ดวงอาทิตย์ในเหมันตฤดูคล้อยต่ำเหนือเมืองหลัยเยี่ยนในยามบ่าย ภายใต้ร่มเงาต้นไม้ หลินมู่อวี่ควบม้าเข้ามาอย่างเชื่องช้า ด้วยชุดเกราะประจำวิหารและตรายศทหารทำให้เข้าเมืองได้โดยไม่โดนตรวจสอบ หลินมู่อวี่ขี่ม้าผ่านถนนทงเทียนและนำแหวนศิลาชิงหมิงออกจากอกเสื้อมาสวมใส่ไว้ที่นิ้วหัวแม่มือ พลังที่ส่งออกมาจากแหวนบวกกับพลังของกระบี่เหลียวหยวนมันเหมือนแม่เหล็กขั่วบวกและขั่วลบที่พยายามดูดเข้าหากัน แหวนชิ้นนี้เป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง…มันม่สามารถนำไปหลอมรวมกับอาวุธหรือชุดเกราะได้!
หลังจากทดสอบพลังอยู่ชั่วครู่ เขาจึงถอดแหวนที่นิ้วของตนออกและเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อเช่นเดิม
ในขณะเดียวกันมีผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่เบื้องหน้า ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงรีบควบม้าไปดูทันที! เขาเห็นเกวียนยาวเสมือนขบวนรถไฟกำลังลำเลียงซากงูมังกรจากตำหนักกวางโศกา!
ทหารอวี้หลินนำซากงูมังกรกลับมาแล้วหรือ?
หลังจากเห็นซากงูมังกร หลินมู่อวี่พลันมองไปที่กระบี่เหลียวหยวน เมื่อครั้งที่ต้องปะทะกับงูมังกร กระบี่เหลียวหยวนไม่สามารถแทงทะลุผ่านเกล็ด ซึ่งสันนิษฐานได้ว่ามันต้องแข็งมาก อีกทั้งเกล็ดมีขนาดราวหนึ่งเมตรและรูปร่างเสมือนเพชร หากนำเกล็ดมาทำเป็นโล่…มันคงป้องกันอาวุธทุกชนิดได้ใช่หรือไม่?
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลินมู่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ก่อนจะควบม้ามองหาผู้นำของกลุ่มลูกหาบทันที ชายผู้นั้นเป็นทหารที่หลินมู่อวี่คุ้นเคย นั่นก็คือผู้บัญชาการทหารกองพันหลัวเลี่ย…ผู้ติดตามของเฟิงจี้สิง!
“ผู้บัญชาการหลัวเลี่ย!”
“หืม?” เมื่อหลัวเลี่ยหันกลับมาเห็นหลินมูอวี่ก็ยิ้มทันที “ว่าไงท่านหลินมู่อวี่ เหตุใดจึงมาอยู่ที่ถนนทงเทียน มิใช่ว่าท่าน…ต้องอยู่ที่รังอินทรีหรือขอรับ?”
“วันนี้ข้าไม่ไปรังอินทรี” หลินมู่อวี่ขี่ม้าเดินเคียงข้างพวกเขา “ซากงูมังกรตัวนี้กำลังถูกส่งไปที่แห่งใดหรือ?”
“ฮ่าๆ ท่านแม่ทัพเฟิงจี้สิงต้องการให้เราเคลื่อนย้ายซากงูมังกรไปที่ตำหนักเจ๋อเทียนขอรับ เขากล่าวว่าเนื้อของสัตว์ร้ายมีพลังงานไฟจำนวนมาก ดังนั้นสามารถนำเนื้อแห้งไปทำซุปเพื่อให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวได้ ส่วนกระดูกงูมังกรสามารถนำไปสกัดเป็นโอสถเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ แทบไม่ต้องกล่าวถึงความจริงที่ว่าหากงูมังกรอายุหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยปีตัวนี้รอดชีวิตไปได้ มันคงได้พัฒนาจนเป็นมังกรเลยทีเดียว!”
“เป็นเช่นนี้เอง…” หลินมูอวี่ถูมือพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอหารือบางสิ่งกับท่านได้หรือไม่?”
“โอ้ อะไรหรือขอรับ?” หลัวอลี่ยิ้มขณะที่มองไปที่หลินมู่อวี่
“เกล็ดงูมังกร…หลังจากตัดออกแล้ว ข้าขอได้หรือไม่?”
“เรื่องนี้เองรึ…” หลัวเลี่ยหัวเราะ “ท่านกำลังวางแผนจะใช้มันเพื่อสร้างโล่หรือเกราะขอรับ?”
“โล่ขอรับ”
“หากเป็นเช่นนั้น…ได้สิขอรับ ท่านแม่ทัพมิได้กล่าวว่าต้องการใช้เกล็ดของมัน และงูมังกรตัวนี้ก็ถูกท่านหลินมู่อวี่สังหารด้วยตัวเอง ดังนั้นมันคงไม่มีปัญหาหากจะให้เกล็ดงูมังกรกับท่านหลินมู่อวี่ เข้าไปในตำหนักกับข้าสิขอรับ เราจะให้เกล็ดหลังจากชำแหละเรียบร้อยแล้ว”
“หากเป็นเช่นนั้น…ย่อมได้ขอรับ! ท่านแม่ทัพเฟิงมิได้กล่าวว่าจะใช้เกล็ดงูมังกร อีกทั้งท่านหลินมู่อวี่เป็นผู้สังหารสัตว์ร้ายตัวนี้ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาหากท่านหลินมู่อวี่ต้องการเกล็ดของมัน…เข้าไปรอในตำหนักกับข้าสิขอรับ จำเป็นต้องชำแหละงูมังกรให้เสร็จก่อน”
“ดี! ขอบคุณมากท่านนายพลหลัวเลี่ย!”
“สุภาพเกินไปแล้วขอรับ พวกเราต่างก็อยู่ฝ่ายเดียวกัน!”
…
หลังจากเข้าไปในตำหนักเจ๋อเทียน บริเวณด้านข้างห้องโถงเหล่าพ่อครัวช่วยกันชำแหละเนื้อและกระดูกของงูมังกร ส่วนเกล็ดที่เปื้อนเลือดถูกนำไปวางบนเกวียน หลินมู่อวี่นับได้กว่าห้าร้อยเกล็ด ซึ่งทำให้หัวใจของเขาพองโต เกล็ดจำนวนมากเหล่านี้ใช้เกวียนลำเลียงถึงห้าเล่ม!
เฟิงจี้สิงสั่งให้ทหารอวี้หลินยี่สิบนายช่วยหลินมู่อวี่ขนย้ายเกล็ดงูมังกร ในช่วงบ่ายพวกเขาก็ส่งเกล็ดเหล่านี้ไปที่โรงหลอมเหล็กขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง…โรงหลอมเหล็กขาวแห่งจักรวรรดิ กล่าวกันว่าโรงหลอมเหล็กแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับหมื่นปี และผ่านจักรพรรดิมาแล้วกว่าร้อยองค์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อในปัจจุบัน เมื่อหลินมู่อวี่เดินเข้ามาด้านในก็พบร่างที่คุ้นตา…จินเสี่ยวถัง!
“พี่ใหญ่อาอวี่ ไม่ได้เจอกันสักพักแล้วนะเจ้าคะ!”
จินเสี่ยวถังเดินเข้ามาพร้อมเม้มริมฝีปาก “ฮืม…ให้ข้าแนะนำท่านแก่สำนักอัศวิน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพื่อการสอดแนม เป็นเพราะท่าน! จินเสี่ยวถังจึงสร้างความขุ่นเคืองให้แก่สำนักอัศวิน แล้วข้าต้องทำอย่างไร!”
หลินมู่อวี่รีบขอโทษเป็นการใหญ่ “ฮ่าๆ ข้าขอโทษเสี่ยวถัง มันเป็นความผิดข้าเอง ดังนั้นข้าจะรับผิดชอบทั้งหมด! จริงสิ…เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”
จินเสี่ยวถังตบไปที่ป้ายร้านเบาๆ “เพราะโรงหลอมเหล็กขาวแห่งจักรวรรดิเป็นของร้านค้าแห่งจักรวรรดิอย่างไรล่ะเจ้าคะ! จึงไม่แปลกที่ข้าจะอยู่ที่นี่!”
พูดจบจินเสี่ยวถังก็มองไปที่เกล็ดงูมังกรบนเกวียน “พี่ใหญ่อาอวี่ นี่มัน…ท่านจะใช้เกล็ดงูมังกรสร้างโล่หรือเจ้าคะ? โอ้! เกล็ดเหล่านี้หนามาก งูมังกรตัวนั้นอายุเท่าไหร่เจ้าคะ?”
“มากกว่าหมื่นปีน่ะ”
“อายุมากถึงเพียงนั้น…” จินเสี่ยวถังแลบลิ้น ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเป็นเช่นนั้น…เสี่ยวถังจะคิดราคาไม่แพงให้นะเจ้าคะ เกล็ดละสิบเหรียญทองเป็นอย่างไร? นิลพิศวงอายุหนึ่งร้อยปีจะถูกหลอมเคลือบเกล็ดงูมังกรพร้อมทั้งเจาะและขัดเงาเสร็จสรรพในราคาสิบเหรียญทอง ตกลงไหมเจ้าคะ?”
“เอาล่ะ ขอบคุณเจ้ามากเสี่ยวถัง”
“ทว่ามีหนึ่งเงื่อนไขเจ้าค่ะ!”
“โอ้ อะไรหรือ?”
“ฮ่าๆ” จินเสี่ยวถังจับมือหลินมู่อวี่และกล่าวว่า “ท่านพ่อเพิ่งได้รับของจากทางตะวันตกซึ่งเป็นดอกบัวเจ็ดสีจำนวนมาก พี่ใหญ่อาอวี่ช่วยเสี่ยวถังปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดหนึ่งร้อยขวดให้ร้านค้าแห่งจักรวรรดิได้หรือไม่เจ้าคะ? เกิดปัญหาขึ้นในการประมูลครั้งล่าสุดทำให้มีลูกค้าต่างรอซื้อมันมากมาย!”
“ได้สิ…เสี่ยวถัง ข้าจะไปที่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิ ข้าจำต้องซื้อวัตถุดิบบางอย่างเพื่อหลอมอาวุธชิ้นหนึ่ง”
“เจ้าค่ะ!”
จากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่ร้านแห่งจักรวรรดิ เขามองดูของล้ำค่านานาชนิดในร้านศิลาวิญญาณกับจินเสี่ยวถัง ในที่สุดก็พบศิลาวิญญาณเต่าทมิฬอายุเก้าพันเจ็ดร้อยปี ซึ่งหลินมู่อวี่จะนำไปหลอมกับแหวนศิลาชิงหมิง ทว่าเขาไม่พบศิลาชนิดอื่นที่ดึงดูดสายตา จึงตัดสินใจไม่หลอมอาวุธในครานี้
“เสี่ยวถัง เจ้ามีแร่เหล็กคุณภาพดีหรือไม่?” หลินมู่อวี่ถาม
จินเสี่ยวถังขยิบตาก่อนจะกล่าวว่า “มีสิเจ้าคะ แต่ข้าไม่รู้ว่าพี่ใหญ่อาอวี่จะชอบหรือไม่”
“โอ้ เป็นแร่เหล็กชนิดใดรึ? เอามาให้ข้าดูหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
จินเสี่ยวถังเดินออกไปคุยกับผู้ดูแล “ผู้ดูแลเฉียน ช่วยเอาเหล็กที่ไม่สามารถหลอมได้เมื่อคราก่อนมาให้ข้าได้ไหม?”
“ขอรับคุณหนูใหญ่”
เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้ดูแล ช่างตีเหล็กร่างสูงก็นำเหล็กสีดำทมิฬออกมา เขาถูมันก่อนที่ทั้งฝ่ามือจะกลายเป็นสีดำราวกับเถ้าถ่าน
จินเสี่ยวถังยิ้มพร้อมกล่าวว่า “มันคือ ‘ศิลาส่งกลิ่น’ ซึ่งถูกหลอมในโรงหลอมเหล็กขาวแห่งจักรวรรดิมาเป็นเวลาสิบวันแล้ว ทว่าก็ไม่ละลาย ช่างตีเหล็กต่างเรียกมันว่าศิลากระด้าง คงมีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่ามันคืออะไร หากพี่ใหญ่อาอวี่ต้องการ ข้าจะคิดแค่หนึ่งเหรียญทอง…ทว่าหากไม่ต้องการ เรายังมีนิลพิศวงอายุหนึ่งหมื่นปีและหนึ่งพันปีอีกหลายก้อน”
“โอ้?”
หลินมู่อวี่เอื้อมมือไปที่ศิลาสีดำก้อนนั้น และพลังงานจิตวิญญาณที่ผันผวนก็สัมผัสที่ฝ่ามือทันที หินก้อนนี้ไม่ใช่ขยะ จากนั้นเสียงลู่ลู่ก็ดังขึ้นในความคิดหลินมู่อวี่ “พี่ชาย นี่คือเหล็กวิญญาณเก้าสวรรค์ในตำนาน เป็นเหล็กศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากดินแดนสวรรค์ หากพี่ชายหลอมมันได้ก็จะสามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน!”
“อย่างนั้นหรือ?”
หลินมู่อวี่ใช้ฌานสัมผัสตอบโต้กับลู่ลู่ “หากเป็นเช่นนั้นก็ดีมากเลย”
หลินมู่อวี่พลันควักเหรียญทองออกมาจากหน้าอกและวางบนโต๊ะ “ห่อหินก้อนนี้ให้ข้าด้วย ข้าต้องการศิลากระด้างก้อนนี้ ดูสิว่ามันจะกระด้างได้สักเพียงไหน”
จินเสี่ยวถังหัวเราะ “เจ้าค่ะ ได้เลย ผู้ดูแลเฉียนจะห่อศิลากระด้างนี้ไว้ให้!”
“ดี!”
…
หลังจากนั้นจินเสี่ยวถังก็มอบดอกบัวเจ็ดสีจำนวนมากและโอสถอื่นๆ ให้แก่หลินมู่อวี่ เพื่อให้เขาปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดและเพิ่มชื่อเสียงให้แก่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิ จินเสี่ยวถังเป็นเด็กสาวที่เชี่ยวชาญด้านการค้าขาย ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่พึงพอใจมาก ใครกันเล่าจะไม่ชอบการซื้อขายโดยไม่ต้องต่อรอง?
หลังการนัดหมายเพื่อรับโล่งูมังกรในอีกสามวัน หลินมู่อวี่ก็เดินทางกลับรังอินทรี
บนภูเขารังอินทรีมีการสร้างค่ายใหม่แล้ว เนื่องจากหลินมู่อวี่ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการ บริเวณกระท่อมตรงกลางจึงถูกจัดให้เป็นที่พักของเขา ซึ่งมันกว้างขวางและเงียบสงบเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
หลังจากทานมื้อเย็นหลินมู่อวี่ก็ลงมือทำงาน เขาใช้เวลากว่าสามชั่วโมงในการปรุงโอสถจนได้โอสถฝันคืนสู่สูงสุดมาทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบสองขวด แบ่งหนึ่งร้อยขวดสำหรับจินเสี่ยวถัง ส่วนที่เหลือหลินมู่อวี่จะเก็บเอาไว้เพื่อมอบให้ทหารระดับสูงในกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด การเสริมความแข็งแกร่งของเหล่าทหารเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากนั้นหลินมู่อวี่ก็เริ่มหลอมจิตวิญญาณเข้าสู่แหวนศิลาชิงหมิง
‘วิ้ง วิ้ง…’
ติ่งหลอมอาวุธในห้องส่องแสงแพรวพราว หลินมู่อวี่ยืนอยู่ด้านข้างติ่งหลอม ก่อนจะโยนแหวนศิลาชิงหมิงลงไป ทันใดนั้น! ริ้วเปลวเพลิงพลันล้อมรอบตัวแหวนและสัมผัสโครงสร้างของแหวนอย่างเงียบงัน หลินมู่อวี่ค่อยๆ ปลดปล่อยฌานสัมผัสตรวจสอบและพบว่าโครงสร้างของแหวนศิลาชิงหมิงนั้นแปลกประหลาดมาก มีโครงสร้างและความหนาแน่นเช่นเดียวกับเพชร ทว่าสิ่งที่แปลกออกไปคือแหวนศิลาชิงหมิงมีจุดหลอมเหลวที่สูงกว่า
กระนั้นหลินมู่อวี่ก็ไม่ได้วางแผนจะหลอมมัน เขาเพียงให้ติ่งหลอมชั้นที่ห้าไฟหลอมโลกันตร์แทรกซึมเข้าสู่ศิลาชิงหมิงเพื่อเปิดข้อต่อภายใน จากนั้นเริ่มหลอมศิลาวิญญาณเต่าทมิฬอายุเก้าพันเจ็ดร้อยปีซึ่งใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ‘โฮก โฮก!’ จิตวิญญาณเต่ามังกรฟ้าส่งเสียงคำรามออกมาก่อนจะหลอมรวมกับศิลาชิงหมิง
หลังจากนั้นไม่นานศิลาชิงหมิงก็เปล่งประกายพร้อมตกลงบนฝ่ามือหลินมู่อวี่
…
เขาสวมแหวนไว้ที่หัวแม่มือและปลดปล่อยปราณยุทธ์ ทันใดนั้น! วิญญาณยุทธ์เต่าทมิฬก็ปรากฏขึ้นรอบวงแหวน มันสามารถออกมาปกป้องเจ้าของได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เต่าทมิฬเชี่ยวชาญด้านการป้องกัน และเมื่อหลอมจิตวิญญาณของมันเข้าสู่แหวนก็จะกลายเป็นอาวุธป้องกันทันที
หลินมู่อวี่ถอดแหวนแล้ววางไว้ แม้แหวนศิลาชิงหมิงจะแข็งแกร่งมาก ทว่ารูปร่างมันค่อนข้างน่าเกลียด หลินมู่อวี่วางแผนไว้ว่าจะมอบให้กับเหล่ยหง ชายชราซึ่งผู้นำแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาควรมีของที่สมสถานะไว้ป้องกันตัวบ้าง
ในที่สุดก็มาถึงเวลาสำคัญ หลินมู่อวี่กำลังเริ่มหลอมศิลากระด้าง…หรือก็คือศิลาวิญญาณเก้าสวรรค์!
………………..…