ดูสิ นี่คือสิ่งที่ไม่เหมือนกันครับ
เมื่อได้ยินว่าคุณมายมิ้นท์เป็นคนมอบให้ แม้แต่อารมณ์โกรธก็จางหายจนหมดสิ้น
“มายมิ้นท์เป็นคนมอบให้?”เปปเปอร์จับปากกาที่อยู่ในมือแน่น แววตาเผยความดีใจออกมาเล็กน้อย
ผู้ช่วยเหมันตร์เห็น จึงรีบนำกล่องที่อยู่ในมือกองนั้นยื่นให้กับเขา พลางแกล้งถามขึ้นว่า:“ประธานเปปเปอร์ แล้วของพวกนี้คุณต้องการไหมครับ?หากคุณไม่ต้องการ ผมก็จะนำไปมอบให้กับฝ่ายการเงิน”
เขาไม่เชื่อว่าประธานเปปเปอร์จะให้ทำแบบนั้น
“เอาวางไว้ข้างๆเถอะ”เปปเปอร์เงยคางขึ้น พลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
เป็นอย่างที่คิดไว้ ผู้ช่วยเหมันตร์อดยิ้มไม่ได้ พลางพยักหน้า“ครับ”
เขาเดาถูกจริงๆ ประธานเปปเปอร์รับไว้จริงๆ
อีกทั้งในใจของประธานเปปเปอร์ก็ดีอกดีใจจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ใบหน้าก็ยังแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย ไม่เห็นจำเป็นเลย
หลังจากที่วางของบำรุงร่างกายไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์ก็เตรียมที่จะออกไป
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น
ผู้ช่วยเหมันตร์หยิบออกมาดู พนักงานต้อนรับโทรมา“ประธานเปปเปอร์ ผมขอรับโทรศัพท์นะครับ ”
เปปเปอร์อึมหนึ่งที สายตาตกอยู่ที่กองของบำรุงร่างกายกองนั้นด้วยแววตาอ่อนโยน
ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนสะอื้น
เขาคิดว่า หากเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ประธานเปปเปอร์จะต้องรีบเข้าไปดูอย่างแน่นอน
แต่ว่าผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้มองดูนาน รีบไปรับโทรศัพท์ทันที
สองนาทีถัดมา เขาวางโทรศัพท์ลง “ประธานเปปเปอร์ คุณส้มเปรี้ยวมาครับ”
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว“หล่อนมาทำไง?”
“ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันครับ แต่ว่าน่าจะเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของท่าน”สายตาของผู้ช่วยเหมันตร์มองไปยังเก้าอี้รถเข็นของเขา
เปปเปอร์คลึงที่หว่างคิ้ว“ให้หล่อนขึ้นมาเถอะ”
“ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์นำโทรศัพท์กลับไปวางแนบหูอีกครั้ง แล้วสื่อสารกับคู่สายตรงข้าม
ผ่านไปไม่นาน คุณส้มเปรี้ยวก็ขึ้นมา
“คุณเปปเปอร์ ได้ยินมาว่าคุณได้รับบาดเจ็บที่ขา เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ ?”เมื่อหล่อนเข้ามาก็รีบถามขึ้น
เปปเปอร์ยกแก้วกาแฟขึ้นพลางจิบหนึ่งอึก“เกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อยครับ”
“จริงเหรอคะ?”คุณส้มเปรี้ยวมองไปที่ขาของเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “เกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรกันแน่?”
เปปเปอร์วางกาแฟลงพลางตอบกลับ:“ขาแพลงนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ยังไงคะ ตอนที่ฉันทราบว่าคุณได้รับบาดเจ็บ ฉันตกใจจนสติแทบหลุด ไม่ได้ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าบาดแผลคุณเป็นยังไงบ้าง”ขณะที่พูด คุณส้มเปรี้ยวก็คุกเข่าลง อยากที่จะเปิดขากางเกงของเปปเปอร์เพื่อตรวจเช็กบาดแผล
เปปเปอร์เห็นสถานการณ์เช่นนั้น คิ้วก็ขมวดแน่น พลางผลักหล่อนออก
คุณส้มเปรี้ยวไม่ทันระวังถูกเขาผลักจนก้นกระแทกพื้น นั่งอยู่ที่พื้นมองไปที่เขาอย่างมึนๆ
เขาผลักหล่อนอย่างคาดไม่ถึงมาก่อน!
“คุณเปปเปอร์……”คุณส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจ
เปปเปอร์ก็รับรู้ได้อย่างอัตโนมัติว่าการกระทำของตนเมื่อสักครู่นี้ไม่ถูกต้องนัก ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อย ยื่นมือออกไปเพื่อดึงหล่อนขึ้นมา“ขอโทษนะครับส้มเปรี้ยว ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวผมอย่างพลการ”
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ข้างๆและไม่ได้เอ่ยอะไรมาโดยตลอด เมื่อได้ยินคำพูดนี้จึงเหลือบตาขาวอย่างจนปัญญา
ประธานเปปเปอร์ อะไรที่เรียกว่าไม่ชอบให้คนแตะต้องตัวเหรอ เมื่อคืนวานนี้คุณมายมิ้นท์ก็เปิดขากางเกงของเขาออกมาไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นคุณก็ไม่ได้พูดแบบนี้นะ และก็ไม่ได้ผลักคุณมายมิ้นท์ด้วย
คุณไม่ชอบให้คุณส้มเปรี้ยวแตะต้องตัวมากกว่ามั้ง
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่กล้าพูดออกมา
ดังนั้น เขาจึงยังคงยืนอยู่ข้างๆ เผือกอยู่อย่างเงียบๆดีกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ”คุณส้มเปรี้ยวเม้มริมฝีปาก ฝืนยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ฉันก็บุ่มบ่ามเกินไป อยากที่จะดูบาดแผลของคุณ ดังนั้นก็เลยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคุณเปปเปอร์ คุณเปปเปอร์ก็อย่าได้ถือโทษโกรธฉันเลยนะคะ”
เปปเปอร์อึมหนึ่งที“วางใจเถอะ ผมไม่โทษคุณ แผลของผมเล็กน้อย อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว คุณไม่ต้องเครียดหรอกครับ”
ขณะที่พูด เขาก็เหลือบมองผู้ช่วยเหมันตร์หนึ่งที
ผู้ช่วยเหมันตร์ก็รู้ดีว่าตนเผือกอยู่อย่างเงียบๆต่อไปไม่ได้แล้ว จึงกระแอบเบาๆหนึ่งทีพลางลุกขึ้นแล้วพูดว่า:“ใช่ครับคุณส้มเปรี้ยว คุณหมอก็บอกแล้วว่า บาดแผลของประธานเปปเปอร์ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้างั้นฉันก็วางใจ”คุณส้มเปรี้ยวตบที่หน้าอก
“ประธานเปปเปอร์ งั้นผมขอตัวออกไปก่อนนะครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์ขยับตา พลางพูดขึ้นกับเปปเปอร์
เปปเปอร์พยักหน้า“ไปเถอะ”
“ถ้างั้นท่านกับคุณส้มเปรี้ยวก็ค่อยๆคุยกันนะครับ”พูดจบ ผู้ช่วยเหมันตร์หันหลังแล้วเดินจากไป
ในห้องทำงานเหลือเพียงคุณส้มเปรี้ยวกับเปปเปอร์สองคนเท่านั้น
สายตาของคุณส้มเปรี้ยวเคลื่อนไหวเล็กน้อย จู่ๆก็มองเห็นกล่องๆหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ บนกล่องโลโก้ของบริษัทCติดอยู่
“ในนั้นมีอะไรเหรอคะ?”หล่อนหยิบกล่องนั้นขึ้นมาอย่างสนอกสนใจ
เปปเปอร์อยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทัน หล่อนเปิดกล่องนั้นเรียบร้อยแล้ว
“ว้าว เป็นนาฬิกาคู่รักตัวใหม่ของบริษัทC”คุณส้มเปรี้ยวมองไปยังกล่องที่มีนาฬิกาเรือนเล็กและเรือนใหญ่อย่างละหนึ่งเรือน พลางถามขึ้นด้วยความดีใจ“คุณเปปเปอร์ คุณซื้อมาเมื่อไหร่เหรอคะ?ก่อนหน้านี้ฉันก็อยากที่จะซื้อ และใส่คู่กันกับคุณ แต่ว่าแย่งซื้อไม่ทัน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะแอบซื้อ”
หล่อนพูดพลาง วางกล่องลงพลาง จากนั้นหยิบนาฬิกาผู้หญิงออกมาจากกล่อง ขณะกำลังหยิบมาใส่ที่ข้อมือ
เปปเปอร์ก็หยิบกลับมา“ของนี่ไม่ได้จะมอบให้คุณ”
รอยยิ้มบนสีหน้าของคุณส้มเปรี้ยวแข็งทื่อ เห็นเขานำนาฬิกาผู้หญิงกลับเข้าไปวางในกล่อง สีหน้าเปลี่ยนรูปทรงอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้มอบให้ฉัน แล้วจะมอบให้ใครคะ?”หล่อนกำฝ่ามือแน่น กดทับความโกรธที่อยู่ในใจ พยายามที่จะทำเสียงให้เป็นปกติ
ให้มายมิ้นท์ครับ!
ในหัวของเปปเปอร์ผุดคำตอบนี้ขึ้นมาทันที ทำให้ตัวเขาก็รู้สึกตกใจ
แต่ว่าไม่นาน เขาก็คิดได้ว่านาฬิกาเรือนนี้เขากับมายมิ้นท์ได้มาเพราะฝ่าอันตรายร่วมกันมา มอบให้กับมายมิ้นท์ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจของเปปเปอร์ก็สงบลง ก้มหน้าลงพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า:“ช่วยเพื่อนคนหนึ่งซื้อครับ ดังนั้นคุณจะใส่ไม่ได้ ถ้าคุณอยากได้ เดี๋ยวผมซื้อเรือนอื่นให้นะครับ ”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”คุณส้มเปรี้ยวเห็นเขาพูดอย่างตั้งใจ ความรู้สึกโกรธในใจก็ค่อยๆคลายลง พลางยิ้มขึ้น
หล่อนยังคิดว่า เขาจะซื้อให้มายมิ้นท์ซะอีก
“แต่ว่า คุณเปปเปอร์ คุณก็จริงๆเลย ช่วยเพื่อนซื้อก็ไม่รู้จักซื้อให้พวกเราสักเซตหนึ่ง”คุณส้มเปรี้ยวกอดไหล่ของเปปเปอร์ ออดอ้อนอย่างไม่พอใจนัก
เปปเปอร์ดึงมือออกมาเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น “ผมคิดไม่ถึงเองครับ”
“พอได้แล้วค่ะ ฉันให้อภัยคุณแล้ว”คุณส้มเปรี้ยวยิ้มพลางพูดขึ้น
เปปเปอร์ปิดกล่องนาฬิกาลง พร้อมนำนาฬิกาใส่ไว้ในลิ้นชักด้วยท่าทางอ่อนโยน
เมื่อคุณส้มเปรี้ยวมองเห็น ก็ไม่ได้คิดมาก คิดเพียงว่าเป็นของๆเพื่อน อ่อนโยนหน่อยอย่าทำพังก็เป็นเรื่องปกติ
อีกทางด้านหนึ่ง มายมิ้นท์ได้ยินว่าเลขาซินดี้ได้นำของบำรุงมอบให้กับเขาแล้ว ก็อึมหนึ่งทีเพื่อบอกเป็นนัยว่ารับทราบแล้ว และก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ในเมื่อของบำรุงก็มอบให้แล้ว ก็แสดงว่าบุญคุณเมื่อคืนวานของเปปเปอร์เธอได้ชดเชยให้กับเขาแล้ว เธอไม่ได้ติดค้างอะไรเขาแล้ว
สำหรับความช่วยเหลือในครั้งอื่นๆ ก็ล้วนเป็นเพราะคุณส้มเปรี้ยวต้องการทำร้ายเธอ ในฐานะที่คุณส้มเปรี้ยวเป็นว่าที่ภรรยาของเขา การที่ออกมาช่วยเธอก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว?
ดังนั้น เธอจึงไม่ติดค้างอะไรเขา
“ที่รัก”น้ำเสียงของลาเต้ดังออกมาจากห้องทำงาน
มายมิ้นท์เงยหน้ามองขึ้นไปพลางยิ้ม“คุณมาได้ยังไงคะ?”
“ก็มาผ่าตัดเป็นเพื่อนคุณไงครับ คุณคงไม่ลืมหรอกนะ?”ลาเต้ปล่อยมือออกจากบานประตู ยกเท้าขึ้นพลางเดินเข้าไป
มายมิ้นท์พิงไปที่ผนังเก้าอี้“ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงตอนกลางวันเลย ทำไมคุณถึงได้มาเร็วจังคะ”
“พอดีไม่มีธุระอะไร ก็เลยรีบมาก่อน ”ลาเต้ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกพลางนั่งลง มองไปยังโต๊ะทำงานของเธอ “ฉันยังทำธุระไม่เสร็จเลยค่ะ?”
“จัดการงานของวันมะรืน”มายมิ้นท์พลิกเอกสารพลางตอบกลับ
ลาเต้กำลังจะถามว่าอยากจะให้ช่วยไหม จู่ๆก็มองเห็นการ์ดเชิญแผ่นหนึ่ง จึงยื่นมือออกไปแล้วหยิบขึ้นมาดู “ที่รัก คุณก็ได้รับบัตรเชิญงานประมูลเหมือนกันเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้บอกคุณเหรอคะ?”มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมองเขา
ลาเต้เม้มริมฝีปาก“แน่นอนว่ายังไม่ได้บอก ถ้าคุณบอกแล้ว ผมจะถามคุณทำไมครับ?”
มายมิ้นท์ยิ้ม“งั้นฉันก็คงลืมค่ะ ใช่แล้ว คุณแพลนที่จะบริจาคอะไรเหรอครับ?”
“ภาพอักษรจีนสมัยยุคใกล้หนึ่งรูปครับ ราคาก็ประมาณแสนกว่าหยวน แล้วคุณล่ะ?”ลาเต้วางการ์ดเชิญลงพลางถามกลับ
มายมิ้นท์บิดขี้เกียจ“ฉันแพลนที่จะบริจาคเครื่องประดับค่ะ แต่ว่าเมื่อหกปีก่อนเครื่องประดับของฉันถูกพวกแม่เลี้ยงเอาไปหมดแล้ว ตลอดหกปีที่อยู่ตระกูลนวบดินทร์ก็ไม่ได้ซื้อเลย เครื่องประดับที่ซื้อมาช่วงนี้ฉันก็ต้องใช้ ไม่ได้มีมากพอที่จะบริจาค ก็เลยแพลนที่จะซื้อสร้อยสักเส้นเพื่อบริจาคค่ะ”