หลินเทียนเจ๋อมึนไปพักนึ่ง แล้วคืนสติกลับมา นี่เป็นการที่เถียนหวาคิดจะชิงเอาทรัพย์สินตระกูลหลิน จากกลุ่มพันธมิตรของหยางเฉิน ถึงเขาจะยังไม่รู้ชัดในรายละเอียดว่าทำไมเถียนหวากล้าทำขนาดนี้ แต่ในใจก็รู้สึกชอบใจอยู่
สถานการณ์จริง ๆ ในวันนี้ การคิดจะปกป้องตระกูลหลินไว้ให้อยู่ ดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้
เถียนหวานำกำลังมาเพียงแค่สองคน ยังกล้าเข้ามาที่นี่ได้ อีกยังจะชิงเอาทรัพย์สินตระกูลหลินไป ดูแล้วต้องมีแรงหนุน
ต่างก็อยู่ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูด้วยกันมานานแล้ว ทุกอย่างต่างรู้ ๆ กันอยู่หมด
และด้วยการวางตัวสมถะของตระกูลเถียน ถ้าเบื้องหลังไม่มีคนระดับใหญ่จริงสนับสนุน ตระกูลเถียนจะไม่แสดงความกร่างขนาดนี้ออกมาเป็นแน่
ไหน ๆ ตระกูลหลินก็จะถูกยึดแล้ว ถ้าสร้างความขัดแย้งระหว่างตระกูลเถียนกับหยางเฉินได้ ทำไมเขาจะไม่คิดทำ?
ถ้าทำได้อย่างนั้น ก็จะเป็นการเพิ่มค่าจำกัดการรอดชีวิตของเขาได้มากขึ้น
“ลูกชายของเจ้าบ้านเถียน ต้องตายไปด้วยเหตุการณ์จากแผนของตระกูลหลินจริง หนี้ก้อนนี้ ผมขอยอมรับ!ฉะนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไป ในเยี่ยนตูจะไม่มีตระกูลหลินเหลืออยู่ ทุกสิ่งที่เป็นของตระกูลหลินแต่เดิมมา ผมขอยกให้เป็นของเจ้าบ้านตระกูลเถียนทั้งหมด”
หลินเทียนเจ๋อไม่มีอะไรต้องลังเลอีก หยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจะลงลายเซ็นชื่อของตัวเองไป
เวลาในขณะนี้แค่เพียงให้ทรัพย์สินตระกูลหลินเปลี่ยนมือไป ก็เป็นเรื่องพิพาทกันเองของหยางเฉินกับตระกูลเถียนแล้ว เขาก็จะได้ถือโอกาสเอาตัวรอดออกไป
“ปัง!”
หลินเทียนเจ๋อเพิ่งจะจับปากกา ตัวทั้งตัวนิ่งอยู่กับที่ในฉับพลัน กลางแสกหน้าระหว่างคิ้ว เกิดเป็นรูขนาดพอดีให้เลือดไหล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดนั้น ไม่มีใครคาดคิดถึงได้มาก่อน
แม้แต่หยางเฉินเอง ก็หันมองไปที่ซุนซวี่ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
ในขณะนั้น ซุนซวี่ถือปืนพก ปากกระบอกปืนส่องไปที่หัวสมองของหลินเทียนเจ๋อ ควันปืนลอยพลิ้วเป็นสีคล้ำเขียว
มือที่กำปืนของซุนซวี่ สั่นอยู่ไม่หยุด
ชัดเจนว่า กาลั่นไกไปครั้งนี้ สำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องที่เหลือจะลำบาก
เสียงดัง “ปึง” ร่างของหลินเทียนเจ๋อล้มลงกับพื้น ตายตาไม่หลับ
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ
ความรู้สึกบนหน้าของเถียนหวาตึงเครียด หันขวับไปมองหน้าซุนซวี่ นัยน์ตาส่อเห็นแววฆ่าที่มุ่งมั่น “ซุนซวี่ แกถึงขนาดกล้าลงมือฆ่าเจ้าบ้านตระกูลหลิน!”
ซ่งชิงซานก็ตะลึงงันกับที่ เขาจะยังไงก็คิดไม่ถึง ในสถานการณ์อย่างนี้ ซุนซวี่จะยิงปืนฆ่าหลินเทียนเจ๋อได้
ซุนซวี่สะบัดหน้าหันไปจ้องเถียนหวา ตาที่แดงก่ำทั้งคู่ เต็มไปด้วยความโหด “เถียนหวา ข้าจะฆ่าหลินเทียนเจ๋อหรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”
“หลินเทียนเจ๋อได้ตกลงจะยกทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหลินให้ตระกูลเถียน เพื่อเป็นการชดใช้ที่เขาใช้อุบายทำให้ลูกของข้าต้องตายไป แกฆ่าเขาตายไป ทรัพย์สินตระกูลหลินจะจัดการยังไง?”
เถียนหวาถามไปด้วยอารมณ์โกรธ
ซุนซวี่แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าบ้านเถียน คนจริงพูดกันเรื่องชัดเจน ตามสภาพความจริงในเวลานี้ คุณคิดว่าตระกูลหลินยังมีอยู่อีกหรือ?”
“ในเมื่อไม่มีตระกูลหลินอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลหลิน ก็ต้องเป็นของคุณหยาง!”
“ในเมื่อเป็นของของคุณหยาง คุณมีคุณสมบัติอะไรจะมาอ้างสิทธิ์?”
เถียนหวาโกรธขึ้นมาสุดขีด “แกรนหาที่ตาย!”
ซุนซวี่ไม่ไปใส่ใจเถียนหวาอีก ฝืนเก็บกดความหวาดกลัวของตัวเองไว้ สายตาหันไปที่หยางเฉิน ฝืนกัดฟันพูดว่า “คุณหยางครับ ผมสำนึกผิดแล้ว ผมขอความกรุณาท่านให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังอีกเป็นเด็ดขาด!”
มาถึงนาทีนี้ ทุกคนจึงได้รู้แจ้งชัด ที่ซุนซวี่ยิงปืนฆ่าหลินเทียนเจ๋อ แท้ที่จริงก็ทำเพื่อแสดงความภักดีกับหยางเฉินนี่เอง
แต่ทว่า หยางเฉินก็เคยได้ปล่อยเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว มาครั้งนี้ เพราะการปรากฏตัวของเซวหยวนป้า ก็เลยทำให้เขาเกิดคันในอารมณ์ขึ้นมา ถึงขนาดกล้าไปร่วมมือกับตระกูลซ่งและตระกูลหลิน มาลงมือกับสายพันธมิตรของหยางเฉิน
หยางเฉินมองซุนซวี่ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก พูดชืด ๆ ไปว่า “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแก!”
ได้ยินดังนั้น ซุนซวี่ดีใจขึ้นมาทันที ตื่นเต้นจนผงกหัวไม่หยุดพูดแทบไม่เป็นศัพท์ไปว่า “ครับคุณหยาง ท่านวางใจได้ครับ ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนครับ!”
ตระกูลซุนกับตระกูลหลิน คงเหลือตระกูลซ่งแล้วตอนนี้
สีหน้าซ่งชิงซานเครียดคล้ำอย่างสุด ๆ เดิมยังคิดหวังกันไว้ว่ารวบรวมยอดฝีมือทั้งสามตระกูล แล้วบุกฝ่าออกไป ขอเพียงหลุดพ้นไปจากเยี่ยนตู อาศัยเงินทุนหลักทรัพย์ของพวกเขาทั้งสามตระกูล ใช้เวลาไม่นาน ยังคงย้อนกลับมาฟื้นตัวได้
แต่ ซุนซวี่ลั่นไกปืนออกไปนัดเดียว ทำลายแผนทั้งหมดอย่างหมดสิ้น
“ซุนซวี่ แกบังอาจฆ่าหลินเทียนเจ๋อ แกรู้ไหมว่าแกกำลังทำอะไร?”
ซ่งชิงซานตวาดถามอย่างเกรี้ยวกราด
เวลานี้ เขาแค้นใจจนอยากฆ่าซุนซวี่ให้ตายไปคามือ แต่อนิจจาตอนนี้เหลือเพียงตระกูลซ่ง เขาไม่มีทางที่จะไปรับมือกับพันธมิตรของหยางเฉินได้เลย
ซุนซวี่เย้ยเสียงหัวเราะ “ซ่งชิงซาน ข้าเข้าใจดีแน่นอนว่าข้ากำลังทำอะไร”
“ข้าก็อยากขอเตือนแกนะ ยังไงก็ยอมสวามิภักดิ์กับคุณหยางดีกว่า เยี่ยนตูในภายภาคหน้า คงมีแต่ท่านหยาง จึงจะเป็นคิงของพวกเรา!”
พูดจบ ซุนซวี่พูดด้วยความตื้นตันเต็มอก “ท่านหยาง ตระกูลซุนขอเทิดท่านให้เป็นคิงแห่งเยี่ยนตู”
เขารู้ดีถึงพลังฝีมือทียิ่งใหญ่ของหยางเฉิน ในเวลานี้ เป็นจังหวะที่เขาต้องเสนอหน้าแล้ว
นับแต่โบราณกาลมา ในเยี่ยนตูจะมีเพียงเก้าตระกูลราชวงค์ ส่วนตระกูลเดอะคิงทั้งห้านั้น ก็เป็นเพียงพวกกลุ่มที่เสื่อมอำนาจลงแล้วถูกถีบทิ้ง จึงได้มีตระกูลเดอะคิงเกิดขึ้น
ยังไม่เคยมีปรากฏเรื่องคิงแห่งเยี่ยนตู วันนี้ ซุนซวี่กลับผลักดันยกออกมาต่อธารกำนัล จะยกให้หยางเฉินเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู
เชื่อได้เลยว่า ทุกคนจะต้องตกตื่นกัน
หวงเจิ้งกับเย่หวาถึงกับตาเขม่น หากว่าเป็นไปจริงที่จะเกิดมีคิงแห่งเยี่ยนตู นั่นไม่กลายเป็นว่า จิ่วโจวต่อจากนี้ไป จะมีเพิ่มมาอีกหนึ่งตระกูลคิงหรือ?
ในใจของหลายคนต่างรู้สึกเคืองในความต่ำช้าไร้ยางอายของซุนซวี่ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
“ตระกูลหวง พร้อมยินดีเทิดให้คุณหยางเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู!”
หวงเจิ้งกลอกลูกตาไปรอบ ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“ตระกูลเย่ พร้อมยินดีเทิดให้คุณหยางเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู!”
ตามมาติด ๆ เย่หวาก็นำลูกบ้านตระกูลเย่ทั้งหมด คุกเข่าลงข้างหนึ่ง แสดงความสวามิภักดิ์ต่อหยางเฉิน
“ตระกูลอวี๋เหวิน พร้อมยินดีเทิดให้คุณหยางเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู!”
“ตระกูลเฉิน พร้อมยินดีเทิดให้คุณหยางเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู!”
“ตระกูลกวน พร้อมยินดีเทิดให้คุณหยางเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู!”
“ตระกูลหาน พร้อมยินดีเทิดให้คุณหยางเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู!”
……
“พรึบ พรึบ พรึบ !”
คนนับพันคน มีทั้งสี่ตระกูลเศรษฐีในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู กลุ่มตระกูลเศรษฐีที่รองจากสี่ตระกูลแห่งเยี่ยนตู ต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกัน ต่างคนต่างค้อมหัวที่เคยเชิดหยิ่งลง หันไปทางหยางเฉิน
ฉากเหตุการณ์นี้ สะท้านสะเทือนใส่ลึก ๆ เข้าไปในใจของเถียนหวาและซ่งชิงซาน
แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู มีสี่ตระกูลที่สวามิภักดิ์ต่อหยางเฉิน ตระกูลหลินล่มสลายไปแล้ว ก็คงเหลือตระกูลเถียนกับตระกูลซ่ง และยังอีกตระกูลหลงที่วางตัวสมถะยิ่งกว่าตระกูลเถียน
ตระกูลซ่งก็ตกลำบากเป็นจำเลยสังคม พูดได้ว่า แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ตอนนี้ก็คงเหลือแต่ตระกูลเถียนกับตระกูลหลง
ถ้าหากว่าหยางเฉินจะประกาศตัวเป็นคิง อาศัยเพียงตระกูลเถียนกับตระกูลหลง คงไม่สามารถทัดทานได้
หยางเฉินก็ไม่เคยคิดเลยว่าซุนซวี่จะนำพาคนมาเทิดยกตัวเขาขึ้นมาเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู
โดยตัวเขาเอง ก็ไม่คิดให้ถึงได้เลย ว่าจะเป็นคิงในหนึ่งอาณาจักร
เขามีแต่คิดจะให้ครอบครัวอยู่ได้อย่างสงบสุข ดำเนินกิจการธุรกิจของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างสบายใจ ขยายกิจการให้ขึ้นไปในระดับโลก เพื่อเป็นการช่วยให้บรรลุถึงเป้าประสงค์ของคุณแม่
แต่ คนอยู่ในวัฏจักรสังคม ยากจะเป็นตัวตนของตัวเองได้
เขาคิดเองที่จะอยู่อย่างสงบ แต่มีคนไม่คิดให้เขาอยู่สงบ
“คุณหยางครับ ดูคุณมีศักดานุภาพสูงมากเลยนะครับ ถึงขนาดจะตั้งตัวเป็นคิง หรือท่านมองเห็นตระกูลเถียนกับตระกูลหลงเราเป็นแค่เครื่องประดับเท่านั้น?”
ในเวลานั้นเอง เสียงแสดงออกถึงการประชดเหน็บแนมดังขึ้น
หยางเฉินหยีตามองไปที่เถียนหวา คนที่เพียงแค่พาบอดี้การ์ดมาสองคน ที่กล้าจะเข้ามาชิงเอาของที่กำลังจะเข้าปากของตนไป
ในขณะนั้นเอง รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาจอด
ผู้เฒ่าผมขาวเป็นเงินยวงคนหนึ่ง มีบอดี้การ์ดหลายคนเดินคอยประคอง ก้าวเดินเข้ามา