EP 7: เลขาบนเตียง
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ…”
เขาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง
“เกิดอะไรขึ้นอีก”
นี่เขาจะมาถามหล่อนทำไมว่าเกิดอะไรขึ้นอีก เขาน่าจะรู้ดีว่าถ้าเขาอยู่กับผู้หญิงเพียงลำพังในห้องหับมิดชิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ภาคไม่เคยกระทำการใดๆ หรือพูดจาอะไรให้หล่อนอับอายขายหน้าเลยนี่น่า แต่วันนี้เขากลับพูดและทำหลายครั้ง
“แก้ว… ออกมาก่อนค่ะ”
“หึ งั้นเซ็กซ์เมื่อคืนก็คือเรื่องจริงสินะ ไม่ใช่ความฝัน”
เขายังคงมองหล่อน
“และผู้หญิงที่นอนกับผมอย่างสุดเหวี่ยงมันส์หยดก็คือเจสสิกา”
“ก็… ใช่ค่ะ คุณ… คุณเจสสิกาค่ะ”
หล่อนไม่รู้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของภาคมันคืออะไร และไม่มีโอกาสได้มองซ้ำด้วย เพราะมันจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ คุณออกไปได้แล้ว เดี๋ยวใกล้เวลาประชุมค่อยมาตามผมอีกที”
“ค่ะ บอส”
หล่อนรีบลุกขึ้น แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้สะดุดกับขาของเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ร่างอรชรล้มลงก้นกระแทกพื้นเต็มแรง จนเจ็บลุกไม่ขึ้น
“เป็นอะไรไหมครับแก้ว”
ภาครีบลุกขึ้นและมาประคองหล่อนอย่างเป็นห่วง กลิ่นหอมจากเรือนกายทรงพลังของเขา กำลังทำให้กายสาวปั่นป่วนอย่างรุนแรง
“เอ่อ… แก้วไม่เป็นไรค่ะบอส ขอบคุณค่ะ”
หล่อนตอบเขาเสียงแผ่วเบา และพยายามที่จะขยับตัวออกจากการกอบกุมของเขา ซึ่งแน่นอนว่าภาคไม่ได้ขัดข้องแม้แต่น้อย
“แก้วขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ”
หล่อนที่กำลังจะเดินกะเผลกออกไปจากห้องทำงานหรูชะงักกึก และหันกลับมามองด้วยดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์แว่นหนา
“บอสมีอะไรให้แก้วรับใช้คะ”
เขาเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว จนหล่อนไม่อาจจะขยับหนีได้ทัน และสายตาของเขาก็จับจ้องลงมาที่ลำคอระหงขาวเนียน
“ยุงที่บ้านของคุณคงตัวใหญ่มาก ดูสิ กัดซะแดงเป็นจ้ำๆ ไปทั้งคอเชียว”
“เอ่อ…”
หล่อนรีบยกมือขึ้นกุมลำคอตนเอง หน้าตาตื่นตระหนก
ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ใส่ชุดทำงานที่มีคอเสื้อสูงแล้วนะ แต่เขากลับยังเห็นมันอีก รอยแดงจากปาก จากฟันที่เขาเป็นคนดูดเม้มนั่นเอง
“เอ่อ… น่าจะเป็นยุงที่งานเลี้ยงน่ะค่ะ ขอ… ขอตัวก่อนนะคะบอส”
“อืม เดินระวังนะครับ”
หล่อนแทบจะพุ่งออกไปจากห้องทำงานของภาคเสียให้ได้ และเมื่อออกมาแล้วหล่อนก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองลำคอที่มีแต่รอยปากดูดด้วยความปวดร้าว
ไม่ใช่แค่ที่ลำคอหรอกที่ภาคทิ้งร่องรอยสวาทเอาไว้ แต่มันทุกตารางนิ้วของกายสาวเลยทีเดียว โดยเฉพาะที่เต้านมทั้งสองข้าง
เขาดูด เขากัด และแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ทุกอณูเนื้อ
สัมผัสของเขายังคงอยู่ และมันก็ทำให้หล่อนเจ็บปวดเพราะความโหยหายิ่งนัก
ตลอดระยะเวลาการประชุม หล่อนสังเกตเห็นภาคปรายตามองหล่อนบ่อยครั้ง ซึ่งปกติแล้วเขาจะไม่เคยมองหล่อนเกินสามครั้งในห้องประชุม
หรือว่าหล่อนมโนไปเองนะ…?
หญิงสาวเต็มไปด้วยความสับสน ขณะเก็บเอกสาร และก้าวออกจากห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย
“อุ๊ย…”
หล่อนอุทานด้วยความตกใจเป็นที่สุด เมื่อเดินใจลอยออกมาแล้วชนเข้ากับร่างของผู้ชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง และร่างของหล่อนก็ถลาเข้าไปในอ้อมแขนของผู้ชายคนนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย
“ขอโทษครับ”
“เอ่อ… ไม่เป็นไรค่ะ แก้วเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเองค่ะ”
หล่อนขยับแว่นหนาเล็กน้อย พร้อมกับถอยออกห่าง เมื่อผู้ชายตรงหน้าคลายอ้อมแขนออกจากร่างสาว
“ผมเห็นคุณหลายครั้งแล้ว ว่าจะทักแต่ก็ไม่กล้า”
หล่อนมองหน้าคนพูด
“เอ่อ… คุณทำงานที่แผนกอะไรเหรอคะ”
“ผมอยู่แผนก R&D ครับ เป็นหัวหน้าแผนก เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้เดือนครึ่งครับ”
หล่อนฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดขึ้น
“อ๋อ เพราะอย่างนี้นี่เอง เราก็เลยไม่รู้จักกัน ฉันชื่อแก้วนะคะ เป็นเลขาของประธานบริษัทค่ะ”
“ผมชื่อสุพจน์ หรือเรียกว่าพจน์เฉยๆ ก็ได้ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เขายื่นมือมาตรงหน้า และหล่อนก็ไม่ใจดำพอที่จะทำให้เขาเสียน้ำใจ มือเล็กจึงยื่นออกมาสัมผัสกับมือใหญ่ของผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
“ถ้าไม่รังเกียจ กลางวันนี้ผมขอเลี้ยงข้าวนะครับ”
“เอ่อ ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่า… แก้วเกรงใจ”
“อย่าเกรงใจเลยครับ ถือว่าผมเลี้ยงข้าวขอโทษที่เดินชนคุณแก้วน่ะครับ”
หล่อนระบายยิ้มบางๆ ออกมา และก็ตอบตกลงไปอย่างเสียไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ งั้นขอบคุณมากนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
ผู้ชายตรงหน้าฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่หล่อนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยที่มีผู้ชายมาขายขนมจีบให้แบบนี้ เพราะทุกเสี้ยวหัวใจ หล่อนมีแต่ภาคนั้นเอง
“งั้นแก้วขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“ผมเดินไปส่งนะครับ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
“แผนกของผมอยู่ถัดไปนิดเดียวเองครับ ให้ผมเดินไปส่งนะครับ”
ความกระตือรือร้นของคู่สนทนา ทำให้หล่อนไร้ทางเลือกที่จะปฏิเสธอีกครั้ง
“ก็ได้ค่ะ”
หล่อนยิ้มน้อยๆ และก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า โดยมีสุพนจ์เดินขนาบข้างมา พร้อมกับชวนคุยตลอดทาง
พักเที่ยง หล่อนก็ออกไปกินข้าวกลางวันตามนัดของสุพจน์ แต่เพราะออกไปนอกบริษัททำให้กลับมาช้าไปเกือบสามนาที
หล่อนวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะชะงักกึก เมื่อเห็นภาคยืนกอดอกรออยู่ที่โต๊ะทำงานของหล่อนก่อนหน้า
“บอส…”
“คุณก็น่าจะรู้นะว่าผมไม่ชอบพนักงานที่ไม่ตรงต่อเวลา”
“เอ่อ… แก้วขอโทษค่ะบอส”
“ทำไมต้องออกไปกินข้าวข้างนอกด้วย โรงอาหารเราก็มี อาหารดีๆ ทั้งนั้น”
“แก้ว…”
“หรือว่าพอมีผู้ชายมาจีบเข้าหน่อย อาหารในบริษัทก็เลยไม่ถูกปากคุณขึ้นมา กนกแก้ว”
ท่าทางของภาคเต็มไปด้วยความหงุดหงิด หล่อนรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของเขาได้อย่างชัดเจน หล่อนผิด หล่อนเข้าใจ และยอมรับผิด แต่เขา… เขาไม่ควรจะดูถูกหล่อนแบบนี้เลย
“บอสคะ แก้วขอโทษค่ะ วันนี้แก้วจะทำงานเกินเวลาค่ะ และจะไม่รับค่าแรงด้วยค่ะ”
“ผมไม่ชอบคนประเภทวัวหายแล้วล้อมคอก คุณควรจะปรับปรุงตัวใหม่ ถ้ายังริอ่านจะกินเวลาทำงานของบริษัท ผมคิดว่า คุณไม่เหมาะสมที่จะทำงานที่นี่ต่อหรอก”
“บอส…”
หล่อนมองเขาด้วยความตกใจ หยาดน้ำตาคลอสองหน่วยตา
นี่ภาคกำลังขับไล่หล่อนทางอ้อมใช่ไหม
“แก้ว… แก้วจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกค่ะ”
“มันจะเกิดขึ้นอีก และเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ตราบใดที่คุณริอ่านมีแฟน”
“แก้วไม่ได้มีแฟนนะคะ แก้ว…”
“ผมเห็นทุกอย่าง และก็มั่นใจว่าคุณกำลังระริกระรี้ดีใจที่มีผู้ชายหน้าตาดีๆ มาจีบ แถมยังหนุ่มยังแน่นเสียด้วย”
ทำไมเขาจะต้องว่าหล่อนแบบนี้ด้วย หล่อนไม่ได้คิดอะไรกับสุพจน์เลย แล้วนี่หล่อนก็เพิ่งออกไปกินข้าวกับสุพจน์แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง
ทำไมภาคจะต้องโมโหใหญ่โตแบบนี้ด้วย…?
“แก้วขอโทษนะคะที่ทำให้บอสไม่พอใจ แก้วจะปรับปรุงตัวค่ะ”
“ดี ที่ยังคิดจะปรับปรุงตัว”
เขาเค้นเสียงดุดัน หน้าตาเกรี้ยวกราดอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน
“แต่ถ้าปรับปรุงตัวไม่ได้ ก็ไม่ควรจะทำงานที่นี่ ที่ผมพูด หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ กนกแก้ว”
เขาเรียกชื่อหล่อนอย่างห่างเหิน ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงาน เสียงประตูที่กระแทกลงบนวงกบดังสนั่นหวั่นไหว มันบอกให้รู้ว่าภาคกำลังหัวเสียมหาศาล
แต่หล่อนทำอะไรผิดกันเล่า… หล่อนทำอะไรผิดหนักหนากัน
หล่อนทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตนเอง น้ำตาไหลรินผ่านแว่นตาออกมายังแก้มนวล กลีบปากอิ่มสั่นระริกด้วยความเสียใจ
“บอส… ใจร้าย…”