“คุณหยาง!”
เมื่อเห็นหยางเฉิน ทุกคนก็รีบลุกขึ้นยืน
ก่อนที่หยางเฉินจะมา บางคนยังไม่พอใจกับการที่หยางเฉินให้พวกเขารอ แต่หลังจากที่หยางเฉินมาแล้ว ไม่มีใครกล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย
“หยางเฉิน ข้าขอเตือนแกก่อนนะว่าให้รีบปล่อยข้าไป ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
เซวหยวนป้าที่ถูกหยางเฉินเอาตัวมา เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความละอาย
เขาผู้เป็นถึงเจ้าชายคนที่สามของตระกูลเซว ซึ่งมีตำแหน่งและอำนาจสูงส่งมาก แต่เขากลับถูกหยางเฉินบีบบังคับให้ซ่อนตัวเป็นเวลาหลายวัน และไม่สามารถออกไปจากเยี่ยนตูอีกด้วย
สิ่งสำคัญที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุดก็คือ หยางเฉินพาเขามาแสดงตัวต่อหน้าผู้คนมากมายนี้ ซึ่งเป็นการหักหน้าเขาอย่างที่สุด
เมื่อได้ยินเสียงของเซวหยวนป้า สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ตัวของเซวหยวนป้า
แต่ว่า นอกจากหยางเฉินแล้ว เหล่าเศรษฐีในนี้ไม่มีใครเคยเห็นเซวหยวนป้ามาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้จักสถานะตัวตนของเขาเลย
“คุณหยางครับ ไอ้หมอนี่คือใครครับ? ถูกทำร้ายขนาดนี้แล้ว ยังกล้าข่มขู่คุณอีกเหรอครับ?”
“ช่างเป็นคนโง่เขลาจริงๆ ที่กล้าดูถูกคุณหยาง ถ้าคุณหยางไม่ถือสา ผมสามารถช่วยคุณหยางฆ่าไอ้หมอนี่ได้นะครับ”
ผู้คนเริ่มพูดจาประจบสอพลอหยางเฉิน
“ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ!”
หวงเจิ้งเดินตรงเข้าไปแล้วตบหน้าเซวหยวนป้าไปหลายทีและพูดด้วยความโกรธว่า “ช่างกล้าข่มขู่คุณหยาง มึงอยากตายมากนักใช่ไหม?”
“กูจะบอกมึงนะ เหล่าทายาทตระกูลเศรษฐีของเยี่ยนตู ต่างก็เป็นผู้ติดตามของคุณหยางทั้งนั้น”
“มึงยังกล้าข่มขู่คุณหยางอีก รนหาที่ตายชัดๆ!”
“มองอะไร? มึงจะมองหน้ากูทำไม?”
เมื่อเห็นเซวหยวนป้ามองหน้า หวงเจิ้งก็ตบหน้าทั้งซ้ายและขวาของเซวหยวนป้าไปอีกหลายที กระทั่งเขารู้สึกเจ็บมือถึงจะหยุดลง
ส่วนแก้มของเซวหยวนป้าก็แดงและบวมช้ำขึ้นมาทันที
“คุณหยางครับ ไอ้หมอนี่มันกล้าข่มขู่คุณ สงสัยมันอยากตายมาก ถ้าคุณหยางไม่ถือสา ผมขอเอาตัวมันไปฝังทั้งเป็นะครับ?”
เย่หัวก็เดินเข้ามาและพูดด้วยสีหน้าประจบสอพลอ
หลังจากนั้น เขายังถ่มน้ำลายใส่หน้าเซวหยวนป้าและพูดอย่างชั่วร้ายว่า “มึงมองอะไร เดี๋ยวก็ควักลูกตาทิ้งซะหรอก!”
เซวหยวนป้าโกรธจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ทำได้เพียงอดทนไว้
เขารู้ดี การที่หยางเฉินพาเขามาที่นี่ จุดประสงค์ก็คือการทำให้เขาอับอายขายหน้า แต่โชคดีที่คนในนี้ไม่รู้จักตัวตนของเขา
เพราะถ้าผู้คนรู้ว่าเขาคือเจ้าชายสามของตระกูลเซว เขาจะต้องขายหน้าไปยังรากเหง้าตระกูลอย่างแน่นอน
“เจ้าชายตระกูลเซว คุณกลายเป็นคนถ่อมตัวตั้งแต่เมื่อไหร่? โดนด่าโดนทำร้ายแต่ไม่บ่นสักคำเลย?”
ทันใดนั้น หยางเฉินก็มองไปที่เซวหยวนป้าแล้วถามอย่างติดตลก
ดวงตาของเซวหยวนป้าเบิกกว้างทันที เขาไม่นึกเลยว่าหยางเฉินจะเปิดเผยสถานะตัวตนของเขาต่อหน้าสาธารณะแบบนี้ และเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงตะโกนออกมาว่า “หยางเฉิน แกกล้าดูถูกข้างั้นเหรอ ข้าผู้เป็นเจ้าชายจะสู้กับแกให้ถึงที่สุด!”
“ผั๊วะ!”
เขายังไม่ทันได้ทำอะไร แต่หยางเฉินก็ลงมือก่อนแล้ว เขาตบไปที่ใบหน้าของเซวหยวนป้าด้วยความแรง และฟันของเซวหยวนป้าก็หักออกไปสองซี่
“เจ้าชายงั้นเหรอ? ต่อหน้าผม ใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย?”
ด้วยการตบของหยางเฉินก่อนหน้านี้ ทำให้เซวหยวนป้าถึงกับล้มลงกับพื้น และในขณะนี้ เท้าของหยางเฉินก็เหยียบไปที่กลางอกของเซวหยวนป้า
จากนั้นพูดต่ออย่างดุเดือด “คุณส่งคนไปลอบสังหารเหล่าหัวหน้าตระกูลในเยี่ยนตู ตอนนี้ก็ตกเป็นนักโทษของผมแล้ว คุณยังกล้าอวดดีอีกเหรอ?”
ปากของเซวหยวนป้าเต็มไปด้วยคลาบเลือด และดวงตาสีแดงของเขาก็จ้องไปที่หยางเฉินด้วยท่าทางที่แน่วแน่ “หยางเฉิน ทางที่ดีแกฆ่าข้าให้ตายนะ ไม่อย่างนั้นแกจะถูกข้าฆ่าแน่นอน!”
“แต่ข้าจะไม่ฆ่าแค่คนเดียวเท่านั้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแก ข้าจะฆ่าให้หมด!”
“ข้าจะให้แกรู้เองว่า การท้าทายเซวหยวนป้าอย่างข้า มันเป็นเรื่องร้ายแรงแค่ไหน!”
เซวหยวนป้าที่ถูกหยางเฉินเหยียบติดกับพื้นแล้ว แต่ในตอนนี้เขายังคงหยิ่งผยองมาก
และในขณะนี้ ทายาทผู้สืบทอดของตระกูลต่างๆ ในห้องประชุมต่างก็เบิกตากว้างขึ้น และสายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่เซวหยวนป้าที่ถูกหยางเฉินเหยียบไว้
โดยเฉพาะหวงเจิ้งกับเย่หัวที่เพิ่งตบหน้าเซวหยวนป้าก่อนหน้านี้ก็ยิ่งตกใจและหวาดกลัวเข้าไปใหญ่
สิ่งที่พวกเขาตกใจก็คือ ชายร่างกำยำที่ถูกหยางเฉินเหยียบติดกับพื้นนั้นเป็นถึงเจ้าชายสามจากตระกูลเซวที่ซึ่งเป็นตระกูลเดอะคิง
และสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวนั้น ก็เพราะพวกเขาเพิ่งตบหน้าเซวหยวนป้า และยังถ่มน้ำลายใส่เขาอีกด้วย ถ้าหากปล่อยเซวหยวนป้ารอดออกไปได้ แล้วเซวหยวนป้าจะล้างแค้นพวกเขาอย่างไร?
เศรษฐีคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมมาก แม้ว่าพวกเขาจะโกรธและยังเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าต่อเซวหยวนป้า แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออกเลย
พวกเขาเป็นทายาทของเหล่าเศรษฐี แม้จะถูกเซวหยวนป้าสั่งลอบสังหาร แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่
แต่เซวหยวนป้าเป็นถึงเจ้าชายสามจากตระกูลเซวที่ซึ่งเป็นตระกูลเดอะคิง ซึ่งสถานะนั้นแตกต่างกับพวกเขาราวกับอยู่กันคนละโลก
และการข่มขู่ของเซวหยวนป้าทำให้ความโกรธและเจตนาในการฆ่าของหยางเฉินทวีคูณขึ้น
เขาไม่เคยกลัวใครจะหาเรื่องเขา และไม่กลัวใครคิดจะล้างแค้นเขา แต่เขาไม่สามารถทนต่อการใช้ครอบครัวของเขามาเป็นเครื่องมือในการข่มขู่เขา
เซวหยวนป้าที่ยังคงพูดจาข่มขู่หยางเฉินอย่างไม่หยุด ทันใดนั้น ก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ดูเหมือนว่าเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงจากร่างกายของหยางเฉินแล้ว
เขาจึงรีบหุบปากและตระหนักได้ถึงสถานการณ์ ณ ตอนนี้ของเขา
“ในเมื่อคุณอยากไปเกิดใหม่ขนาดนั้น ผมจะสงเคราะห์คุณเอง!”
หยางเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชาอย่างที่สุด
ในห้องประชุมขนาดใหญ่นั้น อุณหภูมิดูเหมือนจะลดลงหลายองศาทันที
“หยางเฉิน แกจะฆ่าข้าไม่ได้นะ ข้าเป็นถึงเจ้าชายสามของตระกูลเซวจากตระกูลเดอะคิง เป็นเจ้าตระกูลเซวในอนาคต ถ้าแกปล่อยข้าไปตอนนี้ ข้ารับปากว่าจะไม่เอาเรื่องแกอีก”
“แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้า เจ้าตระกูลเซวพ่อของข้าจะไม่ปล่อยแกไว้แน่ ถึงเวลานั้น คนนั้นเยี่ยนตูก็ต้องซวยไปด้วย”
“ไม่เพียงแค่นั้น คนที่มีความสัมพันธ์กับแก ทุกคนจะต้องถูกพ่อข้าลงโทษไปด้วยเหมือนกัน”
“ถ้าแกปล่อยข้าไปตอนนี้ วันหลังเราต่างคนต่างอยู่ สำหรับความคับข้องใจของเราในครั้งนี้ ข้าจะลืมมันไป”
เซวหยวนป้าพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ในฐานะคนที่เป็นศิลปะการต่อสู้ เขาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของก็สังหารได้อย่างชัดเจน เขารู้ว่าหยางเฉินในตอนนี้อยากฆ่าเขาจริงๆ แล้ว
ไม่ใช่แค่อยากฆ่าเท่านั้น แต่หยางเฉินยังกล้าฆ่าเขาด้วย ไม่อย่างนั้นจะจับตัวเขากลับมาจากสถานีรถไฟได้อย่างไร
“คุณมันสมควรตาย!”
หยางเฉินพูดสั้นๆ ประโยคเดียว จากนั้นกระทืบเท้าไปที่กลางอกของเซวหยวนป้าอย่างรุนแรง
เมื่อเท้าของหยางเฉินเหยียบลงมา เซวหยวนป้ารู้สึกว่าหน้าอกของเขาถูกกดทับด้วยภูเขาลูกใหญ่ และซี่โครงหลายซี่ก็หักในทันที
“หยาง หยางเฉิน คุณจะฆ่าผมไม่ได้ คุณจะฆ่าผมไม่ได้นะ!”
ในที่สุดเซวหยวนป้าก็รู้ว่าหยางเฉินกำลังจะฆ่าเขาแล้ว เขากลัวจนร้องขออย่างเสียงดัง “หยางเฉิน ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ครับ โปรดไว้ชีวิตผมเถอะครับ ต่อไปผมไม่กล้ายุ่งกับคุณอีกแล้วครับ”
“คุณหยาง ใจเย็นๆ ก่อนครับ!”
ในเวลานี้ จู่ ๆ หานเซี่ยวเทียนก็ลุกขึ้นมาห้าม
เขารู้ถึงสถานะตัวตนของหยางเฉินดี ถ้าหยางเฉินเหยียบเซวหยวนป้าตายจริงๆ เจ้าตระกูลเซวต้องโกรธแน่นอน
แม้หยางเฉินจะไม่กลัวตระกูลเซว แต่ถ้าเป็นศัตรูของเจ้าตระกูลเซว สำหรับหยางเฉินแล้ว มันก็คือหายนะ
ราชวงศ์ทั้งสี่จากเยี่ยนตู ตระกูลเดอะคิงทั้งห้า รวมถึงทั้งสี่ดินแดน ทั้งหมดก็ปกครองจิ่วโจวด้วยกัน
ส่วนหยางเฉิน แม้จะเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือ ดูแลทั่วทั้งอาณาเขต แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว
หยางเฉินในปัจจุบันเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลอวี๋เหวินเท่านั้น แม้จะมีภูมิหลังที่ดี แต่เมื่อเทียบภูมิหลังกับตระกูลเซวแล้ว มันก็ยังเทียบกันไม่ได้จริงๆ
“ใจเย็นก่อนครับคุณหยาง!”
เฉินซิงไห่กับกวนเจิ้งซานที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหยางเฉิน แต่สำหรับตระกูลเซวจากตระกูลเดอะคิงนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกกลัวแล้ว