Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1328 ความไร้ยางอายของฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1328 ความไร้ยางอายของฟางหยวน

แปลโดย  iPAT   

จื่อซานรู้สึกว่าเขาถูกทำให้อับอาย

ในปัจจุบันโลกของผู้อมตะภาคใต้ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักวูอี้ไห่  ทุกคนรู้ว่าเขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง  แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับไม่ใช้ความเชี่ยวชาญของเขาเพื่อสร้างปัญหาให้กับจื่อซานแต่เลือกปัญหาที่จื่อซานชำนาญที่สุด

มันเหมือนกับเขาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ตนเองชำนาญเพื่อจัดการศัตรูผู้นี้เพราะศัตรูผู้นี้ไม่สามารถเปรียบเทีบบกับเขา!

การดูหมิ่นนี้เป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่

เขารับไม่ได้ !

สิ่งนี้ไม่สามารถอดทนได้ !

ดวงตาของจื่อซานเบิกกว้างขณะที่เขาบีบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนและพึมพำ “ให้ข้าดูว่าเจ้ามีปัญหาใด ?”

“หือ …นี่ค่อนข้าง …”

ในไม่ช้าร่องรอยของความเคร่งขรึมก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจื่อซาน

คำถามของฟางหยวนค่อนข้างท้าทาย

แต่ในไม่ช้าจื่อซานก็ยอมรับ  “ไม่แปลกใจเลยที่เขามั่นใจว่าปัญหานี้จะสามารถก่อกวนข้า  ปัญหานี้ค่อนข้างยาก ”

“เขาสร้างปัญหานี้ขึ้นมาด้วยตนเองงั้นหรือ ? เป็นไปไม่ได้ ! เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง  มันต้องเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลของตระกูลวูที่อยู่เบื้องหลังการสร้างปัญหานี้ ฮืม  ด้วยตัวตนของเขาในฐานะน้องชายของวูหยง  ผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลวูจะไม่ช่วยเขาได้อย่างไร ?”

แม้ตระกูลวูจะไม่เชี่ยวชาญด้ายค่ายกลเป็นพิเศษ  แต่ตราบเท่าที่เป็นกองกำลังใหญ่  พวกเขาก็ต้องมีสมาชิกที่ชำนาญด้านนี้

เนื่องจากกองกำลังใหญ่จำเป็นต้องปกป้องแหล่งทรัพยากรของพวกเขา  ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่สำหรับพวกมัน

“แต่กระทั่งผู้อมตะของตระกูลวูจะช่วยเขา  ในแง่ของความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งค่ายกล  ตระกูลจื่อของข้าเป็นอันดับหนึ่งของภาคใต้ !”

จื่อซานรู้สึกภาคภูมิใจต่อตระกูลของตน

เขารวบรวมสติและดำดิ่งลงไปในปัญหาของฟางหยวน

ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งดำลึกลงไป

ด้วยการวิเคราะห์ของเขา  เขาได้แบ่งปัญหาออกเป็นหลายสิบส่วน

“วิธีปกติใช้แก้ปัญหาน้ำกับไฟที่ต่อต้านกันไม่ได้ ”

“ค่ายกลวิญญาณต้องเป็นรูปแบบวงกลม ”

“จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ?”

“ฮืม  นี่ค่อนข้างยาก ”

“แต่นี่ไม่สามารถเอาชนะข้า !”

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจื่อซานพุ่งทะยานขึ้น  เขาบอกกับตนเองว่าเขาต้องมอบบทเรียนให้กับฟางหยวน

ให้ฟางหยวนรู้ว่าจื่อซานไม่สามารถถูกทำให้อับอาย !

“นายท่าน  งานเลี้ยงตอนเย็นที่ตระกูลลั่วเชิญท่านกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า  เราควรออกไปเดี๋ยวนี้ ” ผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อ  จื่อลิ่ว  เตือนจื่อซานจากนอกประตู

“ไม่ไป !” จื่อซานไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น  เขาปฏิเสธในขณะที่เขายังคิดหาคำตอบต่อไป

“แต่เรารับปากแล้ว …” จื่อลิ่วลังเล

“ข้าบอกว่าไม่ได้  ออกไป !” จื่อซานตะโกนอย่างหมดความอดทน

จื่อลิ่วทำได้เพียงจากไปเท่านั้น

จื่อซานสูดหายใจลึกและมองปัญหาของฟางหยวน  ดวงตาของเขาส่องประกายขณะที่เขาพึมพำ  “งานเลี้ยงอันใด  สิ่งสำคัญที่สุดคือการเอาชนะเขา ! ยิ่งข้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้เร็วเท่าใด  มันก็ยิ่งดี !”

ค่ำคืนผ่านไปเช่นนี้

จื่อซานไม่ได้นอน  ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ  เส้นผมยุ่งเหยิง  และเขาเหนื่อยมาก

แม้ผู้อมตะจะไม่จำเป็นต้องกินหรือนอนติดต่อกันหลายคืน  แต่จื่อซานยังค่อนข้างเหนื่อย  เขาไม่ได้พักผ่อนแม้แต่น้อยและพยายามแก้ปัญหาด้วยความสามารถทั้งหมด

“ปัญหานี้ยากจริงๆ  แต่ …ข้าแก้มันได้แล้ว  ฮ่าฮ่าฮ่า  เจ้ากล้าท้าทายข้างั้นหรือ ? ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักความสุดยอดของข้า !”

แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่จื่อซานยังหัวเราะด้วยความตื่นเต้น

เขาแทบไม่สามารถอดทนรอที่จะเห็นการแสดงออกของฟางหยวน

“ข้าจะไปและสนุกกับการแสดงของเจ้าเดี๋ยวนี้ !”

จื่อซานเดินไปที่ประตูแต่เขากลับหยุดเท้าอย่างกะทันหัน

“หือ  ไม่ ! ข้ากำลังต่อสู้กับวูอี้ไห่  แล้วข้าจะไปหาเขาก่อนได้อย่างไร ? ชื่อเสียงของข้าจะเสียหาย  ข้าต้องส่งผู้ใต้บังคับบัญชาออกไป ….”

หลังจากนั้นไม่นานจื่อลิ่วก็เข้ามาหาจื่อซาน

“เสี่ยวลิ่ว  นำสิ่งนี้ไปให้วูอี้ไห่  ฮ่าฮ่า  ข้าจะมอบบทเรียนให้เขา !”

จื่อลิ่วทำงานอย่างรวดเร็ว

เขารู้ว่าจื่อซานเป็นความหวังของตระกูลจื่อ  ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ  จื่อชิวหยู  เคยกล่าวไว้ในอดีตว่าจื่อซานจะเป็นผู้สืบทอดของเขา

จื่อชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล  เขายอมรับจื่อซาน  นั่นหมายความว่าจื่อซานมีโอกาสที่จะกลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลเช่นกัน

และจื่อซานไม่ได้ทำให้ตระกูลผิดหวัง

เขาแสดงความสามารถออกมาตั้งแต่อายุยังน้อย  และด้วยทรัพยากรของตระกูล  เขาจึงสามารถบ่มเพาะได้อย่างราบรื่น  ดังนั้นความสำเร็จบนเส้งทางแห่งค่ายกลของเขาจึงไม่สามารถมองข้าม

“อืม …” ฟางหยวนค่อยๆตื่นขึ้นและกางแขนบิดขี้เกียจอย่างสะดวกสบาย

แม้จิตวิญญาณของเขาจะฟื้นฟูขึ้นด้วยวิญญาณความเด็ดเดี่ยวแต่เขายังสูยเสียพลังจิตไปมาก

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวไม่สามารถแก้ปัญหานี้  แต่การนอนหลับจะทำให้จิตใจของเขาสงบและได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

หลังจากฟางหยวนนอนหลับอย่างเพลิดเพลินมาตลอดทั้งคืน  ความเหนื่อยล้าทั้งหมดของเขาก็หายไป

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากจื่อซานถูกส่งมาขณะที่เขายังหลับอยู่

เมื่อฟางหยวนชำเลืองมองไปที่มัน  ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้นด้วยความยินดี  “โอ้  เขาแก้ปัญหาได้จริงๆ !”

“นี่ค่อนข้างเร็ว !”

ฟางหยวนถอนหายใจขณะที่เขาเริ่มตรวจสอบมัน

ดวงตาของเขาส่องประกายซ้ำแล้วซ้ำอีกกับวิธีแก้ปัญหาของจื่อซาน

“เป็นเช่นนี้ !” ฟางหยวนลูบคาง  นี่เป็นแนวคิดใหม่ทั้งหมด  มันทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง

“ตามแนวคิดนี้  คำตอบนี้ยังไม่เหมาะสมกับค่ายกลวิญญาณที่ข้าต้องการ  ข้าต้องปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในบางจุด ”

ฟางหยวนครุ่นคิด

เขาไม่ได้มอบค่ายกลวิญญาณที่สมบูรณ์แบบให้จื่อซานแต่นำออกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น

คำตอบของจื่อซานไม่มีข้อผิดพลาดแต่มันยังไม่สามารถหลอมรวมกับค่ายกลวิญญาณทั้งหมด

อย่างไรก็ตามด้วยระดับความสำเร็จของฟางหยวนในปัจจุบัน  เขาสามารถปรับเปลี่ยนบางอย่าง

จื่อซานเป็นปรมาจารย์และฟางหยวนเป็นกึ่งปรมาจารย์  ไม่มีความแตกต่างมากนักระหว่างสองระดับนี้

ฟางหยวนได้รับกำไรมหาศาลจากคำตอบสำหรับปัญหาที่ทำให้เขาหนักใจ

“สมแล้วที่เป็นตระกูลจื่อของภาคใต้ ” เขาพึมพำและชื่นชมความสามารถของจื่อซาน

เมื่อสามารถแก้ปัญหานี้  ฟางหยวนก็สามารถดำเนินการพัฒนาค่ายกลวิญญาณของเขาต่อไป

เขาเริ่มอนุมานอีกครั้ง

หลายวันผ่านไปเช่นนี้

จื่อซานกังวลมาก

หลังจากเขาส่งมอบคำตอบ  เขาก็รอการตอบกลับจากฟางหยวนมาตลอด  แต่หลังจากหลายวันเขาก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ  นี่ทำให้เขาไม่สามารถดื่มและกินได้อย่างมีความสุข

“วูอี้ไห่กำลังทำสิ่งใดอยู่ ?” จื่อซานพึมพำ

“จื่อซาน  เกิดสิ่งใดขึ้น ?” ในงานเลี้ยง  ผู้อมตะตระกูลลั่วถามด้วยความสงสัย

จื่อซานรู้สึกตัวในที่สุด

เขาเคยปฏิเสธคำเชิญร่วมงานเลี้ยงของตระกูลลั่วมาก่อนหน้านี้  แต่หลังจากแก้ปัญหาให้ฟางหยวน  เขาก็ต้องมาร่วมงานเลี้ยงอีกครั้ง

เขาต้องเข้าร่วม  มิฉะนั้นมันจะทำให้ตระกูลลั่วขุ่นเคือง

ผู้อมตะจื่อกุ้ยที่นั่งอยู่ด้านข้างเร่งไกล่เกลี่ย  “ยกโทษให้เขาด้วย  จื่อซานมักเป็นเช่นนี้  จิตใจของเขามักล่องลอยออกไป  บางครั้งเขาก็ลืมกินอาหารเมื่อคิดถึงปัญหาบนเส้นทางแห่งค่ายกล  เขาจะหยุดนิ่งอย่างกะทันหันและมันสามารถเกิดขึ้นได้แม้แต่ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่”

จื่อกุ้ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเป็นผู้นำของตระกูลจื่อในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้

ผู้อมตะตระกูลลั่วหัวเราะเสียงดัง  “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับพฤติกรรมของจื่อซานมาก่อน  เขาเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งค่ายกล  เห้อ …หากตระกูลลั่วของข้าสามารถผลิตอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เพียงยี่สิบหรือสามสิบส่วนของจื่อซาน ข้าจะพอใจมาก ”

ในเวลาเดียวกัน  คิ้วของฟางหยวนกำลังขมวดแน่น

เขาพบปัญหาอื่น

“ดูเหมือนการพัฒนาค่ายกลวิญญาณนี้จะเกินขีดความสามารถของข้าไปแล้ว”

ฟางหยวนพบปัญหาใหม่และยิ่งยากกว่าก่อนหน้า

“ในกรณีนี้ข้าจะส่งมันให้จื่อซาน ” ฟางหยวนยิ้ม

“มาแล้ว  มาแล้ว !” เมื่อจื่อซานกลับไปถึงที่พักของเขา  เขาก็ได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากฟางหยวน

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“คิดว่าข้าง่ายงั้นหรือ !?”

จื่อซานหัวเราะเย้ยหยันและแสดงออกราวกับผู้ชนะ

อย่างไรก็ตามหลังจากสติของเขากลับคืนมา  เนื้อหาในจดหมายกลับทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ

“วูอี้ไห่  เจ้ากล่าวเรื่องไร้สาระใด !?”

“เขาช่างไร้ยางอายนัก !”

จื่อซานสาปแช่ง

ในจดหมายฟางหยวนไม่ได้กล่าวถึงจดหมายท้าทายฉบับก่อนหน้าแม้แต่น้อย  แต่เขายอมรับว่าจื่อซานมีความสามารถบางอย่าง  โดยธรรมชาติแล้วจื่อซานอาจโชคดีได้เช่นกัน

“หากเจ้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้  ข้าจะยอมรับว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะไล่ตามเทพธิดาซื่อหลิว ” นี่คือสิ่งที่เขียวไว้ในจดหมาย

เมื่อชื่อของเฉียวซื่อหลิวถูกกล่าวถึง  จื่อซานก็ไม่สามารถอดทนต่อมันได้

“คุณสมบัติของข้าต้องให้เจ้าตัดสินงั้นหรือ ?”

“วูอี้ไห่  ข้าประเมินเจ้าสูงเกินไปจริงๆ  เจ้าคนไร้ยางอาย !”

จื่อซานรู้สึกเหมือนยืนอยู่ต่อหน้าฟางหยวนและกำลังเย้ยหยันเขาอยู่

“เขากล่าวว่าเคยไปเที่ยวจุดชมวิวกับซื่อหลิว  กระทั่งข้าก็ไม่เคยไปแม้แต่ครั้งเดียว  เจ้าคนบัดซบผู้นี้ !” จื่อซานกัดฟันด้วยความขุ่นเคือง

เขาเกือบจะบดขยี้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

แต่เขาคิดและต่อต้านแรงกระตุ้นนี้

“หากข้าทำลายวิญญาณดวงนี้  มันจะทำให้วูอี้ไห่สมความปรารถนา ”

“ฮืม  เขาสร้างปัญหาให้ข้าไม่ได้  ตอนนี้เขากลัวข้ามาก  ดังนั้นเขาจึงจงใจกล่าวเช่นนี้ ”

“ถูกต้อง  ข้าจะไม่ทำสิ่งที่เขาต้องการเห็น !”

“ข้าปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้  ข้าต้องชนะต่อไปและทำให้เขายอมรับความพ่ายแพ้ของเขา  ข้าต้องทำให้เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของข้าอย่างเต็มที่ !”

“แน่นอนเพื่อป้องกันความไร้ยางอายอีกครั้ง  ข้าต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้  ยิ่งมีคนรู้มากเท่าใดก็ยิ่งดี !”

จื่อซานเรียนรู้จากความผิดพลาดของเขา

เดิมทีที่มาของข้อพิพาทนี้เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง  จื่อซานรู้สึกว่ามันน่าอายเล็กน้อย  แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจมันอีกต่อไป  เขาเพียงต้องการกำหราบฟางหยวนให้ราบคาบเท่านั้น

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset