เขาหันไปมองมายมิ้นท์
มายมิ้นท์ส่ายหน้าไปมา “ฉันก็ไม่รู้”
เธอเองก็แปลกใจเช่นกัน
ลาเต้เองก็รีบพูดขึ้นว่า “ใช่แล้วที่รัก พวกเราดูออกว่าการันต์น่ะจริงจัง อีกอย่างเขายังพูดอีกว่าจะเอาคนที่ทำร้ายเธอลงนรกให้หมด ส้มเปรี้ยวเองก็ทำร้ายเธอเหมือนกัน งั้นคงไม่ได้หมายความว่า เขาจะลงมือกับส้มเปรี้ยวหรอกนะ? แต่ว่าเขาเป็นคนของส้มเปรี้ยวไม่ใช่เหรอ?”
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ทามทอยจึงถามอีกว่า “ใช่ เมื่อครู่นี้ทำไมการันต์ถึงได้กอดเธอล่ะ?”
“จะอะไรอีก ก็ต้องตกหลุมรักความสวยของที่รักอยู่แล้ว” ลาเต้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล
จากนั้นก็ตบเข่าฉาดใหญ่ เหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “ฉันรู้แล้ว เป็นเพราะเขาตกหลุมรักในความสวยของที่รักแน่ ๆ เขาถึงบอกว่าจะปกป้องที่รัก”
มายมิ้นท์กับทามทอยพอได้ยินประโยคนี้ก็กลอกตามองบนพร้อมกันทันที
“จะเป็นไปได้อย่างไร” ทามทอยเอ่ยขึ้นอย่างหมดคำจะพูด “ถ้าการันต์มีใจให้มายมิ้นท์จริง ๆ คงจะมีให้ตั้งแต่เข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว จะรอจนถึงตอนนี้ทำไม?”
มายมิ้นท์พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว อีกอย่างฉันก็สัมผัสได้ ที่การันต์กอดฉันมันเป็นเพราะความตื่นเต้นต่างหาก เหมือนเป็นความตื่นเต้นที่หาคนสำคัญเจอ หรือเหมือนกับไม่ได้เจอเพื่อนมานานหลายปีแล้วอยู่ ๆ ก็ได้เจอหน้ากัน จนสุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องพุ่งเข้าไปกอดแบบนั้น”
“เธอพูดแบบนี้ ฉันคิดออกแล้ว” ทันใดนั้นทามทอยก็เบิกตากว้าง
มายมิ้นท์กับลาเต้หันไปทางเขาพร้อมกัน “นายคิดอะไรออก?”
ทามทอยตอบกลับว่า “พวกนายยังจำได้ไหม เมื่อครู่ที่การันต์พูดกับมายมิ้นท์ว่า เธอยังมีจิตใจดีเหมือนเดิมเลย นี่ก็แปลว่าเขาต้องรู้จักมายมิ้นท์มาก่อนแน่ ๆ เพียงแค่เพิ่งจะนึกออกเท่านั้นเอง”
“มิน่าล่ะ…..” มายมิ้นท์ยืดหลังตรง พร้อมกับลูบไปตรงไฝสีแดงที่ข้อมือโดยไม่รู้ตัว
ลาเต้รีบถามอีกว่า “ที่รัก เธอรู้อะไรอีกใช่ไหม?”
มายมิ้นท์ส่งเสียงตอบรับหนึ่งที “หลังจากที่พวกนายออกไป การันต์ถามฉันว่ามีไฝสีแดงเม็ดนี้ได้อย่างไร? แล้วก็ถามอีกว่าตอนสิบขวบเคยช่วยเด็กผู้ชายคนหนึ่งไว้ไหม ดูท่าแล้วเด็กผู้ชายคนนั้น คงจะเป็นเขาในตอนนี้”
ตอนที่เธออายุสิบขวบ วันนั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณแม่ เธอจึงเอารูปคุณแม่ออกมาดู แต่คาดไม่ถึงว่าแม่เลี้ยงเธอจะโกรธเพราะเรื่องนี้ หล่อนทุบตีเธอไปหลายที เธอจึงวิ่งออกจากบ้านด้วยความเสียใจ ก่อนจะตรงไปยังสวนสาธารณะที่คุณแม่ชอบ
จากนั้นพอไปถึงสวนสาธารณะ อยู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย พอเข้าไปดู ปรากฏว่ามีเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอตกลงไปในสระ ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก เด็กสาวจึงหาท่อนไม้มาท่อนหนึ่ง ก่อนจะยื่นให้เด็กชายแล้วช่วยเขาขึ้นมา แน่นอนว่ากว่าจะช่วยได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะยังเด็กอยู่มาก แรงก็ไม่ค่อยมี ตัวเธอเองก็เกือบจะตกลงไปในสระด้วยเช่นกัน โชคดีที่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ
เพียงแค่เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กชายคนนั้น จะเป็นการันต์
พอฟังมายมิ้นท์พูดจบ ทามทอยกับลาเต้ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจนทันที
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เธอเป็นผู้มีพระคุณของการันต์สินะ มิน่าล่ะเขาถึงได้กอดเธอแบบตื่นเต้นขนาดนั้น แถมยังจะปกป้องเธออีก” ทามทอยพูดพร้อมกับลูบคางไปมา
ลาเต้ฮึดฮัดเบา ๆ “ต่อให้เขาจะพูดแบบนั้น แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไปต่อกรกับส้มเปรี้ยวเพื่อที่รักจริง ๆ”
ทามทอยพยักหน้าเห็นด้วย “นี่ก็ใช่ เขาดีกับส้มเปรี้ยวมากจริง ๆ ราวกับว่าเขาสามารถสละทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้หล่อนได้”
มายมิ้นยิ้มออกมาเล็กน้อย “พวกนายจะกังวลอะไร ฉันกับการันต์เดิมทีก็ไม่ได้สนิทสนมกันอยู่แล้ว ต่อให้ฉันจะเคยช่วยเขาไว้ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะให้เขาตอบแทนอะไร เมื่อก่อนไม่มี ตอนนี้ก็ไม่มีเช่นกัน แล้วฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะผูกมิตรกับเขาสักหน่อย เพราะงั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับฉันอยู่แล้ว”
“พูดอีกก็ถูกอีก” ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
หลังจากนั้น มายมิ้นท์ก็ออกจากโรงพยาบาล
ในตอนที่เธอเพิ่งก้าวเท้าออกไป ฝั่งเปปเปอร์ก็ได้รับข้อความต่อ
“เข้าใจแล้ว” เปปเปอร์กดวางสาย ก่อนจะเรียกผู้ช่วยเหมันตร์เข้ามา
“ประธานเปปเปอร์ มีอะไรให้รับใช้เหรอครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์เอ่ยถาม
เปปเปอร์นวดขมับเบา ๆ “เงินที่ เทนเดอร์กรุ๊ปกู้จากธนาคารแต่ละแห่งก่อนหน้านี้ คุณสรุปรวมเรียบร้อยรึยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ เงินกู้จากธนาคารรวมทั้งหมดอยู่ที่ 1.2 พันล้านครับ หากรวมดอกเบี้ยเข้าไปด้วยก็จะเท่ากับ 1.5 พันล้าน” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ
เปปเปอร์พยักหน้า “ช่วย เทนเดอร์กรุ๊ปคืนเงินทั้งหมด เดินเรื่องเป็นบัญชีจากต่างประเทศ”
ทำแบบนี้ มายมิ้นท์จะได้ไม่รู้ว่าเป็นพวกเขาที่ช่วยคืนเงิน
เงินส่วนนี้ ถือเป็นค่าที่เขาต้องชดใช้ให้กับเธอ เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากวันนี้จะเอาไปให้ แม้เธอจะบอกเขาว่าไม่ต้องรับผิดชอบ แต่เขาจะไม่รับผิดชอบจริง อย่างไรก็ต้องเอาเด็กออกอยู่ดี ดังนั้น เขาก็จะเดินตามแผนเดิมที่เคยวางไว้
“รับทราบครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้ารับ
เปปเปอร์รับคำ ก่อนจะถามต่อว่า “ไม่ใช่ว่าส้มเปรี้ยวมาแล้วเหรอ? ให้เธอเข้ามาเถอะ”
“เอ่อ….คุณส้มเปรี้ยวเธอออกไปแล้วครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบพร้อมกับลูบจมูกเบา ๆ
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “ไปแล้ว?”
“ครับ”
เปปเปอร์ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไร้ปากกาเบา ๆ “เป็นเพราะผมไม่ได้ให้เธอเข้ามาทันทีเหรอ เธอเลย…..”
“ไม่ใช่ครับ เธอรับสายสายหนึ่งก่อนจะออกไปครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหน้า
“สายจากใคร?” เปปเปอร์ถามกลับ
ผู้ช่วยเหมันตร์ยกไหล่ “ไม่แน่ใจครับ แต่สีหน้าของคุณส้มเปรี้ยวดูไม่ค่อยดีเท่าไร เหมือนทำเรื่องอะไรสักอย่างไม่สำเร็จ”
นัยน์ตาเปปเปอร์เย็นยะเยือกไปชั่วครู่ ชายหนุ่มลูบคางตัวเองไปมา “เข้าใจแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ”
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์รับคำ ก่อนจะเดินออกไป
เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็กดโทรหาส้มเปรี้ยวทันที
ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย ตามด้วยเสียงของส้มเปรี้ยว “เปปเปอร์ โทรหาฉันมีอะไรรึเปล่า?”
น้ำเสียงของเธอยังคงอ่อนหวานและนุ่มนวลเหมือนปกติ ท่าทีราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ทว่าเปปเปอร์กลับรู้สึกว่ามันดูจอมปลอมอย่างน่าประหลาด ชายหนุ่มเม้มปากเบา ๆ ก่อนจะถามขึ้นว่า “ เหมันตร์บอกว่า คุณรับสายไม่ดีสายหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
ส้มเปรี้ยวยืนอยู่หน้าห้องรับรอง นัยน์ตามืดครึ้ม แต่กลับตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เปปเปอร์ไม่ต้องเป็นห่วง”
เปปเปอร์รับคำ “งั้นก็ดี”
ส้มเปรี้ยวอึกอักเล็กน้อย
คนคนนี้คืออะไร ต่อให้เธอจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันก็เป็นสายที่ไม่ดีจริง ๆ นะ เขาไม่คิดจะถามให้ชัดเจนกว่านี้เลยรึอย่างไร?
เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายซื่อตรงขนาดนี้?
แม้ในใจจะคิดอย่างนั้น แต่ส้มเปรี้ยวก็ไม่ได้พูดออกไป
ไม่อย่างนั้นถ้าเธอพูดไปว่า ‘คุณไม่คิดจะถามฉันต่อหน่อยเหรอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่’ แบบนี้มันจะไม่ดูงี่เง่าเกินไปหน่อยเหรอ?
เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
ส้มเปรี้ยวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามข่มอารมณ์น้อยใจไว้ข้างใน ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “เปปเปอร์ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการนิดหน่อย ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันวางก่อนนะ ฉันต้องไปพบเพื่อนคนหนึ่งน่ะ”
เปปเปอร์พยักหน้ารับ “ได้”
หลังจากวางสาย ส้มเปรี้ยวก็รู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ไหว
เธออุตส่าห์บอกว่าจะไปเจอเพื่อนคนหนึ่ง เขาก็ยังไม่ถามอีก ว่าเพื่อนคนนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
เขาไว้ใจเธอขนาดนี้เลยเหรอ?
ส้มเปรี้ยวกระทืบเท้าด้วยความโมโหไปหนึ่งที ก่อนจะออกแรงผลักประตูห้องรับรองเข้าไป
การันต์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยิ้มให้เธอ ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงแววตา “ส้มเปรี้ยว คุณมาแล้ว”
ส้มเปรี้ยวไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ เธอปิดประตูจากนั้นก็ก้าวเข้าไป “การันต์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคุณถึงล้มเหลวล่ะ?”
“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ” การันต์ตอบพร้อมกับนัยน์ตาเป็นประกาย
ส้มเปรี้ยววางกระเป๋าลงด้วยความไม่พอใจ “เพราะงั้นตอนนี้มายมิ้นท์ก็แค่ไม่มีเด็กในท้องแล้ว แต่ตัวเธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ เด็กในท้องของเธอก็ยังอยู่ ผมยังไม่ได้ผ่าตัดเลยด้วยซ้ำ” การันต์มองไปที่เธอพร้อมกับดันกรอบแว่นที่เปลี่ยนมาใหม่
เธอในตอนนี้เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ท่าทางโกรธจนแทบจะทนไม่ไหว ชายหนุ่มได้แต่คิดว่าช่างน่าขันเสียจริง
หากเป็นเมื่อก่อน เวลาเธอโมโหแบบนี้เขาคงจะรีบวิ่งเข้าไปปลอบ แต่พอเป็นตอนนี้ เขาล่ะอยากจะพุ่งเข้าไปตัดคอเธอจนแทบทนไม่ไหว อยากเอาชีวิตของเธอมา ในเมื่อเธอกล้าหลอกลวงเขา คิดร้ายต่อเทพธิดาของเขา
“การันต์คุณว่าอะไรนะ? คุณไม่ได้ผ่าตัดมายมิ้นท์ด้วยซ้ำ?” ส้มเปรี้ยวกำมือแน่น พร้อมกับจ้องไปที่การันต์ด้วยแววตาเชือดเฉือน “คุณจะทำอะไรกันแน่? ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ คุณทำแบบนี้แล้ว คุณชดใช้ให้ฉันไหวเหรอ?”