หยางเฉินไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแต่กลับเดินไปที่ริมสระพร้อมกับมองไปที่ท่านกรรมการจินด้วยใบหน้าที่สงบ “สวัสดีครับท่านกรรมการจิน ผมคือประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป หยางเฉินครับ!”
ในเมืองเยี่ยนตูแทบไม่มีใครไม่รู้จักเยี่ยนเฉินกรุ๊ป แต่ประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั้นน้อยมากที่จะมีคนรู้จัก
ในเวลานี้ที่หยางเฉินปรากฏตัวออกมาและบอกว่าตนคือประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป มันก็ได้ทำให้ท่านกรรมการจินและเพื่อนของเขาตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมาพร้อมกัน
“ตลกจริงๆ นี่ไอ้หนู นายกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปงั้นเหรอ?”
ท่านกรรมการจินพูดขณะที่หัวเราะออกมาเสียงดัง “ถ้านายเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป กูก็คงจะเป็นผู้นำของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูแล้วล่ะว่ะ”
ชายวัยกลางคนบนเตียงนวดยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ไอหนูน้อย ถ้านายมาที่นี่เพื่อหยอกล้อเราล่ะก็รีบไสหัวออกไปซะในตอนที่พวกเรายังอารมณ์ดีกันอยู่!”
ทั้งสองคนไม่ได้มีหยางเฉินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากหยางเฉินนั้นยังอ่อนวัยจึงทำให้พวกเขาไม่เชื่อว่าคนที่ยังหนุ่มยังแน่นคนนี้จะเป็นประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเข้าสู่ความแข็งแกร่งห้าร้อยอันดับของโลกเมื่อหลายปีก่อน บริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้จะถูกดูแลโดยเด็กหนุ่มคนนี้ได้อย่างไรกัน?
หยางเฉินไม่ได้โกรธอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มออกมาเบาๆ “ท่านกรรมการจิน ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าตระกูลเซวสัญญาจะให้ประโยชน์อะไรกับคุณมากมายขนาดนั้นกัน?ถึงได้ทำให้คุณยกเลิกการร่วมมือกับบริษัทใหญ่อย่างเยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้”
บูม!
เมื่อหยางเฉินพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของท่านกรรมการจินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ชายวัยกลางคนที่อยู่บนเตียงนวดด้านข้างก็ลุกขึ้นมาทันที รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะท่านกรรมการจิน ที่ในใจของเขาตอนนี้ตกตะลึงไปกว่าเดิม
เนื่องจากตระกูลเซวเคยได้เตือนเอาไว้ว่าเขาไม่อนุญาตให้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเซวสู่โลกภายนอกได้
แม้แต่หลิวหลงที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าหยางเฉินจะรู้
หลิวหลง ชายวัยกลางคนที่อยู่บนเตียงนวดได้มองปฏิกิริยาของท่านกรรมการจิน จึงรู้ได้ทันทีเลยว่าสิ่งที่หยางเฉินพูดนั้นถูกต้อง
“ไอ้หนู หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว!การที่กูยกเลิกสัญญากับร่วมมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็เป็นสิ่งที่ตัดสินใจเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่น”
ท่านกรรมการจินรีบปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเซวในทันที
หยางเฉินยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา “คุณจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไรหรอก ที่ผมมาในวันนี้นั้นก็เพื่อเรื่องๆหนึ่งเท่านั้นเอง”
“เรื่องอะไร?” ท่านกรรมการจินถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว
มุมปากของหยางเฉินโค้งขึ้นแสดงความขี้เล่น “มาซื้อบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงน่ะสิ!”
เมื่อได้ยินว่าหยางเฉินต้องการซื้อบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ทั้งท่านกรรมการจินและหลิวหลงก็ตกตะลึง
จากนั้นไม่นาน สติของท่านกรรมการจินก็ค่อยๆกลับมาพร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า “ไอ้หนู นายเป็นใครกัน?มาพูดต่อหน้าฉันว่าจะซื้อบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง นายแน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อเล่นอยู่น่ะ?”
“นี่คุณเห็นเหมือนผมกำลังล้อเล่นกับคุณอยู่เหรอไง?” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้ท่านกรรมการจินและหลิวหลงรู้สึกว่ารอยยิ้มของหยางเฉินช่างน่าขนลุกเสียจริง
“ออกไป!”
ทันใดนั้นท่านกรรมการจินก็โกรธจัดพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ตอนที่กูก่อตั้งบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงขึ้นมาแกยังไม่ทันเกิดเลยด้วยซ้ำ?ต้องการซื้อบริษัทของกู คู่ควรกับมันเหรอไง?”
“หนึ่งแสนล้าน!”
หยางเฉินพูดออกมาตรงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน สีหน้าของท่านกรรมการจินก็ดูมืดมนในทันที มูลค่าทางการตลาดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงมีถึงสามแสนล้าน คาดไม่ถึงว่าหยางเฉินต้องการจ่ายหนึ่งแสนล้านเพื่อซื้อบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงอย่างนั้นเหรอ
“ไอ้หนู ฉันจะให้โอกาสแกในการขอโทษและขอความเมตตาจากฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกต้องรู้สึกเสียใจที่ได้มาเกิดบนโลกใบนี้เป็นแน่”
ท่านกรรมการจินพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
หยางเฉินกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “แปดหมื่นล้าน!”
ท่านกรรมการจินและหลิวหลงมองไปที่หยางเฉินอย่างโง่งม
“ไอ้หนู แกเสียสติไปแล้วเหรอไง?แกเป็นลูกตระกูลไหนกันเนี่ย?รีบโทรหาพ่อให้มารับกลับบ้านได้แล้ว”
หลิวหลงพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยัน
ท่านกรรมการจินพูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “ไสหัวออกไปภายในสิบวินาทีนี้ซะ!”
หยางเฉินยังคงพูดต่อ “ห้าหมื่นล้าน!”
ขณะนี้ ท่านกรรมการจินระเบิดความโกรธออกมา จากนั้นก็ได้หยิบปืนพกที่อยู่ตรงด้านข้างของผ้าขนหนูออกมาพร้อมกับจ่อเล็งไปที่หัวของหยางเฉิน “แกอยากตายนักใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าอกฝ่ายหยิบมือออกมาแต่ดูเหมือนว่าหยางเฉินนั้นจะไร้ซึ่งความกลัวใดๆ แววตาของเขาดูเย็นชาลงเรื่อยๆ
“ดูเหมือนว่ายังไงซะท่านกรรมการจินก็จะไม่ให้ผมซื้อบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงสินะ ถ้าเช่นนั้นผมก็จะรออีกสักหน่อยก็แล้วกัน รอให้มูลค่าการตลาดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงหดตัวลงแล้วผมจะเรียกท่านกรรมการจินมาคุยด้วยใหม่”
หลังจากที่หยางเฉินพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและเดินจากไป
“เป็นแค่เด็กเปรตตัวเล็กๆก็ยังกล้ามาล้อเล่นกับกูงั้นเหรอ?มีคุณสมบัติอะไรกัน?”
เมื่อเห็นหยางเฉินเดินออกไป ท่านกรรมการจินเลยคิดว่าหยางเฉินกลัวจึงได้พูดออกมาอย่างเย้ยหยัน
เขาหยิบบุหรี่เข้าปากในทันที
“แก๊ก!”
ปืนพกที่เขาเพิ่งใช้จ่อหัวหยางเฉินเมื่อสักครู่นี้ จู่ๆก็มีเปลวไฟติดขึ้นมาจากนั้นเขาก็ได้นำมันมาจุดบุหรี่
“ฮ่าฮ่า!”
หลิวหลงตกตะลึงไปครู่หนึ่งและจากนั้นก็พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ที่แท้ก็เป็นไฟแช็กหรอกเหรอ ฉันคิดว่าเป็นปืนจริงๆเสียอีก”
ท่านกรรมการจินพ่นควันออกมาอย่างช้าจากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “ของชิ้นนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกกลัวได้แต่ก็สามารถขู่ให้ไอ้เด็กเปรตนั่นให้กลัวได้นะ”
ทันใดนั้นหลิวหลงก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “บอกมาซะว่าที่นายยกเลิกสัญญากับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเซวงั้นเหรอ?”
เมื่อท่านกรรมการจินรู้ว่าไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปจึงได้แต่พยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เรื่องนี้ อย่าเอาไปพูดมั่วซั่วนะ หากตระกูลเซวรู้ล่ะก็ตระกูลฉันกับนายคงจะต้องโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเป็นแน่”
หลิวหลงเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้จึงรีบพยักหน้าและพูดว่า “วางใจได้ นายก็รู้ว่าเสียงของฉันมันหนักแน่นแค่ไหน นายรู้ดีที่สุด”
หลังจากหยางเฉินออกจากคฤหาสน์วี่สุ่ยก็ได้กดโทรศัพท์โทรออกไป “พรุ่งนี้เมื่อตลาดหุ้นเปิดให้ไปกดราคาตลาดหุ้นของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงซะ!”
วันรุ่งขึ้น ท่านกรรมการจินเดินทางมาที่บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงตรงเวลา
ภายในสำนักงาน หลิวหลงเองก็เดินเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านกรรมการจิน เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม?”
ท่านกรรมการจินเข้าใจความหมายของหลิวหลงดี เมื่อคืนเขาได้พาสาวสวยผมบลอนด์สองคนกลับไปด้วย เมื่อเช้าเกือบจะตื่นแทบไม่ไหว
ท่านกรรมการจินหัวเราะเสียงดัง “ได้อยู่! ได้อยู่!”
หลังจากที่ทั้งสองคนหัวเราะกันไปครู่หนึ่ง หลิวหลงก็เอ่ยพูดออกมา “ท่านกรรมการจิน นายว่าเยี่ยนเฉินกรุ๊ปที่เสียความร่วมมือจากบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงไป โครงการเมืองจิ่วโจวของพวกเขาจะอยู่ต่อไปได้สักกี่วันกัน?”
ท่านกรรมการจินเข้าใจความหมายของหลิวหลง นี่เป็นการรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากเขา
เขายิ้มอย่างลึกลับ “ฉันเดาว่าอยู่ไม่ถึงสามวันหรอก!”
“สามวัน?”
หลิวหลงประหลาดใจเล็กน้อย ด้วยมูลค่าตลาดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง มันไม่ง่ายเลยที่จะสามารถล่มสลายลงได้ภายในสามวัน
“หากประธานหลิวให้ความช่วยเหลือล่ะก็ไม่แน่ว่าภายในสองวันเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็อาจล้มละลายได้แล้ว!”
ท่านกรรมการจินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลิวหลงตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ท่านกรรมการจินดูถูกฉันมากไปแล้วนะ!”
แม้ว่าเขาต้องการที่จะเกาะแข้งเกาะขาตระกูลเซว แต่เมื่อวานตอนที่เจอหยางเฉินที่คฤหาสน์วี่สุ่ย เขากลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
เนื่องจากตระกูลเซวใช้ประโชน์จากบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงจัดการเยี่ยนเฉินกรุ๊ป นั่นหมายความว่าเยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีคุณสมบัติพอที่จะเผชิญหน้ากับตระกูลเซวสินะ?
บริษัทหนึ่งตกเป็นเป้าหมายของราชวงศ์ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเบื้องหลังของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเองก็คงไม่ใช่เล่นๆ
“ท่านกรรมการจิน ไม่ดีแล้ว!ไม่ดีแล้ว!มูลค่าทางตลาดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงหดตัวลงมากเลยค่ะ”
ในเวลานี้ เลขาของท่านกรรมการจินก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกไม่แม้แต่จะเคาะประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยความสยดสยอง
“ท่านกรรมการจินไม่ดีแล้วค่ะ บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงถูกเปิดโปง มีข่าวว่ามีการปูนซีเมนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้ตึกถล่มลงมาและวัสดุที่ใช้ก็เป็นของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงด้วย สิ่งนี้ถูกออกข่าว เป็นหัวข้อข่าวเลยด้วยค่ะ!”