ในขณะที่หยงซือเหม่ยกำลังเฝ้ารอคอยให้ลู่จิ้นยวนเอ่ยปากพูดออกมานั้น ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
ลู่จิ้นยวนมองดูหน้าจอโทรศัพท์ เป็นลู่อันหรานที่โทรเข้ามา เขาจึงไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ก้มหน้าลงแล้วกดรับโทรศัพท์
“อันหราน”
เมื่อได้ยินว่าลู่อันหรานเป็นคนที่โทรเข้ามาหา ภายในใจของหยงซือเหม่ยก็มีน้ำโหขึ้นมา ในช่วงเวลาที่สำคัญขนาดนี้ ยังมาถูกไอ้เด็กเวรนี่มารบกวนอีก
ทำไมตอนนั้นคนที่โดยยาพิษจนล้มไปไม่ใช่เขากันนะ
ลู่จิ้นยวนไม่ได้สังเกตเห็นถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของหยงซือเหม่ย เพราะกำลังตั้งใจคุยโทรศัพท์อยู่กับลู่อันหราน
“พ่อ พ่อฟื้นแล้ว ตอนนี้พ่อรู้สึกยังไงบ้าง
ยังเจ็บแผลอยู่ไหมครับ”
เพราะว่าลู่อันหรานกำลังดูแลไป๋ซินหรานอยู่ และกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกขึ้นได้ ดังนั้นแม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำยังเป็นการรีบวิ่งไปแล้วก็รีบวิ่งกลับมา ความจริงแล้วไม่อยากแม้แต่ที่จะอยู่ห่างเกินครึ่งก้าวเสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุนี้จึงทำได้เพียงแค่โทรศัพท์มาสอบถามอาการเท่านั้น
และหวังว่าคุณพ่อจะไม่โกรธด้วยเหตุผลที่ว่าตัวเขาและแม่คอยเฝ้าไข้อยู่ที่เตียงผู้ป่วยแล้วทำให้ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
เมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ แบบเด็กน้อยของลู่อันหราน ก็สามารถบอกได้ถึงความห่วงใยที่เขามีให้ตน อารมณ์ของลู่จิ้นยวนที่เกือบจะถึงขีดสุดแล้วก็ค่อยๆ แผ่วลง ดีขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ลูกชายแท้ๆ ของเขาก็ยังมีใจคิดถึงเขา
“พ่อไม่เป็นอะไร”
“งั้นก็ดีแล้ว เมื่อวานผมกับแม่เจอเรื่องไม่คาดคิดเข้านิดหน่อย ถึงได้ออกไปจากโรงพยาบาล พ่อไม่ต้องคิดมากหรอกนะ อย่าคิดว่าพวกผมไม่ห่วงพ่อล่ะ! ”
เมื่อได้ยินดังว่า ลู่จิ้นยวนจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ที่ลู่อันหรานพึ่งพูดขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ เมื่อวานเวินหนิงก็ออกจากโรงพยาบาลไปอย่างงั้นเหรอ
นัยน์ตาของฝ่ายชายนิ่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นความรู้สึกเจ็บปวดที่ตนมีอยู่เมื่อสักครู่นั้น ล้วนแล้วอาจจะเป็นเพราะความเข้าใจผิดทั้งหมดเลยก็เป็นได้ และต้นตอของความเข้าใจผิดนั้น ก็คือหยงซือเหม่ย
“อื้ม พ่อเข้าใจแล้ว ลูกวางใจได้ พ่อไม่ได้เป็นอะไร”
ลู่จิ้นยวนไม่อยากให้หยงซือเหม่ยได้ยินคำพูดที่เขาคิดอยากที่จะพูดต่อ จึงตัดสินใจวางสายลงไปก่อน ต่อมาก็ส่งข้อความไปหาลู่อันหราน ถามว่าสุดท้ายแล้วเมื่อวานนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
หยงซือเหม่ยเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นถึงเรื่องนี้ กลับยังทำหน้าซื่อตาใสรอให้ลู่จิ้นยวนพูดต่อจากบทสนทนาเมื่อครู่นี้
แต่ว่า ฝ่ายชายก็ยืนกดโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้นั้น ราวกับว่าหยงซือเหม่ยฝันไปก็ไม่ปาน ไม่มีร่องรอยของมันเหลือเลยแม้แต่น้อย
“ที่คุณพูดเมื่อกี้นี้……..”
“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ขอโทษด้วย”
ลู่จิ้นยวนรู้ว่าหยงซือเหม่ยจะพูดว่าอะไร ช่วงเวลานั้นเองที่เขารู้สึกดีใจมากเป็นพิเศษที่เมื่อสักครู่เขายังไม่ได้เปิดปากพูดอะไรออกไป เพราะว่าเขาเป็นคนที่รักษาคำพูดมาก พูดออกมาแล้วก็จะต้องทำ
และมันก็เกิดเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ ด้วย เกรงว่าการที่จะกลับลำก็ยากขึ้นมาแล้ว
เปิดก๊อกน้ำเพื่อให้เสียงน้ำที่ไหลอยู่นั้นสามารถกลบเสียงที่เขาจะพูดคุยได้ แล้วจึงโทรศัพท์ออกไปหาลู่อันหรานอีกครั้ง
เมื่อกี้นี้เขาได้ส่งข้อความถามลู่อันหรานถึงเรื่องที่เขาอยากรู้ไปแล้ว ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงเหลือเพียงแค่ต้องตอบคำถามมาเท่านั้น
“เมื่อวานพอผมได้ยินเรื่องที่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพ่อแล้ว ก็ร้อนใจมาก แล้วก็ยังเป็นแม่อีกด้วยที่เป็นคนเดาออกว่าพ่ออยู่ที่ไหน พวกเราเลยไปหา เพียงแต่ว่า หลังจากนั้นคุณย่ากับผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นก็โผล่มา แล้วยังไล่แม่ให้ไปให้พ้น……..ก็เลยไม่มีทางเลือก เลยมีแค่ผมกับเพื่อนของผมที่คอยอยู่ดูแลพ่อ เพื่อไม่ให้แผนของผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นสำเร็จ”
ทันทีที่ลู่จิ้นยวนได้ยินว่าเวินหนิงถูกไล่ออกไป ก็ตื่นเต้นจนเผลอขยับแขนข้างซ้ายที่มาบาดแผลอยู่ ส่งผลทำให้เขาเจ็บจนเกือบจะส่งเสียงร้องออกมา
ที่แท้เวินหนิงก็มาหาเขาจริงๆ เขาไม่ได้ฝันไป หยงซือเหม่ยพูดโกหกเพื่อหลอกเขา……..
“พ่อ พ่อต้องระวังเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อหยงซือเหม่ยหน่อยนะ เธออาจจะ ไม่ ไม่ใช่สิ ต้องเป็นเธอเนี่ยแหละ เธอผสมยาที่พ่อฉีดลงไปในชานมที่ผมสั่ง ตอนนี้เพื่อนของผมยังนอนอยู่บนเตียงไม่ฟื้นขึ้นมาเลย ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่คนดี……..”
ลู่อันหรานกลัวว่าลู่จิ้นยวนจะเชื่อหยงซือเหม่ย แล้วตกลงไปในกับดักของเธอ จึงรีบเอ่ยปากเตือนทันที
“อะไรนะ”
ลู่จิ้นยวนได้ยินเช่นนั้น แววตาก็ปรากฏความอาฆาตที่เย็นเฉียบขึ้นมา
เดิมทีเขานึกว่า หยงซือเหม่ยก็เป็นเพียงแค่คนหน้าด้านที่เข้ามาเกาะแกะเขาก็เท่านั้นเอง ไม่คิดเลยว่าเธอกลับลงมือกับลู่อันหรานได้
เธอโชคดีที่คอยเอาแต่เสแสร้งทำท่าว่าฉลาดรู้หนังสือเสียงเต็มประดาต่อหน้าแม่เขา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่ร้ายกาจถึงขนาดนี้
“เพราะว่าเรื่องนี้ เมื่อคืนแม่ก็เลยยุ่งอยู่ตลอดทั้งคืน วันนี้ตอนเช้าก็ยังออกไปหาคุณแม่ของเพื่อนผมอีก อยากจะทำให้ความหวังที่สองแม่ลูกจะมาเจอหน้ากัน กลายเป็นว่าเหนื่อยจนเป็นลมไปเลย ทั้งหมดนี้ ก็เป็นความผิดของผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นนั่นแหละ”
ลู่อันหรานรู้สึกกลัวเพราะผู้หญิงคนนั้นคอยดูแลอยู่ข้างกายลู่จิ้นยวนตลอดเวลา ใจเขาก็เลยไม่สงบจึงได้บอกความจริงทั้งหมดออกไป
หลังจากที่ลู่จิ้นยวนได้ฟังจนจบ ก็เอ่ยปากถามด้วยความห่วงใยไปในทันที “เป็นลมเหรอ
แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ตอนนั้นนั่นเอง เรื่องที่ว่าทำไมเหอจื่ออันถึงอุ้มเวินหนิงลงมาก็กระจ่างแน่ชัดแล้ว ไม่ใช่ว่าเพราะเธออยาก แต่เป็นเพราะว่าตอนนั้นเธอหมดสติงั้นเหรอ
เมื่อคิดได้ดังนี้ ความรู้สึกอึดอัดที่แน่นอยู่ในอกของลู่จิ้นยวนก็เบาลงมากเลยทีเดียว
ดูแล้ว ที่พวกเขาไปสวนสนุกก็เพียงแค่ต้องการจะหาคุณแม่ของเด็กคนนั้น ด้วยเหตุนี้ เลยไม่ใช่เป็นการไปเดตกันหวานชื่นสองคนเหมือนที่เขาคิดเอาไว้
“ตอนนี้นอนพักให้น้ำเกลืออยู่ แล้วก็……พ่อ พ่อช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ทำให้ผู้หญิงคนนั้นมาเยี่ยมเพื่อนของผมหน่อย……”
ลู่อันหรานพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด เพราะตอนนี้พ่อก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ แล้วตัวเขายังขอร้องเรื่องอะไรแบบนี้อีก เลยทำให้รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก
แต่ว่า มองดูไป๋ซินหรานที่คอยเอาแต่พูดเรียกหาแม่อยู่ตลอดเวลา เขาเองก็ทนไม่ไหว จึงทำได้เพียงฝืนพูดอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือจากลู่จิ้นยวน
ลู่จิ้นยวนนิ่งคิดไปสักครู่ แล้วจึงเอ่ยปากตกลงทันที
ในเมื่อ เพราะว่าเด็กคนนั้นอยู่กับลู่อันหรานถึงได้เจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ การที่ให้เธอได้พบหน้ากับแม่นั้น ก็ถือว่าเป็นการชดใช้แล้วกัน
แบบนี้ก็ยังเป็นการป้องกันไม่ให้เวินหนิงออกไปไหนด้วยกันกับเหอจื่ออันได้อีกด้วย ให้เห็นภาพเหตุการณ์แบบนั้นอีกสักกี่ครั้ง ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกกลัวว่าตนจะโกรธเสียจนหัวใจวาย
“ลูกส่งข้อมูลของเด็กคนนั้นมาให้พ่อ เดี๋ยวจะให้คนไปจัดการเรื่องนี้เอง”
“ขอบคุณครับพ่อ”
ลู่อันหรานเลยวางใจลงไปได้ ส่งชื่อและอะไรอีกหลายของเกี่ยวกับไป๋ซินหรานไปให้
ลู่จิ้นยวนก็รีบส่งเรื่องนี้ไปให้ลูกน้องจัดการต่อในทันที ผ่านไปไม่นานนัก ก็เจอเรื่องเกี่ยวกับแม่ของไป๋ซินหราน
ลู่จิ้นยวนนิ่งคิดไปพัก ตระกูลหลี่ เหมือนว่าจะมีการประชุมลงทุนกับลู่กรุ๊ป เพียงแต่ว่า เพราะคู่แข่งในตลาดมีมากเกินไป ดังนั้นเลยไม่ได้มีผลประโยชน์ที่ดีเท่าไหร่นัก
ลู่จิ้นยวนรีบสั่งให้คนเอาเอกสารสัญญามาทันที และติดต่อออกไปหาเจียงซินเฉียว ให้เธอสัญญาว่าจะทำให้ความหวังของไป๋ซินหรานเป็นจริง และสัญญาฉบับนี้ก็ตกเป็นของเธอไปเลยในทันที
ใช้เวลาไม่นานนัก เจียงซินเฉียวก็โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหา บอกว่าตกลงยอมที่จะไปเยี่ยมไป๋ซินหราน
จัดการเรื่องนี้เสร็จ ลู่จิ้นยวนก็รีบส่งข้อความไปบอกลู่อันหรานเลยทันที เพื่อให้เขาสบายใจ และรอให้เจียงซินเฉียวไปหาก็เป็นอันจบเรื่อง
ลู่อันหรานได้รับข้อความนี้ก็ดีใจเสียจนวิ่งไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าเตียงของไป๋ซินหราน “ซินหราน แม่เธออีกแปปเดียวก็มาแล้วนะ เธอต้องสู้ต่อไปนะ รีบๆ ตื่นขึ้นมาได้แล้ว”
ลู่จิ้นยวนจัดการเรื่องทั้งหมดเหล่านี้เสร็จก็ลงไปนอนทอดกายอยู่บนเตียง แล้วปิดเปลือกตาลงพักผ่อน
หยงซือเหม่ยเห็นว่าเขากลับมามีท่าทีไม่สนใจใยดีเธอเหมือนเก่าแล้ว ก็เปิดปากพูดขึ้นมาเองอย่างเจื้อยแจ้ว แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจ จึงทำได้เพียงเดินจากออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด
ไอ้เด็กเวรคนนั้น…….เธอคงจะต้องลงมือด้วยตนเองอย่างจริงจังเสียแล้ว ไม่อย่างงั้นล่ะก็ เรื่องก็คงจะไม่ยุ่งยากเสียขนาดนี้หรอก