ภายในสวนสาธารณะขนาดเล็ก
ณ จุดที่ฉินต้าหย่งกับแม่ของเสี่ยวจูนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ และสิบหน้านาทีหลังจากที่ฉินต้าหย่งโทรหาหยางเฉิน รถโรลส์-รอยซ์สุดหรูอีกคันก็ค่อยๆ ขับเข้ามาจอดอยู่ด้านข้าง
ในเวลานี้ ชายหนุ่มอายุสามสิบต้นๆ ก็ได้เดินออกมาจากรถคันนี้
“ที่รัก!”
แม่ของเสี่ยวจูนที่เห็นชายหนุ่มคนนี้ก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาแล้วพูดด้วยน้ำตา “ที่รัก ตาแก่คนนั้นแหละ มันทำร้ายฉัน แล้วยังทำร้ายเสี่ยวจูนอีกด้วย คุณต้องจัดการมันนะ!”
“มันอยากตายใช่ไหม!”
ดวงตาพ่อของเสี่ยวจูนเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เมื่อผู้คนรอบข้างที่เห็นพ่อของเสี่ยวจูนต่างก็พากันตกใจ
“พ่อของเด็กคนนี้คือหลีจื้อขวยเลยเหรอ!”
“หลีจื้อขวยคือใคร?”
“หลีจื้อขวยคือเจ้าบ้านของตระกูลหลี ลูกชายคนเดียวของหลีจื๋อ สำหรับลูกชายคนนี้หลีจื๋อรักใคร่เขามาก ก็เป็นลูกชายคนเดียวน่ะสิ แล้วเขาก็เป็นทายาทผู้สืบสกุลคนต่อไปของตระกูลหลีแล้วด้วย”
“ทีนี้ คนต่างถิ่นกับเด็กผู้หญิงคนนั้นคงต้องลำบากน่าดูแน่!”
เมื่อคนรอบข้างเห็นชายหนุ่มคนนี้ สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว
ซึ่งสถานะตัวตนของหยางเฉินคือใครนั้น ฉินต้าหย่งไม่ได้รู้มากสักเท่าไหร่ เขารู้เพียงว่าหยางเฉินคือลูกชายที่ถูกทอดทิ้งโดยตระกูลอวี๋เหวิน
และในตอนนี้ หลังจากที่รู้ว่าคู่กรณีมีภูมิหลังที่ดี ฉินต้าหย่งก็เริ่มรู้สึกประหม่า เพราะต่อให้หยางเฉินมาแล้วก็อาจต้องลำบากไปด้วยคน
ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมากที่มาที่นี่ เขาไม่ควรพาเสี้ยวเสี้ยวมาในสวนนี้ตั้งแต่แรกเลย ถ้าเขาไม่มาคงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก
“ไอ้แก่ แกกล้าทำร้ายภรรยาข้ากับลูกชายข้างั้นเหรอ แกอยากตายมากใช่มั้ย?”
หลีจื้อขวยเดินเข้ามาแล้วมองไปที่ฉินต้าหย่งและถามเขาด้วยความเย็นชา
แม้ฉินต้าหย่งจะกลัว แต่เขาไม่ได้แสดงออกและยังพูดด้วยความโกรธว่า “ผมไม่ได้แตะต้องลูกชายคุณแม้แต่นิด แล้วก็ภรรยาคุณ ผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลยด้วยซ้ำ เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายทำร้ายหลานสาวผม แล้วยังทำร้ายผมด้วย”
“ไอ้แก่ แกยังกล้าต่อล้อต่อเถียงงั้นเหรอ? หุบปากไปซะ!”
แม่ของเสี่ยวจูนพูดด้วยความโกรธ
ฉินต้าหย่งไม่ได้สนใจแม่ของเสี่ยวจูน แต่พูดกับหลีจื้อขวยว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณลองถามคนอื่นๆ สิ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็เห็นกับตา”
“อ้อ? จริงเหรอ?”
หลีจื้อขวยหรี่ตาลงแล้วหันมองคนรอบข้างด้วยสายตาข่มขู่และถามพวกเขาว่า “ไอ้แก่คนนี้พูดจริงไหม?”
ฉินต้าหย่งที่เต็มไปด้วยความหวังจากผู้คนที่อยู่ในสถานการณ์ แต่หลังจากที่เห็นพวกเขาได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร ความหวังในใจของฉินต้าหย่งก็จางหายไปทันที
“ไอ้แก่ แกเห็นแล้วใช่ไหม? ไม่มีใครเห็นเลยว่าภรรยาข้าทำร้ายแก ตอนนี้ แต่ยังจะแก้ตัวอะไรอีกไหม?”
หลีจื้อขวยพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินต้าหย่งนึกถึงคำพูดของหยางเฉินทันที เขาทำได้แต่อดทน และพูดขึ้นอีกครั้งว่า “คุณต้องการอะไร?”
“หลานสาวแกทำรถของภรรยาข้าเสีย แถมแกยังทำร้ายภรรยากับลูกชายข้าอีกด้วย แต่ข้าจะไม่โกงแกหรอกนะ แกต้องจ่ายค่าเสียหายของรถและค่าเสียขวัญของภรรยากับลูกชายข้าทั้งหมด 100 ล้าน!”
หลีจื้อขวยพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอแค่แกยอมจ่ายค่าเสียหาย 100 ล้าน เรื่องนี้ถือว่าจบกัน!”
“ไงนะ? หนึ่งร้อยล้าน?”
ฉินต้าหย่งเบิกตากว้างทันที
ผู้คนรอบๆ ต่างก็ประหลาดใจ แม้ว่ารถคันนี้จะมีมูลค่ามาก แต่ต่อให้เสี้ยวเสี้ยวเป็นคนทำโลโก้รถเสีย ค่าซ่อมก็ไม่น่าจะเกินสองแสนหยวน แต่ประเด็นคือเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่คนทำโลโก้รถเสียเลย
สำหรับค่าเสียขวัญที่ฉินต้าหย่งทำร้ายแม่ของเสี่ยวจูนกับเสี่ยวจูนนั้น มันยิ่งไร้สาระมากกว่า
เพราะตั้งแต่เริ่มจนจบ ฉินต้าหย่งไม่ได้แตะต้องพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ปกป้องเสี้ยวเสี้ยวเท่านั้น แต่เขายังถูกแม่ของเสี่ยวจูนทำร้ายด้วยการขีดข่วนจนใบหน้าและแขนเกิดรอยแผลขึ้น
ฉินต้าหย่งรู้สึกไม่พอใจมาก แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของหยางเฉิน เขาจึงได้แต่อดทนไว้
“ผมบอกพ่อเด็กให้มาจัดการปัญหานี้แล้ว รอเขามาถึงก่อน พวกคุณค่อยตกลงกันอีกที!”
ฉินต้าหย่งกัดฟันพูด
“ไอ้แก่ มึงคิดจะผัดวันประกันพรุ่งงั้นใช่ไหม?”
หลีจื้อขวยพูดด้วยความโกรธ “กูหาเงินต่อวิ วินาทีละหลายล้าน แต่มึงดันให้กูรอ นับประสาอะไร?”
“ที่รักคะ ตาแก่คนนี้เป็นคนจากต่างถิ่น จะเสียเวลากับมันทำไม? จัดการมันเลยดีกว่า!”
แม่ของเสี่ยวจูนพูดอย่างดุร้าย “จัดการตาแก่คนนี้ก่อน แล้วค่อยพายัยตัวแสบคนนี้ไปด้วย ให้พ่อมันมาหาเรา ค่อยเรียกค่าเสียหายจากมันก็ได้!”
“ได้ ตกลงตามนี้!”
หลีจื้อขวยยิ้มพูด
จากนั้นเขาปรบมือสองที และชายร่างกำยำสองคนก็เดินตรงเข้าไปหาฉินต้าหย่ง
เมื่อฟังคำพูดแม่ของเสี่ยวจูน ฉินต้าหย่งก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมไป
ซึ่งชายร่างกำยำทั้งสองที่มากับหลีจื้อขวยนั้น ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ถ้าจะจัดการกับฉินต้าหย่งมันคงเป็นเรื่องง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าชายร่างกำยำกำลังจะเข้ามา ฉินต้าหย่งก็ยิ่งประหม่ามากขึ้น อย่าว่าแต่ทำร้ายเขาเลย แม้จะฆ่าเขา เขาก็ไม่กลัว
แต่สิ่งสำคัญคือเสี้ยวเสี้ยวนี่สิ?
เพราะนังตัวร้ายเมื่อกี้ก็ตบเสี้ยวเสี้ยวไปทีหนึ่งแล้ว ถ้าปล่อยให้เสี้ยวเสี้ยวถูกพวกเขาพาตัวไป ใครจะรู้ว่าเธอต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน
เสี้ยวเสี้ยวก็กลัวมากเช่นกัน แม้จะอยู่ในอ้อมแขนของฉินต้าหย่ง แต่หุ่นตัวเล็กของเธอก็ยังสั่นอย่างไม่หยุด
“เสี้ยวเสี้ยวไม่ต้องกลัวนะ มีคุณปู่อยู่ด้วย ไม่มีใครทำอะไรเสี้ยวเสี้ยวได้หรอก!”
ฉินต้าหย่งปลอบโยนอย่างอ่อนโยนที่สุด
“ไอ้แก่ แกคิดว่าแกเก่งนักเหรอ อย่างแกน่ะเหรอจะปกป้องนังตัวแสบคนนี้ได้?”
แม่ของเสี่ยวจูนพูดอย่างเยาะเย้ย
“มีอะไรก็มาลงที่ผมสิ ทำไมต้องรังแกเด็กด้วย?”
ฉินต้าหย่งรวบรวมความกล้าและตวาดออกมา
ในเวลาเดียวกัน ฉินต้าหย่งก็วางเสี้ยวเสี้ยวลงบนพื้นและตะโกนออกมาว่า “เสี้ยวเสี้ยว รีบหนีไป!”
ขณะที่ผลักเสี้ยวเสี้ยวออกไปนั้น ฉินต้าหย่งก็พุ่งเข้าหาชายร่างกำยำทั้งสองด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าจะสู้กับพวกแกเอง!”
“ผั๊วะ!”
ก่อนที่ฉินต้าหย่งจะแตะต้องอีกฝ่ายนั้น เขาก็ถูกชายร่างกำยำคนหนึ่งเตะกระเด็นออกไป
“คุณปู่!”
เมื่อเห็นฉินต้าหย่งถูกเตะ เสี้ยวเสี้ยวก็ตะโกนออกมาและวิ่งเข้าไปหาเขา
“เสี้ยวเสี้ยว ไม่ต้องสนใจปู่ รีบหนีไป!”
ฉินต้าหย่งที่ถูกเตะลงกับพื้น เขารู้สึกว่ากระดูกทั้งหมดในร่างกายของเขาพังทลายไปหมดแล้ว แต่เขาก็พยายามที่จะตะโกนออกมา แค่อยากให้เสี้ยวเสี้ยวหนีไป
แต่เสี้ยวเสี้ยวจะทิ้งปู่ของเธอแล้วหนีไปได้อย่างไร?
“หนูน้อย มานี่!”
เสี้ยวเสี้ยวที่กำลังวิ่งเข้าไปเพื่อจะพยุงฉินต้าหย่งให้ลุกขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะไปถึงฉินต้าหย่ง เธอก็ถูกชายร่างกำยำจับตัวเอาไว้
“คุณเป็นคนเลว คุณทำร้ายคุณปู่! คุณเป็นคนเลว!”
เสี้ยวเสี้ยวพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ด้วยหุ่นตัวเล็กๆ ของเธอ แล้วจะหลุดพ้นได้อย่างไร?
เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถหลุดออกไปได้ เสี้ยวเสี้ยวก็กัดแขนของชายร่างกำยำ และชายคนนั้นก็ตะโกนออกมาทันที “แกอยากตายใช่ไหม!”
ชายร่างกำยำเหยียดมือออกไปเพื่อจะตบหัวเสี้ยวเสี้ยว
“เสี้ยวเสี้ยว!”
ดวงตาของฉินต้าหย่งเบิกกว้าง เขาตะโกนอย่างสุดแรงและพยายามดิ้นรนเพื่อเข้าไปช่วยเด็ก
ผู้คนในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึง
เสี้ยวเสี้ยวเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง และชายร่างกำยำผู้เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหลีนั้นแข็งแรงขนาดไหน ถ้าเขาตบหัวเสี้ยวเสี้ยวจริงๆ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก?