เฉินอิงเหาเดินตามหลังเขาอยู่ใกล้ๆ เมื่อเขาเห็นพวกพ้องของตระกูลไช่เยอะแยะไปหมด ทำให้เขารู้สึกแขนขาอ่อนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหยางเฉินอยู่ข้างหน้าเขา เขาก็คงจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว
“ป๊า ไอ้เด็กนั่นไง ที่ทำให้พี่ผมแขนขาหัก ”
ถัดจากชายวัยกลางที่เป็นผู้นำ ชายหนุ่มที่จมูกฟกช้ำดำเขียวหน้าบวมเป่งชี้ไปที่หยางเฉินแล้วพูดขึ้น
คนที่พูดก็คือไช่กวาง ผู้ร้ายของเหตุการณ์ในเย็นวันนี้
“ป๊า ไม่ต้องให้เขาตายง่ายๆนะครับ ผมอยากให้เขาตายแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมอยากจะทรมานเขาให้เต็มที่ก่อน จะทำให้กระดูกเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ ให้เขารู้สึกว่าตายไปซะยังดีกว่ามีชีวิตอยู่”
ไช่เหวินที่นอนอยู่บนเปลหามพูดกัดฟันด้วยความเกลียดชังของเขาที่มีต่อหยางเฉินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว
“พ่อหนุ่ม แกนี่มันกล้าจริงๆ แม้แต่ลูกชายของฉันไช่โหย่วเหวยก็ยังกล้าทำร้าย แกอยากตายมากสินะ?”
ไช่โหย่วเหวยแผดเสียงขู่และยื่นมือชี้ไปที่หยางเฉิน “ถ้าตอนนี้แกคลานเข่าเข้ามา ฉันอาจจะเมตตาแกบ้าง”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “คุณมันไม่แยกแยะถูกผิด ก็พาพวกมารุมจัดการฉัน ไร้เหตุผลเกินไปไหม?”
“แกทำร้ายลูกชายฉัน ยังจะให้ฉันใช้เหตุผลอีกเหรอ?” ฉันจะบอกแกให้ ในเมืองเยี่ยนตู กำปั้นใครใหญ่ เหตุผลก็ขึ้นอยู่กับคนนั้นแหละ!” ไช่โหย่วเหวยพูดอย่างโกรธเคือง
หยางเฉินพยักหน้า “ประโยคนี้คุณพูดไม่ผิดเลย กำปั้นใครใหญ่ เหตุผลก็ขึ้นอยู่กับคนนั้นแหละ ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว งั้นก็ชดใช้มาหนึ่งพันล้านแล้วพาคนของคุณกลับไป! จากวันนี้ไป ไปจากเมืองเยี่ยนตูซะ!”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงหลังจากหยางเฉินพูดคำนี้ออกไป
“555……”
ผ่านไปสักพัก ไช่โหย่วเหวยถึงได้รู้สึกตัว จึงหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “พ่อหนุ่ม ความหมายของแกคือกำปั้นของแกใหญ่ของกว่าของฉันเหรอ?”
หยางเฉินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ใหญ่กว่าของคุณ คุณอยากจะลองไหมล่ะ?”
“ได้สิ งั้นมาลองกันสักตั้ง!” สีหน้าไช่โหย่วเหวยเต็มไปรอยยิ้มกระหายเลือด
หยางเฉินมองไปที่ไช่โหย่วเหวยราวกับกำลังดูคนโง่ และจู่ๆ ก็ถามเฉินอิงเหาที่อยู่ข้างๆ เขาว่า “จำที่ฉันพูดเมื่อกี้ได้ไหม? ที่ให้ตระกูลเฉินมาตั้งรกรากในเยี่ยนตู งั้นเริ่มด้วยการเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ คุณคิดว่าไง?”
เฉินอิงเหาตกตะลึงและสีหน้าของเขาซีดเผือด พวกตระกูลไช่เยอะขนาดนี้ หยางเฉินยังกล้าจะพูดแบบนี้กับเขาอีก นี่ไม่ใช่การหาเรื่องตายเหรอ?
“คุณหยาง ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะดีไม่น้อยเลยครับ”
แม้ว่าเฉินอิงเหาจะกลัว แต่เขาก็เข้าใจว่าหยางเฉินก็แค่ต้องการทดสอบเขา ตอนนี้เขาขี่หลังเสือแล้วลงยาก ยังไงเขาจะทิ้งหยางเฉินแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้แล้ว
ในเมื่อไม่มีทางให้ถอย งั้นก็ต้องเลือกที่จะเชื่อใจหยางเฉิน
หลังจากที่คนตระกูลไช่ได้ฟังหยางเฉินพูดต่างก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“พ่อหนุ่ม จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าถ้าฆ่าคุณง่ายๆ แบบนี้ มันน่าเสียดายเกินไปหน่อย คุณเหมาะที่จะเล่นเป็นตัวตลกให้ทุกคนมีความสุขมากกว่า”
ไช่โหย่วเหวยหัวเราะและพูดว่า “เอาอย่างงี้ไหม แกไปบ้านตระกูลไช่กับฉัน ต่อไปแกไปเล่นเป็นตัวตลกให้พวกเราดู ทำให้พวกเราหัวเราะดีไหม? 555……”
หยางเฉินไม่พูดพร่ำทำเพลงโทรศัพท์หาใครบางคน “ภายในสิบนาที พาคนมาสักพันคน มาที่ร้านอาหารแซ่เฉิน”
เขาวางสายหลังพูดจบ
“555……น่าขำจริงๆ พันคนเหรอ แกไม่โม้มันจะตายไหม? แกคิดว่าแกเป็นใคร ต่อให้ แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ภายในสิบนาที พวกเขาจะมีปัญญาเรียกคนมาได้ถึงพันคนหรือเปล่า? ”
สีหน้าของไช่โหย่วเหวยเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและหัวเราะพูดว่า “ในเมื่อแกเรียกพวกมา งั้นฉันก็จะให้เวลาแกอีกสิบนาที ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าแกจะเรียกมาได้สักกี่คน”
“สบายใจได้ ผมไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ๆ”
หยางเฉินยิ้มแปลกๆที่มุมปาก
ไช่โหย่วเหวยที่เดิมทีรู้สึกมั่นใจมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสงบนิ่งของหยางเฉิน ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก
แต่เมื่อนึกถึงสถานะของตระกูลไช่ในวันนี้ก็ทำให้เขาคลายกังวล
แม้ว่าตระกูลไช่จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเองต่างก็ไม่กล้ามีเรื่องกับตระกูลไช่
ตระกูลไช่ก็ขาดแค่การต่อสู้ในครั้งนี้ ถ้าชนะได้ พวกเขาก็จะได้ขึ้นไปสู่ตำแหน่งแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะกังวลไปทำไมกับชายหนุ่มแค่คนเดียว?
“พ่อหนุ่ม สิบนาทีแล้ว ไหนคนของแกล่ะ ทำไมยังไม่เห็นมา?”
ในชั่วพริบตาก็สิบนาทีแล้ว ไช่โหย่วเหวยถามด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
แต่ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง จู่ๆ ข้างนอกก็มีเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ผ่านกระจกล็อบบี้ชั้นหนึ่ง จะเห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่หลายสิบคันจอดอยู่หน้าทางเข้าร้านอาหารแซ่เฉิน
ทันทีหลังจากนั้น ชายร่างกายกำยำก็ค่อยๆกระโดดลงมาจากรถทีละคน มองไปรอบๆ มีแต่คนเต็มไปหมด
จากนั้นล็อบบี้ชั้นหนึ่ง คนสองสามร้อยคนก็กรูกันเข้ามา และอีกหลายร้อยคนที่เหลือไม่สามารถเข้ามาได้
“พี่เฉิน ผมไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม?”
เสียงหนักแน่นเดินเข้าไปหาหยางเฉินและถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
หยางเฉินยิ้มและส่ายหัว “ไม่ช้าไปหรอก!”
ไช่โหย่วเหวยที่เพิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องก็ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ในเวลาเพียงสิบนาที หยางเฉินสามารโทรเรียกคนมาได้เป็นพันคน และแต่ละคนก็ร่างกายกำยำ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา
“คุณคิดว่าพี่น้องผมพันคนนี้เป็นไงบ้าง?” หยางเฉินถามด้วยรอยยิ้มและจ้องไปที่ไช่โหย่วเหวย
ในเวลานี้ ล็อบบี้ชั้นหนึ่งเต็มไปด้วยผู้คน
ส่วนคนร้อยคนที่ไช่โหย่วเหวยพามาถูกล้อมไว้ตรงกลาง สิ่งที่ทำให้ไช่โหย่วเหวยรู้สึกสิ้นหวังก็คือ คนเหล่านี้ที่หยางเฉินเรียกมาต่างก็มีรูปร่างกำยำทั้งสิ้น
ถ้าจะต้องสู้กันจริงๆ พ่อลูกสามคนตระกูลไช่มีหวังได้ตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
ประโยคของหยางเฉินที่ว่า “พี่น้องพันคนของผมเป็นไง” ทำให้ไช่โหย่วเหวยกลัวและตกตะลึง
“แกเป็นใครกันแน่?”
แม้ว่าในใจไช่โหย่วเหวยจะหวาดกลัวมาก แต่เขากลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ และพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ก็แค่ความหยิ่งผยองเมื่อกี้หายไปแล้ว
“ผมเป็นใคร คุณยังไม่ได้เช็คให้แน่ใจเลย กลับกล้าพาพวกมาหาเรื่องผม?” หยางเฉินถามติดตลก
ไช่เหวินที่นอนอยู่บนเปลหามใบหน้าซีดเผือด และตัวเขาก็เริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง
เดิมทีพ่อของเขาออกหน้า แม้ว่าจะเป็นคนของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง แต่ตอนนี้ แค่หยางเฉินโทรศัพท์ ภายในสิบนาทีก็เรียกคนเป็นพันมาได้
ถ้าตอนนี้เขายังไม่รู้ว่า เขาไปมีเรื่องกับคนที่มีอำนาจมากกว่าแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู
เขาก็คงเป็นคนงี่เง่าจริงๆ
และไช่กวางที่ยืนอยู่ข้างไช่โหย่วเหวยก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นหนังหน้าไฟ
“สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด ขอให้คุณหยางอย่าถือสาพวกผมเลย ครั้งหน้าผมจะพาลูกชายและนำของกำนัลไปขอโทษเป็นการส่วนตัว”
ไช่โหย่วเหวยก็ยังเป็นคน หลังจากที่รู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ เขาก็แสดงความอ่อนแอในทันที
แต่หยางเฉินกลับส่ายหน้า “ไม่ได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จู่ๆ สีหน้าของไช่โหย่วเหวยก็ยิ่งดูไม่ดีมากขึ้น เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าหยางเฉินจะต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แต่ใจก็ยังไม่ยอม อยากจะลองดู แต่ผลก็คือยังไม่ได้
“คุณเรียกราคามา!” ไช่โหย่วเหวยพูดขึ้นในทันใด
หยางเฉินอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร เขาคิดจะจัดการเรื่องนี้ด้วยเงิน