความสำเร็จในที่สุด!