ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 28 ขอความช่วยเหลือ

“บูม” เหยียนจินที่สวมชุดขาวถือกระบี่ในมือทั้งสองข้าง ยืนอยู่ข้างหน้าสุดในขณะที่กระบี่สองเล่มของเขาเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์แทนหยินและหยาง สร้างกระแสพลังเวียนวนเพื่อปิดสกัดก้อนหิน

เหยียนจินปิดสกัดได้เกือบครึ่งหนึ่งของก้อนหินที่เคลือบด้วยกระแสพลังสีเขียว

ขนาบข้างเหยียนจินคือบ่าวชราที่อยู่ในระดับไร้ตำหนิ และเมิ่งชวน ปิดสกัดก้อนหินที่เหลือ

“เราสะกัดกั้นพวกมันได้” เมิ่งชวนฝึกฝนร่างเทพอัสนีและความเร็วของเขาก็เร็วเป็นพิเศษ กระบี่ของเขาเปลี่ยนเป็นภาพพร่ามัวทันทีขณะที่เขาปิดสกัดหินหลายก้อนนั้น แต่เขาก็ยังพบว่ามันต้องการพลังร่างกายของงเขาเป็นอย่างมาก บ่าวชราที่ใช้กระบี่อ่อนมีพลังในระดับไร้ตำหนิ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดิ้นรนอย่างยากลำบากเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามการออกอาวุธทุกครั้งของเหยียนจินนั้นทรงพลังอย่างยากหาที่เปรียบได้ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆ ในการสกัดกั้นก้อนหินครึ่งหนึ่งนั้นเพียงลำพัง

หลิวชีเยว่ ซึ่งได้รับการปกป้องอยู่ด้านหลัง ไม่ลังเลที่จะนำเอาพลุขอความช่วยเหลือออกมาและใช้งานมันอย่างรวดเร็ว

“บูม”

พร้อมกับเสียงระเบิดดัง พลุไฟก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง

“รีบถอย” เมิ่งชวนรีบส่งเสียงคำราม เพราะชายหลังค่อมที่ขว้างก้อนหินอย่างสบายๆนั้นพุ่งเข้าใส่พวกเขาแล้ว

หลิวชีเยว่คว้าตัวตี่เชิงด้วยมือเดียวและอุ้มเด็กผู้หญิงอีกคนไปด้วย ขณะที่เธอพุ่งตัวออกไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า มีความแข็งแกร่งในระดับก่อกำเนิดอย่างงั้นรึ ดูเหมือนว่าข้าจะจับตัวใหญ่ได้” เสียงหัวเราะของคนหลังค่อมดังก้องในสวนหินร้าง เขาพุ่งตรงไปที่เหยียนจิน “เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด พิจารณาถึงวิธีที่เขาสกัดกั้นหินหลายสิบก้อนนั้น”

“นายน้อย” บ่าวชราฟันกระบี่ออกไปข้างหน้า กระบี่อ่อนโค้งและแทงไปที่ดวงตาของชายหลังค่อม

ร่างของชายหลังค่อมพร่ามัวเล็กน้อย การโจมตีเพียงแค่โดนหลังของชายหลังค่อมเท่านั้น มันแทบจะไม่สามารถเจาะผิวหนังของอีกฝ่ายได้ ก่อนที่กล้ามเนื้อของอีกฝ่ายนั้นจะสกัดกั้นเอาไว้

วืด ชายหลังค่อมพุ่งตัวไปพร้อมกับกรงเล็บของเขาที่ปกคลุมไปด้วยไออสูรสีเขียวหนาทึบ เมื่อไม่สามารถหลบได้ทันเวลา เหยียนจินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกกระบี่ทั้งสองขึ้นมาป้องกัน

กรงเล็บฟาดเข้าที่กระบี่ทั้งสอง

“บูม”

พลังที่น่าหวาดหวั่นที่เหยียนจินไม่มีทางต้านทานได้ พุ่งเข้ามาหาตัวเขาจากกระบี่ของตัวเอง

แม้ว่าเขาจะเก่งในด้านการเปลี่ยนทิศทางของพลังและมีร่างศักดิ์สิทธิ์เพลิงน้ำแข็งซึ่งสามารถใช้การเบี่ยงเบนหยินหยางได้ดี แต่ความแตกต่างของความแข็งแกร่งนั้นมากเกินไป เขาถูกส่งกระเด็นกลับไปข้างหลังจากการโจมตีนั้น และกระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลัง กำแพงของสวนหินร้างแตกกระจายออกทันที จนทำให้เหยียนจินล้มลงบนพื้น ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเศษหินเศษอิฐ กระบี่เล่มหนึ่งของเขากระเด็นไปในอากาศ

ชายหลังค่อมไม่สนใจคนอื่นเลย เขาเพียงแค่จ้องไปที่เหยียนจินเพื่อที่จะฆ่า

เหยียนจินรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย กระดูกของเขาร้าวหลายตำแหน่ง และเขาก็ได้สูญเสียความรู้สึกที่แขน เขาอยากจะลุกขึ้น แต่เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้

ทรงพลังเกินไป ความแตกต่างมีมากเกินไป

อ่านบทล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thainovel.com

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ชายหลังค่อมหัวเราะเสียงบาดหูและพุ่งเข้าใส่

“นายน้อย” บ่าวชราต้องการที่จะตามให้ทัน แต่ความเร็วของเขานั้นช้าเหลือเกิน ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความโกรธ

“แค่ก แค่ก” เหยียนจินไอเป็นเลือด

“ข้าจะตายที่นี่งั้นรึ เรื่องนี้ข้ารับไม่ได้จริงๆ” การมองเห็นของเหยียนจินพร่ามัวอยู่บ้าง ขณะที่เขามองดูชายหลังค่อมพุ่งเข้ามา ภาพพร่ามัวที่เร็วยิ่งกว่าก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง กระบี่วาดเป็นแนวโค้งที่สวยงามและชายหลังค่อมก็ไม่สามารถที่จะหลบได้

เพลงกระบี่ฟาดฟันจันทรา

ในแง่ของรากฐานของเทพอสูร รากฐานของเหยียนจินนั้นใกล้เคียงกับของเมิ่งชวน แม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับพละกำลังมหาศาล และได้บริโภคสมุนไพรที่หายากทรงคุณค่าในขณะที่ฝึกฝนร่างเทพอสูร เพียงแต่พวกเขามีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันเท่านั้น

เมิ่งชวนผู้ซึ่งฝึกฝนร่างเทพอัสนี มุ่งเน้นไปที่วิชาการเคลื่อนไหวของเขาและกระบี่ที่ว่องไว ข้อได้เปรียบของเขาคือความเร็ว เขาเร็วกว่าจอมยุทธในระดับไร้ตำหนิส่วนใหญ่ และเขาเร็วกว่าชายหลังค่อมด้วยซ้ำ

“คนทรยศจากนิกายอสูรฟ้า” ประกายความคิดฆ่าฟันผ่านวาบไปในดวงตาของเมิ่งชวน เลือดของเขาเดือดพล่านเมื่อสายฟ้าไหลผ่านร่างกายของเขา และเพิ่มความเร็วที่น่าอัศจรรย์ให้เขามากยิ่งขึ้นไปอีก เมิ่งชวนรู้ดีว่าเขาไม่สามารถรับมือกับจอมยุทธนิกายอสูรฟ้าที่น่ากลัวนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงเฉือนไปที่ขาของคู่ต่อสู้ เขาต้องการทำร้ายขาของคู่ต่อสู้เพื่อทำให้อีกฝ่ายช้าลง จากนั้นพวกเขาก็จะมีโอกาสหลบหนี

“เพลงกระบี่ที่ว่องไวและการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด สมกับเป็นอัจฉริยะจากตระกูลเมิ่ง” ในที่สุดชายคนหลังค่อมก็ชะลอช้าลงขณะที่มือซ้ายของเขาปัดออก

แคล๊ง

การโจมตีของเขาแปลกประหลาดและรวดเร็ว สกัดกั้นลำแสงกระบี่ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไป เมิ่งชวนก็ถอยออกไปทันที ประกายแสงพุ่งเป็นเส้นโค้งออกมาจากกระบี่ขณะที่เขาถอยหนี มีประกายเย็นชาปรากฎขึ้นในดวงตาของชายหลังค่อม “เจ้าช่างอันตรายยิ่งกว่าเด็กที่สวมชุดขาวคนนั้นเสียอีก จงลิ้มรสดัชนีมลายสิ้นของข้า” จู่ๆเขาก็สะบัดมือขวา เล็บข้างหนึ่งของเขาก็ระเบิดออกและยิงไปที่เมิ่งชวนที่กำลังหลบหนี

“วิชาการเคลื่อนไหวที่น่ายกย่อง แต่เจ้าก็ยังตายอยู่ดี” ชายหลังค่อมมั่นใจมาก เล็บของเขาเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเขา เขาต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการสร้างขึ้นมาใหม่หนึ่งชิ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาปลดปล่อยพลังเต็มที่แล้วมันจะน่ากลัวอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวนี้เพียงพอที่จะฆ่าจอมยุทธระดับไร้ตำหนิธรรมดาทั่วไปได้

แย่แล้ว

เล็บมือสีดำที่คลุมด้วยหมอกสีเขียวนั้นเร็วเกินไป

เมิ่งชวนทำได้เพียงใช้กระบี่ปิดสกัดมันด้วยสัญชาตญาณ ที่ได้รับการฝึกฝนจากการปิดสกัดลูกศรทุกวัน เมื่อเผชิญหน้ากับความตายความสอดคล้องของร่างกาย จิตใจ และวิชาของเขานั้นทำให้เขาใช้ศักยภาพได้มากขึ้น

กระบี่ของเขาพุ่งเข้าสกัดกั้นเล็บมือสีดำ เมื่อพวกมันปะทะกัน ไออสูรที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่ภายในเล็บสีดำก็ระเบิดออกมา การเคลื่อนไหวของกระบี่ที่ยอดเยี่ยมนี้ได้เปลี่ยนวิถีของเล็บมือสีดำ โดยการหันเหกระแสพลังอสูรส่วนใหญ่ออกไป

อย่างไรก็ตามไออสูรบางส่วนได้เดินทางลงมาตามกระบี่และเข้าไปในร่างของเมิ่งชวน

“บูม”

เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากระตุกขณะที่เขาถูกเหวี่ยงออกไป เขาสูญเสียความรู้สึกของมือขวาที่ใช้ถือกระบี่ไปในทันที เลือดพ่นออกมาจากปากขณะที่เขาล้มลงกับพื้น

ผลจากการกระแทกก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือไออสูรหนาแน่นที่เข้าไปในร่างกายของเมิ่งชวน มันทำให้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก

“อาชวน” หลิวชีเยว่ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ดึงคันธนูและลูกศรออกจากซองธนูที่ด้านหลังของเธอออกมาแล้ว เธอกัดฟัน ดึงคันธนูและยิงไปที่ชายหลังค่อมทันที

วูบ วูบ วูบ

ลูกศรพุ่งออกมาทีละลูกติดตามกัน

“ไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้ พวกเจ้าทุกคนต้องตาย” ชายหลังค่อมไม่สนใจลูกศรโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าลูกศรจะพุ่งเข้าใส่เขาอย่างไร พวกมันก็ไม่สามารถที่จะแทงทะลุผิวหนังของเขาได้ ลูกศรของหลิวชีเยว่อ่อนแอเกินไป ไม่ว่าอย่างไร เธอก็เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดและยังไม่ได้วิชาในขั้นหนึ่งเดียว รากฐานเทพอสูรของเธอก็ยังไม่แข็งแรงพอเช่นกัน หากเป็นจอมยุทธระดับไร้ตำหนิธรรมดา พวกเขาอาจต้องระมัดระวังในการต่อสู้กับเธอ อย่างไรก็ตามจอมยุทธของนิกายอสูรฟ้านั้นไม่สนใจเธอโดยสิ้นเชิง

“โอ” ทันใดนั้นสีหน้าของชายหลังค่อมก็เปลี่ยนไป และร่างกายของเขาพร่ามัว

วูบ

ลำแสงกระบี่ผ่านจุดที่เขาอยู่ นั่นคือบ่าวชรา

ในเวลานั้น กระแสน้ำได้หมุนวนรอบร่างของบ่าวชราเหมือนงูตัวเล็กๆ กระแสพลังของบ่าวชราแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ผิวหนังและดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ยาโลหิตเทพรึ” ชายหลังค่อมค่อนข้างประหลาดใจ เขามองไปที่บ่าวชรา “เมืองตงหนิงมียาโลหิตเทพด้วยรึ ดูเหมือนว่าเจ้าและนายน้อยของเจ้าจะมีเบื้องหลังที่ทรงอำนาจ”

“คุณหนูหลิวพานายน้อยข้าและนายน้อยเมิ่งชวนไปกับท่านก่อน” บ่าวชราตะโกนออกมาอย่างโกรธกริ้ว “ข้าจะรั้งเขาไว้”

“ได้เลย”หลิวชีเยว่วิ่งไปทันที อันดับแรกเธอเหวี่ยงเมิ่งชวนไปไว้บนหลังของเธอแล้วรีบทะยานไปหาเหยียนจิน

เหยียนจินมีอัตราการฟื้นตัวสูงมากและเขาก็ลุกขึ้นยืนได้แล้ว “ข้าเดินเองได้”

“ขอความช่วยเหลือกันก่อน” เมิ่งชวนใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดในการขับไล่ไออสูรในร่างกาย ขณะเดียวกันเขาก็พูดด้วยเสียงแหบขณะที่เขานำเอาพลุขอความช่วยเหลือออกมา

“บูม”

เหยียนจินรับพลุมาใช้งาน ส่งพลุไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ส่งพลุขอความช่วยเหลือของตัวเองขึ้นไปบนท้องฟ้าบ้าง

“พวกเจ้าทั้งคู่รีบไป” หลิวชีเยว่ร้องด้วยความโกรธที่หงหยูและตี่เชิงที่ยังอยู่ใกล้ๆ สองพี่น้องกังวลในตัวผู้ช่วยชีวิตของพวกเขา แต่พวกเขาก็พยักหน้าและรีบวิ่งออกไปไกลในทันที สำหรับผู้หญิงคนอื่นๆและคนจากแก๊งหมาป่าดำ พวกเขาหนีไปนานแล้วด้วยความหวาดกลัว ยิ่งพวกเขาห่างจากการต่อสู้ที่น่ากลัวนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ถึงกระนั้นพวกเขากว่าสิบคนที่ได้รับผลกระทบ พวกเขาหากไม่ตายก็พิการ

ในขณะเดียวกัน.

หลังจากกินายาโลหิตเทพความแข็งแกร่งของบ่าวชราก็ทวีคูณขึ้นหลายเท่า และเริ่มปะทะกับชายหลังค่อมแล้ว ชายหลังค่อมมีพละกำลังมหาศาลและร่างกายของเขาก็ดูคงกระพันชาตรี ทุกท่าเพลงของเขานั้นน่ากลัวผิดปกติ บ่าวชรานั้นเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง แต่เขามีความยืดหยุ่นสูงและยังคงสามารถรั้งชายหลังค่อมไว้ได้

“บูม” เกิดการปะทะกัน กำแพงโดยรอบถูกทำลายลงจนเหลือเพียงแค่เศษซาก

วืด วืด วืด

“ลุงหวังไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้นาน พวกเราไปกันเร็ว” เหยียนจินกล่าว หลิวชีเยว่ก็วิ่งออกไปพร้อมกับเมิ่งชวนที่อยู่ด้านหลังของเธอ

“ไปกันเถอะ” เมิ่งชวนกล่าว พวกเขาจะเป็นภาระถ้าพวกเขายังรั้งอยู่ มีเพียงหลังจากที่พวกเขาหนีไปแล้วบ่าวผู้ภักดีจึงจะหนีไปได้

เมื่อหลิวชีเยว่ส่งพลุขอความช่วยเหลือออกไปนั้น มันได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมากในเมืองตงหนิง มันโดดเด่นมากในตอนกลางคืน

เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายกำลังรับประทานอาหารในห้องส่วนตัวที่ร้านอาหาร พวกเขาเห็นหางของพลุบนท้องฟ้าและการระเบิดผ่านทางหน้าต่าง

“นั่นเป็นชีเยว่” ทั้งสองจำเปลวไฟได้ทันที พลุขอความช่วยเหลือเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรุ่นเยาว์ เพียงแค่ดูรูปร่างของดอกไม้ไฟ ก็สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นผู้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกมา

“ชีเยว่กำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างงั้นรึ” เมิ่งต้าเจียงและหลิวเย่ป๋ายต่างตกใจ

“วูบ”

หลิวเย่ป๋ายเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำและกระโดดออกจากหน้าต่างไปในทันที

เลือดของเมิ่งต้าเจียงเดือดพล่านขณะที่เขาเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำและพุ่งออกไปจากร้านอาหาร

อย่างไรก็ตามเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่พวกเขาวิ่งออกไป

“ปัง ปัง”

พลุอีกสองดอก

“นั่นชวนเอ๋อร์” เมิ่งต้าเจียงตะโกนอย่างกังวล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset