บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 592 ความคิดอันชั่วร้าย

หยงซือเหม่ยกัดฟันตัวเองแน่น แต่ว่ากลับรู้ดีว่าเวินหนิงในตอนนี้ถือว่ามีน้ำหนักมากพอในใจของลู่จิ้นยวน ถ้าเธอจะแย่งขึ้นมาจริงๆละก็ กลัวว่าเธอเองก็ไม่มีวิธีไหนที่จะสู้ได้เลย

เลยได้แต่ทนเอาไว้ ทำเป็นมองไม่เห็นคำพูดของเวินหนิง

ยังไงสะเด็กสองคนนั่นก็ทนอยู่ในที่เงียบๆและแสนน่าเบื่อนี้ได้ไม่นานหรอก

เย่หวานจิ้งก็รู้สึกไม่ควรพูดอะไรต่อหน้าลู่จิ้นยวนอีก เมื่อเวินหนิงพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าเธอยังดึงดันจะพาลู่อันหรานกลับอีก กลัวว่าเดิมที่ไม่ค่อยจะสนิทกับเด็กแล้วจะทำให้ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น

“คุณน้าคะ คุณน้ากลับไปพักก่อนก็ได้นะคะ วางใจเถอะค่ะ ทางนี้หนูรับมือได้”

หยงซือเหม่ยพูดกล่อมเย่หวานจิ้งอย่างรู้งาน

“เห็นหนูมีน้ำใจแบบนี้ น้าเองก็ดีใจแล้วจ้ะ งั้นน้าขอ กลับก่อนนะ ทางเถ้าแก่ก็ร้อนใจรออยู่ น้าต้องกลับไปพูดรายละเอียดกับเขาหน่อย กลัวเขาจะไม่สบายใจ”

หยงซือเหม่ยพยักหน้ารับ แล้วมองดูเย่หวานจิ้งเดินออกไป

ชั่ววินาทีในห้องก็เหลือเพียงแค่หยงซือเหม่ยกับเด็กสองคน

ลู่อันหรานครั้งนี้ถือว่าดูหยงซือเหม่ยออกแล้ว นิ่งคิด แล้วหยิบกสรบ้านวันนี้ออกมาจากกระเป๋า

“เรามาทำการบ้านด้วยกันเถอะ”

ไป๋ซินหรานพยักหน้าให้ ยังไงสะอยู่เฉยๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เอาการบ้านออกมาทำก็เป็นทางเลือกที่ดี

ดังนั้น ทั้งสองก็เรียกพยาบาลมาขอให้ช่วยหาเก้าอี้มาให้สองตัว แบบนี้ เด็กทั้งสองก็มานั่งทำการบ้านด้วยกันอย่างตั้งใจ

พอเริ่มทำแล้วก็ลาดยาวเป็นเวลาหลายชั่วโมงเลย

ลู่อันหรานคือยังไงสะก็จะอยู่ที่นี่ให้ได้ เผื่อผู้หญิงร้ายคนนี้จะเล่นเล่ห์อะไรอีก เพราะฉะนั้นแล้ว ในเมื่อรวบรวมสติที่ไม่เคยมีแม้กระทั่งตอนเรียน มานั่งอ่านหนังสือ

ตอนแรก ยังเป็นไป๋ซินหรานที่เล่าเรื่องที่ลู่อันหรานไม่เคยฟัง พอมาถึงหลังๆ กลับเป็นลู่อันหรานที่เป็นคนสอนหนังสือเธอเอง

“อันหราน นายเก่งมาเลย ข้างหลังนี้ครูยังไม่เคยสอนเลย นายกลับทำได้หมด”

ไป๋ซินหรานอดไม่ได้ที่จะพูดชม พอได้ยินแบบนี้ ลู่อันหรานดีใจจนหางกระดิก“แหงอยู่แล้ว ไม่ใช่ฉันถ่อมตัวนะ เรื่องพวกนี้ ให้เวลาฉันสองชั่วโมงฉันก็ได้หมดแล้ว”

“ว้าว นายเยี่ยมไปเลย!”

ไป๋ซินหรานปรบมือให้ สีหน้านั้นดูชื่นชมเขามาก

เด็กสองคนทางนี้เล่นกันสนุกสนาน ไม่มีความน่าเบื่อเลยสักนิด แต่ทางของหยงซือเหม่ยนั้นกลับรำคาญถึงสุดขีด

มีตัวขัดขวางนั่งอยู่สองคนทำให้เธอทำอะไรไม่ได้เลย ได้แค่นั่งอยู่ข้างๆลู่จิ้นยวน ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วยังต้องมาทนฟังเสียงของเด็กสองคนนั่นอีก

“เสียงดังมากเกินไปแล้ว พวกเธอจะเรียนกันกลับบ้านไปนั่งเรียนไม่ได้หรือไง?”

ในที่สุด หยงซือเหม่ยก็หมดความอดทนพูดขึ้น

“ทำไมหรอครับ ในขณะที่พวกเรากำลังรอพ่อของผมฟื้น แล้วเรียนหนังสือไปด้วยไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอครับ?

ถ้าพ่อผมฟื้นแล้วเห็นผมมุ่งมั่นกับการเรียนแบบนี้ และรู้งานแบบนี้ อาจจะดีใจจนหายเจ็บมือเลยก็ได้”

ลู่อันหรานหันหน้ากลับ เขาไม่กลัวเลยสักนิด และคำพูดของเขายังทำให้หยงซือเหม่ยพูดอะไรไม่ออก

“งั้นพวกเธอเรียนไปละกัน ฉันขอไปหาอะไรทานหน่อย”

หยงซือเหม่ยกัดฟันพูดออกไป และไม่ได้มีท่าทีที่จะพาเด็กสองคนไปหาอะไรกินด้วย

“พวกเธอสองคนระวังตอนกลางคืนไม่มีอะไรให้ทานนะ”

ไป๋ซินหรานได้ยินคำนี้ก็หันไปมองลู่อันหรานด้วยท่าทีเป็นห่วง ปกติเธออยู่บ้านมักจะโดนทำโทษไม่ให้ทานข้าวมื้อดึกเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ลู่อันหรานจะทนได้หรอ?

“เหอะๆ ตอนนี้ยังมีคนล้าสมัยขนาดนี้อีกหรอ ไม่รู้หรือไงแค่เอาโทรศัพท์ออกมากดสั่งอาหารก็สามารถเรียกคนมาส่งข้าวให้ถึงมือได้?”

ลู่อันหรานพูดด้วยท่าทีเย้ยหยัน ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าเขาอยากจะทานข้าวที่หล่อนเลี้ยงนักหรือไง ถึงเวลาคิดว่าจะเป็นมื้ออาหารโต๊ะเลี้ยงส่งนะสิ เขายังกลัวกินแล้วจะมีพิษเลย

“ซินหราน เดี๋ยวเราสั่งกันเยอะหน่อย แล้วสั่งกระทิงแดงสักขวดสองขวด ถึงเวลาเธอนอนตอนก่อนเที่ยงคืน ฉันนอนตอนหลังเที่ยงคืน ยังไงก็รอจนถึงพ่อฟื้น”

ลู่อันหรานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสั่งอาหารไปไม่กี่อย่างๆรวดเร็ว พวกเขามีกันสองคน ถ้าจะเฝ้าเวรขึ้นมาละก็ยังไงก็ได้เปรียบมากกว่าหยงซือเหม่ยอยู่แล้ว

ยังไงสะ จะให้เธอมีโอกาสทำดีต่อหน้าพ่อไม่ได้

ไป๋ซินหรานก็ไม่รู้ความตั้งใจนั้น แต่เธอก็พยักหน้าตอบ“ได้ วางใจได้เลย ฉันไม่แอบนอนหลับหรอก”

หยงซือเหม่ยที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจมากขึ้น

จากที่เธอคิดว่าไล่เวินหนิงไปแล้ว เย่หวานจิ้งก็กลับแล้ว เหลือแค่เธออยู่เฝ้าลู่จิ้นยวนที่นี่

พอถึงเวลาที่เขาฟื้นขึ้นมา เห็นภาพนี้ละก็ ใจแข็งยังไงก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแหละใช่มั้ย?

อีกอย่างเธอยังสามารถพูดไปว่าเวินหนิงไม่ถามถึงสารทุกข์สุขดิบของเขาเลย ให้ลู่จิ้นยวนตายใจจากเธอโดยเร็ว

แต่ตอนนี้มีเด็กผีสองคนอยู่ที่นี่ ฝันเธอสลายไปหมด

ยิ่งคิดยิ่งแค้น หยงซือเหม่ยเดินหัวเสียออกจากห้องไป

“เหอะๆ มีความสามารถแค่นี่ยังจะมาเล่นแง่กับฉันอีก”

ลู่อันหรานหัวเราะในลำคอ แม่ไม่คิดอยากสู้กับเธอ ใช่ว่าเขาจะไม่จัดการ ให้เธอนั้นพูดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ได้

“เรียบร้อย เราพักกันสักพัก เดี๋ยวอาหารก็มาส่งแล้ว ฉันสั่งไก่ทอดกับชานมไข่มุกไป”

ไป๋ซินหรานไม่มีอะไรอยู่แล้ว เธอจัดการเก็บหนังสือบนโต๊ะทั้งหมด

“เราเอาเก้าอี้ไปคืนพวกเขาเถอะ”

ไป๋ซินหรานเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จมองไปที่เก้าอี้แล้วพูดขึ้น

ลู่อันหรานพยักหน้า“โอเค”

และแล้วเด็กทั้งสองก็ยกเก้าอี้เดินออกไป แต่โรงพยาบาลนี้ใหญ่มาก อีกอย่างเมื่อสักครู่พวกเขาก็ไม่ได้ถามว่าเก้าอี้นี้ใครเป็นคนเอามาให้ จึงได้แค่ถามหาอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายไป

……

หยงซือเหม่ยกลับมา เห็นเด็กสองคนนั้นออกไปแล้ว ในตอนที่กำลังจะดีใจนั้นก็เห็นกระเป๋าของสองคนนั้นยังอยู่ที่นี่ ดูแล้วคงจะแต่ออกไปสักพัก สงสัยออกไปเอาข้าวที่สั่ง

หยงซือเหม่ยที่เมื่อสักครู่รู้สึกดีใจก็เริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมา ในเวลาเดียวกัน ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง“สวัสดีครับ ใช่ห้อง407เป็นคนสั่งข้าวเปล่าครับ?”

คนที่มาส่งข้าวมาเคาะประตู เดิมหยงซือเหม่ยจะไล่คนกลับไป เด็กสองคนนั่นน่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว ยังคิดอยากทานข้าวดีดีอีกหรอ?

ทันใดนั้น สายตาของเธอเหลือบไปเห็นขวดยาที่อยู่บนหัวเตียงของลู่จิ้นยวน ความคิดอันขั่วร้ายได้โผล่งขึ้นมาในสมองของเธอ

นิ่งคิดสักพัก เธอเดินออกไปเอาข้างที่สั่งเข้ามา แล้วมองเห็นชานมไข่มุกที่อยู่ในถุง

ถ้าเธอผสมยานี้เข้าไปจะเป็นยังไงนะ…….

ความคิดแสนขั่วร้ายนั่น โผล่งขึ้นมาอีกแล้ว

มองไปที่ลู่จิ้นยวนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ถึงเวลานี้แล้วผู้ชายคนนี้ก็ยังคงดูดี ราวกับเป็นเจ้าชายในนิทานที่ไร้ที่ติใดๆ แค่กำลังตกอยู่ในนิทรา

และเธอ ก็เหมือนเป็นเจ้าหญิงที่จะมาช่วยเจ้าชายที่ตกอยู่ในนิทรานี้……

ความคิดชั่วร้ายนั้นทวีคูณขึ้น ทำให้ลบล้างความกลัวในใจของหยงซือเหม่ยไป เธอหยิบขวดยานั้นขึ้นมาเปิดออก ผสมเข้าไปในน้ำชานมไข่มุกแก้วนั้น ในตอนที่กำลังจะใส่เข้าไปในอีกแก้วนั้น ก็มีเสียงเท้าเดินเบาๆ ดังมาจากข้างนอก

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset