บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 207

ตอนที่ 207 ติดกับ 

 

 

ถึงแม้เซียงฉือจะชาญฉลาด แต่ในตอนนี้กลับไม่เข้าใจว่าสวี่อี้กำลังทำอะไร 

 

 

เมื่อถูกหลิวหมัวหมัวจับเอาไว้ มั่วมั่วก็ชะงักไปแล้วจึงหันหน้ากลับมาพูดขึ้นว่า 

 

 

“กุ้ยเฟยมีรับสั่ง บอกให้นางให้ความร่วมมือในการไต่สวนของกองคดีแต่โดยดี อย่าได้คิดคดในทางไม่ดีอีก” 

 

 

มั่วมั่วพูดออกไป นึกรังเกียจพวกหมัวหมัวกองคดีอยู่ในใจว่าหน้าเงินกันทุกคน จะผ่านประตูเข้าไปยังต้องใช้เงินมากขนาดนั้น ถ้านางรู้ก่อนว่าของนั้นเก็บไว้ในห้องหนังสือ จะมาที่นี่ให้ลำบากทำไม 

 

 

หลิวหมัวหมัวถึงจะรู้ว่าคำพูดของนางไม่น่าเชื่อถือสักเท่าใด แต่ก็พยักหน้าแล้วส่งนางออกไป 

 

 

หวังหมัวหมัวกลับมารายงานทันใด สวี่อี้เพียงพยักหน้า ส่วนเซียงฉือไม่รู้ว่านางกำลังปิดบังอะไรอยู่ แต่ท่าทางแบบคนมีแผนการไว้แล้วของสวี่อี้ ทำให้นางสบายใจขึ้น 

 

 

แล้วจึงตามนางออกไปจากที่เดิมโดยถูกนางจูงมือเดินไปข้างนอก 

 

 

มองดูมั่วมั่วที่ไปจากกองคดี แล้วหันหน้ากลับมาพูดยิ้มๆ 

 

 

“พวกเราไปรอที่ห้องหนังสือกันเถอะ” 

 

 

เซียงฉือมองดูสายตาที่เชื่อมั่นของนาง พลันรู้สึกว่านางกำลังเปล่งแสงระยิบระยับจริงๆ 

 

 

“ได้” 

 

 

สวี่อี้ดึงนางแล้ววิ่งหัวเราะกันไป พวกนางล้วนเป็นหญิงสาวจากตระกูลใหญ่ที่อยู่อย่างเคร่งครัดเสมอมา การได้ปล่อยตัวตามสบายสักครั้งทำให้รู้สึกเป็นสุข 

 

 

ความสุขที่ได้ออกนอกลู่นอกทางบ้างเช่นนี้เกินกว่าจะบรรยาย อากาศด้านนอกผสมกลิ่นไอดิน เพราะฝนเพิ่งจะตกผ่านไป ท้องฟ้ายามนี้จึงเหมือนกระจกหน้าต่างที่ถูกชำระล้างจนสะอาด งดงามไม่มีฝุ่นเกาะ 

 

 

“เจ้า ช่างร้ายกาจนัก” 

 

 

เพียงวิ่งไปไม่ทันไรก็ต้องหอบเบาๆ เมื่อเห็นสวี่อี้หายใจอย่างสงบ เซียงฉือถอนใจโดยไม่รู้ตัว กังฟูที่ฝึกมาตอนเด็กนั้น ดูเหมือนจะถดถอยไปเมื่อเข้ามาอยู่ในวัง 

 

 

จู่ๆ สวี่อี้ฉุดนางเข้าไปในมุมมืด แล้วมองไปยังเงามืดที่ส่งเสียงสวบสาบอยู่ไม่ไกล 

 

 

“นั่นมัน?” 

 

 

เซียงฉือส่งเสียงออกไปอย่างไม่ทันคิด จึงถูกสวี่อี้ปิดปาก 

 

 

“ชู่ว!” 

 

 

สายตานางดูเจ้าเล่ห์เหมือนนายพรานที่ชาญฉลาด เซียงฉือพยักหน้าแล้วมองตามนาง มั่วมั่วที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่ กำลังเดินเข้ามาจากประตูเล็ก ย่อตัวค่อยๆ ย่องเท้าเบาๆ เข้าไปในห้อง 

 

 

ประตูห้องหนังสือมีแม่กุญแจขัดไว้อย่างเห็นได้ชัด นางเห็นช่องหน้าต่างที่ถูกลมพัดอ้าอยู่ช่องหนึ่ง จึงมุ่งเข้าไป แล้วเปิดออกอย่างเบามือ 

 

 

ด้านในมีเพียงความมืด นางจึงรวบกระโปรงแล้วกระโดดเข้าไป เด็กสาวคนนี้ถึงการแสดงจะไม่เท่าไหร่ แต่การกระทำเช่นนี้ดูคล่องแคล่วอย่างยิ่ง 

 

 

สวี่อี้ก็ตามไปทางด้านนั้นแต่ไม่ได้คิดจะตามเข้าไป เซียงฉือก็ไม่คิดจะตัดสินใจทำอะไรเองซึ่งทำให้เสียการทั้งหมดได้ 

 

 

มั่วมั่วคลำไปในความมืดด้านใน พวกนางมองดูอยู่ข้างนอกก็ไม่ได้เห็นชัดเจนนัก แต่เพียงไม่นาน มั่วมั่วก็เตรียมจะจากไป 

 

 

ขณะกำลังจะออกไป สวี้อี้ก็นำพวกหมัวหมัวล้อมนางไว้ทันที แล้วปิดปากนางไว้อย่างไม่ให้สุ้มเสียง จับนางเข้าไปในเรือนจำ จากนั้นสวี่อี้เปิดการสอบสวนนางทันทีเหมือนกับแผนการทุกอย่างที่นางวางไว้แล้ว 

 

 

มั่วมั่วถูกมัดอยู่กับม้านั่ง ปากนางถูกคลายออกแล้ว ดูตระหนกอย่างยิ่ง ตัวสั่นเทาอย่างตกใจไม่น้อย 

 

 

“มั่วมั่ว เจ้าแอบอ้างคำสั่งของกุ้ยเฟย และยังเขามาในที่ต้องห้ามของกองคดีเพื่อขโมยหลักฐานสำคัญอีก เจ้ารู้ไว้ด้วยว่าข้อหาพวกนี้เพียงข้อเดียวก็สามารถปลิดชีวิตของเจ้าได้แล้ว” 

 

 

“พูดมา มีคนบงการเจ้าอยู่ใช่หรือไม่!” 

 

 

“สารภาพชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังมา แล้วข้าจะละเว้นชีวิตเจ้า!” 

 

 

เซียงฉือยืนอยู่ข้างๆ สวี่อี้ ถึงจะไม่ได้เห็นซึ่งหน้า แต่ก็สามารถรู้สึกถึงอำนาจที่แผ่ออกมาจากสวี่อี้ได้

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset