ตอนที่ 3110 ไอซ์สโนว์ก็อดเดส
หานเซิ่นไม่ได้รีบไล่ตามหลังสตีลซินไป เขาชกหมัดออกไปทางของลู่ซานจี
ลู่ซานจีได้รับบาดเจ็บหนักก่อนแล้ว เขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อีกต่อไป ถึงแม้คนของตระกูลสตีลจะพยายามช่วยกันปกป้องเขา หานเซิ่นก็ยังคงฆ่าเขาได้ด้วยพลังมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าเพียงหมัดเดียว
มังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้านั้นเป็นวิชาประสานยีนที่น่ากลัวมากๆ ถึงแม้ยืนเรซเทพมังกรโลหิตจะยังเป็นแค่วัยเยาว์ แต่มันก็ยังคงทรงพลังมากๆ ถ้ายืนเรซเทพมังกรโลหิตถึงร่างสุดยอดเมื่อไหร่ หานเซิ่นก็จินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะน่ากลัวถึงขนาดไหน
คนของตระกูลสตีลทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว เมืองไอซ์สโนว์นั้นอยู่ห่างไกลจากเมืองกําแพงหยก เครื่องเทเลพอร์ตเป็นสิ่งจําเป็นในการเดินทางระหว่างทั้งสองเมือง
ด้วยการที่เมืองไอซ์สโนว์เป็นดาวที่อยู่ใต้อาณานิคมของเมืองกําแพงหยกและเป็นฐานบัญชาการของราชองครักษ์ มันจึงไม่เคยมีใครกล้ามาก่อเรื่องที่นี่มาก่อน
แต่ตอนนี้มีคนๆหนึ่งกําลังทําเรื่องแบบนั้น เขามาที่คฤหาสน์ของตระกูลสตีลและทําให้ขุนนางเลือดพระเจ้าอย่างสตีลซีนต้องหนีเข้าไปในวิหารไอซ์สโนว์ก็อดเดส นี่หานเซิ่นน่ากลัวถึงขนาดไหนกัน?
คนของตระกูลสตีลต่างก็รู้ว่าพวกเขาไม่คู่ต่อสู้ของหานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงพยายามจะต่อสู้กับหานเซิ่น อาณาจักรฉินนั้นแตกต่างจากอาณาจักรอื่นๆ ช่วงเวลาหนึ่งอาณาจักรฉินนั้นเกือบจะยึดครองทั้งจักรวาล แต่เมื่อฉินซิวหายตัวไป อาณาจักรฉันก็อ่อนแอลงและเกือบจะถูกทําลายโดยอาณาจักรอื่น
หลังจากนั้นอาณาจักรฉินจึงได้จัดตั้งระบบกฎหมายใหม่ขึ้นมา ระบบรางวัลและบทลงโทษถูกกําหนดเอาไว้อย่างชัดเจน มันทําให้อาณาจักรฉินที่อ่อนแอกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่ยาวนาน มันมีอาณาจักรไม่รู้มากมายเท่าไหร่ที่ก่อตั้งขึ้นมาและล่มสลายไป แต่อาณาจักรฉันยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้และกลายเป็นหนึ่งในเจ็ดอาณาจักรที่ครอบครองจักรวาล กฎหมายของอาณาจักรฉินนั้นถือเป็นหนึ่งในความสําเร็จครั้งใหญ่ที่สุด
ถึงกฎหมายของอาณาจักรฉินจะห่างไกลจากคําว่าสมบูรณ์แบบและขุนนางของอาณาจักรก็มีอํานาจพิเศษมากมาย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทําให้อาณาจักรฉินแตกต่างไปจากอาณาจักรอื่น ไม่ว่าจะไปถามคนที่เป็นสามัญชนหรือคนที่เป็นขุนนาง พวกเขาก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาภูมิใจในกฎหมายของอาณาจักร
แต่ถึงกฎหมายของอาณาจักรฉินจะมีด้านดี แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีด้านที่โหดร้ายเช่นกัน ถ้าคนของตระกูลสตีลตัดสินใจที่จะหนีไป มันจะไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่จะถูกลงโทษ แม้แต่ครอบครัวของพวกเขาก็จะถูกลงโทษไปด้วย และความโหดร้ายของบทลงโทษนั้นก็เป็นอะไรที่ยากที่จะจินตนาการ
ด้วยเหตุนั้นคนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะตายในหน้าที่ดีกว่าที่จะให้ครอบครัวของตัวเองถูกลงโทษ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะตายในการต่อสู้นี้แทนที่จะหนีไป
หานเซิ่นเข้าใจถึงเรื่องนั้น และเขาก็ไม่ต้องการจะให้มือของตัวเองต้องเปื้อนเลือดโดยไม่จําเป็น ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่เขาฆ่าลู่ซานจีเสร็จ เขาก็เลือกที่จะใช้พลังมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าเพื่อเปิดทางไปสู่วิหารไอซ์สโนว์ก็อดเดสเท่านั้น
แม้แต่ทหารในชุดเกราะเหล็กกว่าสามพันคนก็ไม่อาจจะป้องกันพลังที่น่ากลัวของมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าได้ พวกเขาพยายามจะขวางหานเซิ่นเอาไว้ แต่พวกเขาทุกคนถูกส่งกระเด็นออกไป ไม่มีใครคนไหนที่หยุดหานเซิ่นได้
แต่สตีลชีนนั้นหนีไปถึงวิหารไอซ์สโนว์ก็อดเดสเรียบร้อยแล้ว เขาเช็ดเลือดออกจากใบหน้าเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูอาฆาต
ตระกูลสตีลทุกคนล้วนแต่เป็นขุนนางเลือดพระเจ้า และตลอดทั้งสามรุ่นพวกเขารับหน้าที่เป็นนายพลของทหารองครักษ์ที่คอยปกป้องเมืองกําแพงหยก พวกเขาไม่เคยถูกหยามเกียรติแบบนี้มาก่อน
ด้วยเหตุนั้นสตีลซีนจึงโกรธแค้นอย่างมาก และเขาต้องการจะฆ่าหานเซิ่นให้ได้ ดังนั้นหลังจากที่เขาเข้าไปในวิหาร เขาก็เฉือนแขนของตัวเองและปล่อยให้เลือดหยดลงบนแท่นบูชาก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงต่อหน้ารูปปั้นของไอซ์สโนว์ก็อดเดส เขาเปิดใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตไอซ์สโนว์ก็อดเดส
รูปปั้นของไอซ์สโนว์ก็อดเดสนั้นดูเหมือนแฟรี่ที่ถูกแกะสลักมาจากคริสตัลน้ำแข็ง ใบหน้าของเธอถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมหน้าสีขาว ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีใครมองเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
มีแค่ดวงตาของเธอเท่านั้นที่แสดงออกมา แต่ด้วยการที่ผู้คนรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ มันจึงไม่เคยมีใครกล้าจ้องมองเธอ มันเหมือนกับว่าการที่พวกเขามองไปที่เธอนั้นถือเป็นการดูหมิ่น
ร่างกายของสตีลซีนเริ่มมีลมปราณน้ำแข็งและหิมะพลุ่งพล่าน มันเป็นเหมือนกับเปลวไฟที่พุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เตาหินลุกโชนด้วยไฟน้ำแข็ง และรูปปั้นดูเหมือนกับว่ากําลังทําการอัญเชิญมันตอบสนองต่อสตีลซีนกับเตาหินและปลดปล่อยลมปราณน้ำแข็งและหิมะที่น่ากลัวออกมา
มีแสงที่โปร่งใสส่องลงมาที่รูปปั้น มันเหมือนกับว่าไอซ์สโนว์ก็อดเดสนั้นกําลังจุติลงมาจากดินแดนของเทพเจ้า แสงนั้นมาพร้อมกับพลังที่ดูไร้ที่สิ้นสุด ทั้งวิหารของไอซ์สโนว์ก็อดเดสถูกแช่แข็งโดยพลังนั้น ทุกอย่างถูกปกคลุมภายใต้ชั้นน้ำแข็ง แม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะถูกแช่แข็งด้วยเช่นกัน
เมื่อสัมผัสถึงออร่าที่น่ากลัวนั้น สตีลซีนก็รู้สึกดีใจอย่างมาก เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปที่รูปปั้นร่างสปิริตของไอซ์สโนว์ก็อดเดสปรากฏออกมาให้เห็นได้ด้วยตาเปล่า เธอลอยตัวอยู่เหนือเตาหินและมองลงมาอย่างทะนงตัว
สตีลซีนรีบก้มหัวต่อหน้าไอซ์สโนว์ก็อดเดสและพูดขึ้นว่า “สตีลซีน ทายาทรุ่นที่เก้าของตระกูลสตีลขอร้องท่านช่วยรวมร่างกับข้าเพื่อเอาชนะศัตรู”
ไอซ์สโนว์ก็อดเดสนั้นเป็นคนที่มอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตให้ตระกูลสตีลสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เธอเป็นทั้งผู้พิทักษ์และพันธมิตรของตระกูลสตีล แต่ในความจริงแล้วไอซ์สโนว์ก็อดเดสเป็นเหมือนกับเทพที่ตระกูลสตีลบูชามากกว่า นอกจากตระกูลสตีลรุ่นแรกสุดที่ได้รับการยอมรับจากไอซ์สโนว์ก็อดเดสแล้ว สมาชิกของตระกูลรุ่นต่อๆมาจําเป็นต้องทําการขอ ถ้าพวกเขาต้องการจะรวมร่างกับไอซ์สโนว์ก็อดเดส มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถควบคุมได้
“ตามพันธสัญญาในอดีต ข้าจะมอบพลังของเทพที่ไร้ขีดจํากัดให้พวกเจ้าจนกระทั่งโลกใบนี้ถึงจุดจบ”
เสียงที่เย็นชาและศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นมา หลังจากนั้นร่างสปิริตของไอซ์สโนว์ก็อดเดสก็เปลี่ยนเป็นลมปราณน้ำแข็งและหิมะที่ไหลเข้าไปในตัวสตีลซีน หลังจากที่สตีลซีนรับพลังนั้นมา ร่างกายของเขาก็เริ่มจะปลดปล่อยเปลวเพลิงอันหนาวเย็นออกมา
หานเซิ่นเข้ามาในวิหารและเห็นว่าสตีลซีนกําลังรวมร่างกับไอซ์สโนว์ก็อดเดส
สตีลซีนยืนอยู่หน้าแท่นบูชา ร่างกายของเขาปลดปล่อยเปลวเพลิงอันหนาวเย็นที่ค่อยๆกลายเป็นชุดเกราะน้ำแข็ง มีมงกุฎน้ำแข็งที่ดูเหมือนกับคริสตัลปรากฏขึ้นบนหัวของเขา
สตีลซีนได้ยินเสียงของหานเช่นดังเข้ามาในวิหาร เขาหันหลังไปและเห็นหานเซิ่น ใบหน้าของเขาก็ดูอาฆาตขึ้นมา เขาจ้องมองไปที่หานเซิ่นและพูดอย่างโกรธแค้นว่า
“เจ้าแค่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริต แต่เจ้ากลับทําตัวอวดดี วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าใครที่ถูกเลือกโดยพระเจ้า ข้าจะทําให้เจ้าได้เห็นว่าคนที่ถูกเลือกโดยพระเจ้าที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง”
สตีลซีนดูโกรธแค้นมากๆ ตลอดเก้ารุ่นของตระกูลสตีล พวกเขาไม่เคยถูกเหยียดหยามแบบนี้มาก่อน เขาไม่อาจยอมรับมันได้ ถ้าเขาไม่ได้ฉีกหานเซิ่นเป็นชิ้นๆ ตระกูลสตีลก็ต้องอับอายขายหน้า แบบนั้นเขาจะมีหน้าอยู่ต่อไปได้ยังไง?
เขาเป็นผู้นําของทหารองครักษ์ ถ้าแม้แต่บ้านของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แบบนั้นเขาจะไปปกป้องความปลอดภัยของเมืองกําแพงหยกได้ยังไง?
สตีลซีนเกรี้ยวโกรธ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าพลังของไอซ์สโนว์ก็อดเดสกําลังไหลออกไปจากร่างกายของเขา ชุดเกราะและมงกุฎน้ำแข็งเองก็ละลายหายไป
จู่ๆไอซ์สโนว์ก็อดเดสที่เกือบจะเสร็จสิ้นกระบวนการรวมร่างก็ออกไปจากร่างกายของเขา เธอกลับไปลอยตัวอยู่เหนือแท่นบูชาอีกครั้ง
“ท่านไอซ์สโนว์ก็อดเดส นี่มันอะไรกัน?” สตีลซีนรู้สึกแปลกใจ เขามองไปยังร่างสปิริตของไอซ์สโนว์ก็อดเดสที่อยู่เหนือแท่นบูชา ตลอดประวัติศาสตร์ของตระกูลสตีล มันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ไอซ์สโนว์ก็อดเดสไม่ตอบ เธอไม่แม้แต่จะเหลียวมองไปที่สตีลขึ้น เธอบินตรงหน้าของหานเช่นและก้มหัวให้กับเขาพร้อมกับพูดว่า
“คารวะนายท่าน ข้าคือไอซ์สโนว์ก็อดเดส”
Related