ขณะที่ดูข่าวช่วงเย็น ท่าเรือของเมืองเซนต์จอห์นเกิดอุบัติเหตุขึ้น เมื่อเรือสำราญ 10,000 ตันเข้าเทียบท่าเรือ เรือขนส่งขนาดเล็กเร่งความเร็วและพยายามยึดทางน้ำ ซึ่งเรือสำราญก็เร่งความเร็วขึ้นมาเช่นกัน จึงพุ่งเข้าชน ท้ายสุดเรือขนส่งขนาดเล็กก็เสร็จเรียบร้อย
อุบัติเหตุเรือชนกันในทะเลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งพบได้ยากกว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์บนบกที่มีนับไม่ถ้วน สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้คือไม่รู้ว่าทำไมเรือขนส่งถึงรีบร้อนขนาดนั้นและต้องการยึดทางน้ำและเข้าสู่ท่าเรือก่อนเวลา
ในความเป็นจริงไม่มีอะไรผิดปกติกับพฤติกรรมของเรือขนส่งนี้มาก ฉินสือโอวเคยเห็นชาร์คขับเรือยอชต์ บางครั้งพวกเขาขับเรือยอชต์ไปที่เมืองเซนต์จอห์น หากมีเรือขนาดใหญ่มากกว่า 5,000 ตันเข้ามาจะเทียบท่าเรือ เขาก็จะเร่งความเร็วเพื่อยึดทางน้ำ
การนำเรือขนาดใหญ่เทียบท่าเรือเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ต้องมีการรายงานต่อกรมศุลกากร มีการยืนยันและการตรวจสอบจากทางศุลกากร เป็นต้น บางลำต้องใช้เวลานานสองถึงสามชั่วโมง ด้วยเหตุนี้เรือที่รออยู่ด้านหลังก็ทำได้เพียงรอเท่านั้น หากมีเหตุฉุกเฉินอะไรก็จะล่าช้าออกไป
ต่อมามีข่าวแจ้งว่า เรือขนส่งลำนี้บรรทุกสัตว์บางชนิด สัตว์เหล่านี้อยู่ในห้องโดยสารนานเกินไปและมีอาการขาดออกซิเจน พวกเขาจึงจำเป็นต้องเทียบท่าเรือเพื่อปล่อยสัตว์ออกมาอย่างเร่งด่วน น่าเสียดายที่เรือลำนี้โชคไม่ดี จึงถูกเรือลำใหญ่เบียดทับ โชคยังดีที่ทางท่าเรือได้ช่วยเอาไว้ทันเวลา จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บถึงตาย
ขณะที่ดูข่าวในโทรทัศน์ไป วินนี่ก็วาดไม้กางเขนบนหน้าอกตัวเองไปด้วย พูดด้วยน้ำเสียงที่ทนไม่ได้ว่า “น่าเสียดายจริงๆ ขอพระเจ้าทรงยอมรับพวกเขาด้วย”
ฉินสือโอวพูดขึ้น “ไม่เป็นไรนะ ที่รัก คุณไม่เห็นเหรอว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและคนตาย”
วินนี่เหลือบมองไปที่เขาทีหนึ่ง “ฉันภาวนาให้สัตว์น้อยบนเรือต่างหาก มานี่สิ เสี่ยวเถียนที่รัก มาภาวนาให้สัตว์น้อยบนเรือกัน พูดตามหม่าม๊านะ”
เถียนกวามองไปที่เธอด้วยความงุนงง คาดว่าคงไม่เข้าใจว่าบนเรือมีสัตว์น้อยอะไรบ้าง แล้วพวกมันเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองด้วย
หลังจากนั้นวินนี่จึงเริ่มอธิบายให้เธอฟังก่อนว่าบนเรือมีสัตว์อะไรบ้าง เธอเรียกหู่เป้าฉงหลัว พวกแมวป่ามาล้อมรอบเถียนกวาไว้ แล้วบอกเจ้าเด็กน้อยว่าบนเรือก็มีสัตว์แบบนี้อยู่ ต่อจากนั้นก็สอนเธอให้ภาวนาต่อพระเจ้า
เวลานี้ฉินสือโอวไม่สามารถออกความคิดเห็นใดๆ ได้ วินนี่กำลังปลูกฝังให้ลูกรู้จักรักและศรัทธาในตัวพระเจ้า ในครอบครัวชาวแคนาดาเด็กๆ จะต้องเรียนรู้ในความศรัทธาทางศาสนาเมื่ออายุสองหรือสามขวบ
วินนี่วาดไม้กางเขน เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ก็วาดไม้กางเขน พวกเด็กๆ ยิ่งเคร่งในศาสนา เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ เถียนกวาจึงโยนขนมในมือทิ้งไป รีบขยับมือสั้นๆ ของเธอวาดไปเรื่อยบนหน้าอก
วินนี่จับมือน้อยๆ ของเธอเพื่อที่จะสอน หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มกับฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “ที่รัก ลูกสาวของพวกเราเป็นเด็กที่น้อยน่ารักที่ถนัดซ้ายด้วยนะ”
ฉินสือโอวผงะ ถึงค่อยสังเกตเห็นว่าเถียนกวาใช้มือซ้ายวาดไม้กางเขน ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยสังเกตการใช้มือที่ถนัดของลูกสาวเขาเลย เพราะว่าจะกินอะไรก็เป็นเขาและวินนี่ที่ป้อนเอาเป็นส่วนมาก ตอนที่ลูกสาวเล่นแล้วถือโน่นนี่เขาก็ไม่เคยสังเกต ดังนั้นเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวเขาถนัดซ้าย
สีหน้าของวินนี่เต็มไปด้วยความภูมิใจ แถมยังจับมือซ้ายของเถียนกวาเล่นไปมาสักพัก ฉินสือโอวไม่เข้าใจ พูดขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงดูดีใจขนาดนั้น? ถนัดซ้ายต้องแก้ให้ถูกนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา วินนี่ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมล่ะ? ทำไมพวกเราต้องเปลี่ยนมือที่ถนัดของเธอด้วย? ถนัดซ้ายดีออก คุณไม่รู้หรอกเหรอ คนที่ถนัดมือซ้ายจะมีโอกาสเป็นศิลปินและนักกีฬาสูงกว่ามือขวา”
เชอร์ลี่ย์เห็นด้วยกับวินนี่ “ใช่ค่ะ พาวลิสก็ถนัดซ้าย เขาจะกลายเป็นนักแข่งรถที่ยอดเยี่ยมมาก”
นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉินสือโอวไม่เคยสังเกตมาก่อน พาวลิสเป็นคนถนัดซ้ายจริงๆ ด้วย เขาหันไปมอง เป็นจริงดั่งคาด พาวลิสถือมีดด้วยมือซ้ายและถือส้อมด้วยมือขวา ซึ่งแตกต่างจากมารยาทในการรับประทานอาหารของชาวตะวันตกทั่วไป
เมื่อรับประทานอาหารตะวันตกมักจะต้องใช้มีดรับประทานอาหารในการตัดอาหารจำพวกสเต๊ก ดังนั้นจึงต้องใช้มือที่ถนัดเพื่อที่จะได้มีแรง โดยปกติจะถือส้อมมือซ้าย ถือมีดมือขวา แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ได้กำหนดตายตัว เพราะอย่างไรก็ตามถนัดแบบไหนก็ใช้แบบนั้น
ไม่มีอะไรที่จะโต้แย้ง ในเมื่อวินนี่ไม่อยากเปลี่ยนมือที่ถนัดของเถียนกวาก็ไม่ต้องเปลี่ยน เขาอธิบายคร่าวๆ ให้ฟังว่า ที่บ้านเกิดของเขา เด็กที่ถนัดซ้ายจะถูกแก้ให้ถูกต้อง
วินนี่ไม่ค่อยเข้าใจจึงพูดว่า “ถนัดซ้ายดีออก คุณดูสิ ท่าทางของเธอน่ารัก และก็ไม่เหมือนใครด้วย”
ฉินสือโอวไม่อยากเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงทำได้เพียงสรุปว่าเป็นความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมไป เขาไม่คิดว่าการเปลี่ยนมือที่ถนัดให้ถูกต้องนั้นเป็นปัญหาอะไร เมื่อก่อนเขามีคู่หูตัวเล็กที่ถนัดซ้าย ถ้าไม่แก้จะส่งผลทั้งต่อการหัดเขียนตัวอักษร เพราะตอนเรียนเขาใช้มือซ้ายจับปากกา
ภาษาจีนแตกต่างจากภาษาอังกฤษ เขียนตัวอักษรอังกฤษจะใช้มือซ้ายหรือมือขวาเขียนก็ได้ทั้งนั้น คนส่วนมากมือไหนว่างก็ใช้มือนั้นในการเขียน แต่การเขียนตัวอักษรจีนโดยเฉพาะตอนที่ฝึกเขียนตัวอักษรที่ซับซ้อนอย่างจีนตัวเต็ม ใช้มือซ้ายเขียนจะเปลืองแรงมาก ดังนั้นพ่อแม่ของคนจีนจึงมักจะเปลี่ยนมือที่ถนัดของลูกๆ ตอนที่ยังเด็กๆ ก่อน
เจ้าเด็กน้อยไม่ได้สนใจมือถนัดอะไรทั้งนั้น พอเธอใช้มือซ้ายวาดไม้กางเขนแล้ว ก็ใช้มือขวาหยิบขนมขึ้นมาใหม่ เงยหน้าน้อยๆ มองไปที่วินนี่ ถามด้วยเสียงเล็กๆ ว่า “เถียนกวากินข้าวได้ไหมคะ?”
วินนี่หอมเธอไปหนึ่งที มองไปที่มือขวาของเธอด้วยความแปลกใจ แล้วพูดว่า “แน่นอน กินข้าวกันเถอะ ทำไมถึงเปลี่ยนไปใช้มือขวาแล้วล่ะ?”
เจ้าเด็กน้อยไม่สนใจหรอก ความจริงแล้วเธอใช้ได้ดีทั้งมือซ้ายและมือขวา ใช้มือไหนทำอะไรได้ดีก็ใช้มือนั้น
เหตุการณ์นี้เป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ ในชีวิต ฉินสือโอวจึงไม่ได้ไปสนใจมันมาก วันต่อมาเขาและชาวประมงออกทะเลในตอนกลางวัน เมื่อพวกเขาว่างพวกเขาก็ไปที่โกดังเพื่อสร้างชุดเกราะของตัวเอง แน่นอนพวกเขาจะช่วยกันสร้างชุดเกราะ เพราะการสร้างชุดเกราะไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว
ซีมอนสเตอร์ยกเตาหลอมเหล็กในโกดัง ชาวประมงแต่ละคนมีชุดเครื่องมือพร้อม ค้อน คีมและประแจเบอร์ต่างๆ เลื่อยไฟฟ้า มีดตะไบ กรรไกรเหล็ก เป็นต้น ต่างยุ่งและขะมักเขม้นกันตลอดทั้งวัน
ฉินสือโอวซื้อหมวกเหล็กมาจำนวนหนึ่ง เขาแบ่งให้กับพวกชาวประมง และใช้ในการทำหมวกกันน็อกที่เข้ากับชุดเกราะ
ยุ่งมาตลอดสองวัน หมวกกันน็อกทำออกมาเกือบเสร็จแล้ว จริงๆ แล้วโพไซดอนไม่ใส่หมวกกันน็อก เขาทำอันหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้ดูหล่อ พอถึงเวลานั้นค่อยเอาไปแขวนที่รถก็โอเคแล้ว ดังนั้นเพื่อเร่งงาน เขาจึงรีบไปที่โกดังเพื่อสร้างอุปกรณ์ของตัวเองแต่เช้าตรู่โดยไม่คำนึงถึงการออกกำลังกายในตอนเช้า
บางทีอาจจะเป็นเพราะอยู่ที่แคนาดามานานแล้ว ฉินสือโอวตอนนี้จึงชอบทำของ DIY
ในขณะที่ติดตั้งเขาควายบนหมวกกันน็อก จู่ๆ เสียงของชาร์คก็ดังออกมาจากอินเตอร์คอม “เฮ้ บอส รีบมาเร็ว ฟาร์มปลามีแขกที่ไม่ได้ต้อนรับมากลุ่มหนึ่งแหละ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินสือโอวก็รีบวิ่งไปที่ชายหาดพร้อมกับค้อนเหล็ก ชาร์คบอกว่าเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เขานึกว่ามีคนบุกเข้าไปในฟาร์มปลาผ่านทะเล
หลังจากวิ่งมาถึงชายหาด เขาเห็นว่าพวกชาวประมงไม่ได้ออกทะเลไป แต่ต่างรวมตัวกันอยู่ตรงชายหาดชี้ออกไปทางทะเล แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ในทะเล ดังนั้นจึงปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป
ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งกับการสร้างชุดเกราะ เขาจึงไม่ได้จัดการดูแลอะไรมากกับฟาร์มปลาต้าฉิน ในความเป็นจริงตอนนี้ฟาร์มปลาต้าฉินกำลังมาถูกทางแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรเลย เขาต้องการเพียงแค่จัดการฟาร์มปลาต้าฉินสองและสามเท่านั้น
หลังจากที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงสู่ทะเล ปกคลุมผืนน้ำทะเล จากนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นกลุ่มผู้บุกรุกแปลกๆ ปรากฏตัวขึ้นที่ชายหาด
…………………………..
Related
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1739 แขกที่ไม่ได้รับเชิญในฟาร์มปลา
Posted by ? Views, Released on January 21, 2022
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
Status: Ongoing
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!