ตอนที่ 582 ดอกไม้นานาพันธุ์
เซียงฉือคุกเข่าทั้งคืนและคิดไปตลอดคืน ตอนซูกงกงกลับมาเอาของให้ฝ่าบาท นางก็ยังคงคุกเข่าอยู่
ซูกงกงอดรนทนไม่ไหวจึงเข้าไปปลอบเตือน
“ทำไมอวิ๋นผินต้องทรงต่อปากต่อคำกับฝ่าบาทเช่นนั้น ทรงพูดนุ่มนวลกับฝ่าบาทสักหน่อย ฝ่าบาทโปรดอวิ๋นผินขนาดนี้ย่อมไม่ทรงถือสาอยู่แล้ว”
“จำเพาะต้องมาทำตัวเองให้ลำบากแบบนี้ บ่าวพูดมากแต่อวิ๋นผินทรงลุกขึ้นก่อนเถิด ลำบากพระวรกายจะไม่ดีนะพะย่ะค่ะ”
เซียงฉือสะบัดมือ ยังคงคุกเข่าพูดอย่างจริงจังว่า
“ข้ารู้ว่าตัวเองทำไม่ดีพอ แต่ครั้งต่อไปข้าก็จะทำเช่นนี้อีก ข้าไม่อาจฝืนใจตนเองได้ ดังนั้นจึงทูลขอรับโทษจากฝ่าบาท”
“ขอบใจในเจตนาดีของซูกงกง ข้าจะอยู่สำนึกความผิดที่นี่ ไม่ต้องกราบทูลฝ่าบาท ข้าไม่ต้องการให้พระองค์ทรงเป็นห่วง”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ซูกงกงได้แต่ลอบทอดถอนใจแล้วกลับไป
เซียงฉือไม่ต้องการให้ซูกงกงพูดแต่มีหรือที่ซูกงกงจะไม่บอก หรงจิงขมวดคิ้วมุ่น ยามสนทนากับโหรวผินก็ใจคอเลื่อนลอย
เซียงฉือคุกเข่าย้อนคิดไปนานา นางไม่รู้ว่าหรงจิงจะยอมคล้อยตามนางในครั้งนี้หรือไม่ แต่นางจะไม่ยอมถอย
คนที่ไม่สมควรตายก็ไม่ควรต้องเป็นเครื่องสังเวยพระราชอำนาจ เหมือนเช่นนางและบ้านสกุลอวิ๋น และนี่เป็นความปรารถนาในชีวิตของนาง
หรงจิงควรต้องเข้าใจนาง แต่เขาเป็นฮ่องเต้ จะยอมสยบให้กับคำพูดเด็กกะโปโลคนหนึ่งง่ายๆ ได้อย่างไร
เซียงฉือไม่กล้ามีความเพ้อฝันมากนัก จึงได้แต่คุกเข่าทำในเรื่องที่นางสามารถทำได้
หรงจิงกระสับกระส่ายทั้งคืน เขาเคยชินกับการผลัดกันเล่านิทานกับเซียงฉือในตอนกลางคืน คุ้นเคยกับการดำเนินชีวิตโดยมีเซียงฉือคอยนวดศีรษะให้ จู่ๆ ขาดเซียงฉือมาอยู่เป็นเพื่อนทำให้เขาปรับตัวไม่ค่อยได้
โหรวผินนั่งอยู่ข้างกายเขา นางปอกและแกะเมล็ดลิ้นจี่ที่ได้รับบรรณาการมาทีละผลส่งไปยังริมฝีปากหรงจิง
หรงจิงยิ้มแล้วกินเข้าไป เขาคลึงเรือนร่างอ่อนนุ่มของโหรวผินแล้วพูดยิ้มๆ
“ถ้าผู้หญิงทั้งหลายในโลกนี้นอบน้อมเชื่อฟังเหมือนเจ้า เราคงจะสบายใจได้”
หรงจิงทอดถอนใจ เซียงฉือเหมือนมีหนามคม หากเพียงมีเรื่องที่คล้ายคลึงกับเรื่องของบ้านสกุลอวิ๋น นางจะไม่สามารถควบคุมได้ ที่เขาโกรธเพราะเขารังเกียจอวิ๋นเซียงฉือที่ไม่ยอมเข้าใจเหตุผล
แต่พอได้ฟังคำพูดซูกงกงก็รู้สึกปวดใจ
โหรวผินเติบโตมาพร้อมหรงจิงตั้งแต่เล็กจึงเข้าใจเขาที่สุด การที่เขาพูดเช่นนี้คงเพราะมีอะไรอยู่ในใจ ไม่มีความลับอะไรในวังนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตำหนักอิงอู่แพร่ไปทั่วฝ่ายในอย่างรวดเร็ว ยังความริษยาให้เหล่าสตรีไม่น้อย
ทั้งยังมีหญิงสาวอีกไม่น้อยที่ฝันอยากจะได้ยกฐานะขึ้นเป็นหงส์ในทันทีเช่นเดียวกับอวิ๋นเซียงฉือ
แต่โหรวผินนั้นต่างออกไป นางรับรู้ถึงความอ่อนใจของฝ่าบาท ยิ่งไปกว่านั้นคือความสงสาร นางรู้เท่าทันความคิดของเขาและเพราะเขายังหาทางออกไม่ได้ นางจึงคิดจะพูดแทนเขาเพื่อทำให้เขาสบายใจ
ความริษยาวูบขึ้นในดวงตานางแวบหนึ่งก่อนจะสำรวมอย่างรวดเร็ว แล้วหัวเราะเบาๆ พูดว่า
“ฝ่าบาทคงไม่ได้ทรงถูกหนามกุหลาบตำมือ จึงได้รู้สึกเช่นนี้กระมังเพคะ”
“ดอกไม้มีสายพันธุ์มากมาย คนเราก็เหมือนกัน บ้างแข็งกร้าว บ้างน่ารัก บ้างเรียบร้อยงดงาม ขอพียงฝ่าบาทโปรดปรานก็เป็นวาสนาของนาง แต่ไม่ทราบว่าพี่น้องคนใดที่ทำให้ฝ่าบาทต้องใส่พระทัยถึงเพียงนี้เพคะ”
โหรวผินปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่หรงจิงหัวเราะไม่ออก เขามองโหรวผิน รู้ว่านางเข้าใจจิตใจของตนดีที่สุด จึงพูดว่า
“สตรีมีพันหน้าเราได้เรียนรู้แล้ว ยังคงมีเพียงเจ้าที่มั่นคงไม่เคยแปรเปลี่ยน เข้าใจเราที่สุด”
หรงจิงอุ้มเฉินหนานซู นางยิ้มปานบุปผาทาบมือลงบนไหล่ของหรงจิง ถูกหรงจิงอุ้มเข้าไปในห้องสำราญใจ
เซียงฉือจ้องแสงเทียนเบื้องหน้า นางรู้ดีว่าใดๆ ในโลกนี้เมื่อมีได้มาก็ต้องมีเสียไป ในเมื่อนางชื่นชอบหรงจิง ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเขาเป็นฮ่องเต้ นางต้องเป็นเหมือนดั่งแขนซ้ายขวาของเขา เป็นผู้หญิงที่เขาสามารถพึ่งพาได้และนางไม่ควรเอาแต่ใจตนเอง
ตอนที่ 583 ปรับความเข้าใจ
หรงจิงกลับตำหนักเจิ้งหยางหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เซียงฉือยังคงคุกเข่าอยู่ เขายืนดูนางอยู่ด้านหลังเป็นนาน และไม่อาจทนได้ในที่สุด
เมื่อเดินเข้าไป ดวงตาเซียงฉือแดงก่ำด้วยเส้นเลือดฝอย ใบหน้าชุ่มน้ำตา หรงจิงไม่อาจใจดำต่อไปได้ เขาขยี้เส้นผมนางแล้วพูดว่า
“เมื่อไรจะทำให้เราวางใจได้สักที ทำไมเจ้าจึงได้ดื้อนัก”
ขณะที่เซียงฉือเห็นหรงจิง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก็เกิดขึ้น นางกอดคอหรงจิงไว้ น้ำเสียงน้อยใจ
“หม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงสนใจหม่อมฉันแล้วเสียอีก ฝ่าบาทใจร้ายนักเพคะ”
เซียงฉือกอดคอเขาน้ำตาร่วงเปียกต้นคอหรงจิง ความเย็นเยือกนั้นทำให้เขายิ่งยากตัดใจ
คำพูดเปี่ยมเหตุผลและสัจธรรมวับวาวอยู่ในดวงตาเซียงฉือ นางกอดเขาแน่นอย่างหวาดหวั่น ทำให้ใจเขาอ่อนยวบลง
หรงจิงฟังความคับแค้นของนาง กอดนางแผ่วเบาแล้วอุ้มนางไปทางหนิงอวี้เก๋อ
เซียงฉือซุกอยู่ในอ้อมอกเขาสะอื้นเสียงแผ่ว หรงจิงลูบหลังนางเบาๆ หัวเราะเบาๆ พูดขึ้นว่า
“เรามีชื่อเสียงโดดเด่นมาทั้งชีวิต ทำไมจึงไม่สามารถใจแข็งกับเจ้าได้นะ”
เซียงฉือได้ยินคำพูดของเขาก็แอบยิ้ม นางรู้ว่าหรงจิงจะไม่ใจดำกับนาง นางกอดเขาไว้ไม่ให้เขาผละออก เมื่อทำเช่นนี้ต่างคนจึงไม่สามารถเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายได้
หรงจิงจนใจแต่ก็ชื่นชอบ เซียงฉือที่แลดูน่าสงสารกับรอยยิ้มบนริมฝีปาก
ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อเซียงฉือกอดจนเมื่อยแล้วจึงได้ปล่อยแขนลงทาบไว้กับอกหรงจิง ท่าทางน่าสงสารเหมือนลูกแมวเชื่องๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ
“ฝ่าบาททรงเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียวของหม่อมฉัน ฝ่าบาทอย่าทรงจากหม่อมฉันไปนะเพคะ หม่อมฉันตรองมาแล้วทั้งคืนและสำนึกผิดแล้วเพคะ”
ยิ่งฟังคำพูดนางหรงจิงก็ยิ่งสงสาร จึงพูดอย่างสงบว่า
“เอาล่ะๆ พูดแล้วยังร้องไห้อีก เราจะไม่จากเจ้าไปไหน ไม่มีวันตลอดไป”
“จิตใจเจ้าดีงามเกินไป ไม่อาจเผชิญกับเรื่องคละคลุ้งคาวเลือดพวกนั้นได้ เรารู้แล้ว”
เซียงฉือในอ้อมอกหรงจิงยิ่งน่ารัก ดวงตาฉลาดเฉลียวคู่นั้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา
“เป็นเพราะหม่อมฉันบังอาจเกินไป ต่อไปจะไม่ทำเรื่องให้ทรงลำบากพระทัยอีกแล้วเพคะ หม่อมฉันจะพิจารณาตัวเองให้ดีเพคะ”
หรงจิงกอดนางแน่นขึ้น เซียงฉือในอ้อมกอดยิ้มอย่างอ่อนโยน หรงจิงสัมผัสถึงกลิ่นที่คุ้นเคยจึงสูดดมเบาๆ
“เราคุ้นชินกับกลิ่นของเจ้าจนเหมือนเสพติดไปแล้ว ไม่สามารถเลิกได้ง่ายๆ เสียแล้วสิ”
เซียงฉือยิ้มจางๆ นางมองหรงจิงด้วยดวงตากระจ่างใส ดวงตานั้นเหมือนดั่งจะพูดได้ นางยิ้มแล้วพูดว่า
“ใจท่านเหมือนใจข้า ใจข้าสว่างไสวดุจจันทรา ฝ่าบาททรงควรเห็นถึงจิตใจหม่อมฉันดีเพคะ”