เหตุการณ์ค่อนข้างอลหม่านวุ่นวาย
ฝั่งหนึ่งคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต ส่วนอีกฝั่งก็คือคนในครอบครัว ติงฉี่ซานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เมื่อต้องเผชิญกับคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผลของพ่อลูกตระกูลเกา ติงฉี่ซานนั้นอยากจะไล่ตะเพิดพวกเขาออกไป แต่…
เฮ้อ หากจะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่ทำไมต้องไปติดหนี้บุญคุณมากมายในตอนนั้นด้วย จะจ่ายคืนก็ทำไม่ได้
เกาจื้อติ้งกล่าวอย่างเยาะเย้ย “ข้อเสนอของลูกชายฉันก็ไม่เลวเลย ต้องให้เมิ่งเหยนมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนสิถึงจะเป็นการขอโทษที่แท้จริง เพื่อนร่วมชั้นเก่า ฉันได้ยอมถอยให้นายพอแล้ว นายรีบออกความเห็นมาเถอะ”
เอาความเห็นอะไรก็ว่ามา?
ติงฉี่ซานจะให้ลูกสาวของตนไปดื่มกับคนอื่นได้อย่างไรกัน?อีกทั้งยังต่อหน้าลูกเขยอีก หากทำเรื่องนี้ล่ะก็ต่อไปในอนาคตเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปมีชีวิตอยู่ต่อกันล่ะ?
เขายอมตายดีกว่าที่จะมาทำอะไรแบบนี้
ในเวลานี้ เจียงชื่อยืนลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆ พร้อมกับเดินไปที่ด้านข้างของโต๊ะกลางโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นหยิบมีดปอกผลไม้และเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
เมื่อมองดูแววตาและท่าทางของเขา นี่มันเป็นท่วงท่าของคนที่จะไปแทงใครนี่!
พ่อลูกตระกูลเกาตกใจแทบตาย
ติงฉี่ซานตะโกนออกมา “เจียงชื่อ ใจเย็นๆ อย่าหุนหันพลันแล่นไป!”
เจียงชื่อได้หยุดฝีเท้าลงในระยะห่างไม่ถึงสองเมตร “พ่อ วางใจเถอะ ผมใจเย็นมากเลยล่ะ”
หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็ได้พูดต่อว่า “ไหนๆ ก็บอกว่าหนี้ของพ่อให้ลูกชดใช้ แม้ว่าผมจะไม่ใช้ลูกชายแท้แต่ลูกเขยก็ถือว่าเป็นลูกชายอยู่ครึ่งหนึ่ง พ่อฉันติดหนี้คุณ ลูกชายอย่างฉันก็จะเป็นคนใช้หนี้ให้เอง”
เกาจื้อติ้งนั่งไขว่ห้าง “ชดใช้?นายจะชดใช้ยังไง?”
เจียงชื่อยกสามนิ้วขึ้นมา “ในตอนนั้นพ่อของฉันทำให้คุณต้องถูกแทง เวลาผ่านมาก็หลายปีแล้ว ฉันจะเพิ่มดอกเบี้ยให้คุณหน่อยก็แล้วกัน ชดใช้ให้สามครั้ง ตั้งแต่ลงมีดสามครั้งเป็นต้นไปพระคุณระหว่างคุณกับพ่อของผมถือว่าสะสางไม่ติดค้างอะไรกันอีก”
เกาจื้อติ้งเขย่าขาพร้อมกับพูดว่า “เอาสิ แทงเลย นายพูดเองนะว่าลงมีดสามครั้ง นายกล้าแทงตัวเองสามครั้งเมื่อไหร่ พวกเราก็ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
พูดขนาดนี้แล้ว ติงเมิ่งเหยนจะปล่อยให้เจียงชื่อมาทำวุ่นวายได้ยังไงกัน?
เธอโยนตะเกียบทิ้งพร้อมกับรีบพุ่งไปที่ด้านข้างของเจียงชื่อและจับมือของเจียงชื่อไว้ “สามีคะ ใจเย็นลงหน่อยเถอะ อย่าซี้ซั้วทำเลย มีดสามเล่มไม่ใช่เรื่องตลกนะ อาจตายได้เลย!”
ติงเฉิงเฟิง ติงฉี่ซานและเมิ่งเหยนต่างพากันลุกขึ้นยืนมาห้ามปราม
อย่างไรก็ตาม เจียงชื่อผลักติงเมิ่งเหยนออกไปเบาๆ “วางใจเถอะ ฉันเป็นทหารมาตั้งนาน บาดเจ็บมาตั้งเยอะมีดสามเล่มทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
เกาจื้อติ้งพูดเสริมอีกว่า “แต่มีดของฉันเล่มนี้มันดันแทงใกล้หัวใจเสียด้วยสิ นายอย่าไปใช้มีดสามเล่มนั้นกรีดแทงไปที่น่องล่ะ เพราะมันจะไร้ความหมายเลยนะ”
เจียงชื่อพยักหน้า “วางใจ จะไม่ทำให้คุณต้องเสียเปรียบเลย”
เมื่อพูดจบ เขาก็ค่อยๆ ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นเรือนร่างของหน้าอกที่แข็งแกร่ง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
“มีดเล่มแรก ชดใช้ให้คุณ”
ด้วยความมือไวตาไว เจียงชื่อใช้มีดกรีดแทงเข้าไปที่บริเวณใกล้กับหัวใจอย่างรวดเร็ว คนที่เห็นต่างพากันอกสั่นขวัญหาย
“ที่รัก!”
“ชื่อเอ๋อ!!”
“น้องเขย!!!”
คนของตระกูลติงรู้สึกชาไปทั้งตัว ตำแหน่งนั้นอยู่ใกล้หัวใจเกินไป หากไม่ระวังก็ถึงตายได้เลย!
เจียงชื่ออดทนต่อความเจ็บปวด จากนั้นหยิบมีดปอกผลไม้เล่มที่สองขึ้นมา
“มีดเล่มที่สอง สำหรับดอกเบี้ย”
ทันทีที่สิ้นเสียง มีดเล่มที่สองก็ได้กรีดแทงลงไปใกล้กับมีดเล่มแรกอีกครั้ง
อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้น
แม้จะเป็นเทพแห่งสงครามชูร่า แต่เมื่อต้องประสบพบเจอกับความเจ็บปวดที่รุนแรงเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดราวกับกระดาษ
“มีดเล่มที่สาม ไม่ติดค้างบุญคุณและความแค้นกันอีก!”
ความเร็วของมีดเล่มที่สามก็ยังคงว่องไวเช่นเดิม ภายในชั่วพริบตามีดก็ได้พุ่งแทงเข้าไปที่หน้าอกของเขา
มีดทั้งสามเล่มปักอยู่ที่บริเวณหัวใจ หากผิดพลาดอะไรไปแม้แต่น้อย นั่นถือเป็นพฤติกรรมที่อันตรายถึงชีวิต
ติงเมิ่งเหยนทรุดตัวลงที่พื้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและสิ้นหวัง น้ำตาไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้
“สามี สามีคะ~~”
ติงฉี่ซานกับติงเฉิงเฟิงเองก็ตกใจจนนั่งล้มลงไป เมื่อมองไปที่เจียงชื่อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาต่างตกใจกลัวจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
สำหรับพ่อลูกตระกูลเกา…..
พวกเขาเองก็ตกใจในตอนแรก คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงชื่อนั้นจะมีความเป็นชายพอตัวที่จะกล้าแทงตัวเองเข้าไปจริงๆ
เมื่อมองย้อนกลับไป นี่มันไม่ใช่คนโง่หรอกเหรอ?
คำพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้เขาแทงตัวเองได้ ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะไม่สามารถทำการใหญ่ได้เป็นแน่
ในใจของเกาจื้อติ้งนั้นพอใจเป็นอย่างมาก เขายิ้มพร้อมกับพูดว่า “อั๊ยยะเฮ้ นี่ทำได้จริงๆ งั้นเหรอเนี่ย?แต่เจียงชื่อ นายแทงตัวเองแล้วมันทำไมกันล่ะ?ตอนนั้นฉันได้ช่วยชีวิตพ่อตาของนายหนึ่งครั้ง ตอนนี้นายมาแทงตัวเองก็ไม่ได้ถือว่าช่วยฉันแต่อย่างใด เดิมทีก็ไม่ได้นับว่ามีผลอะไรอยู่แล้ว”
คนประเภทนี้ พูดจาก็เหมือนกับปล่อยลมตด ไม่ยอมรับยังไงก็ไม่ยอมรับวันยังค่ำ
ติงฉี่ซานตวาดประณามด้วยความโกรธแค้น “ไอ้แซ่เกา ฉันยังติดหนี้บุญคุณบ้าบออะไรอีกล่ะ!ตอนนี้ลูกเขยของฉันนั้นได้ชำระหนี้ให้หมดแล้ว พวกเรานั้นสะสาง ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก!”
เกาจื้อติ้งมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “นายบอกว่าสะสางก็คือสะสางแล้วงั้นเหรอ?”
ติงฉี่ซานมองไปที่เขา “ฉันบอกว่าสะสางแล้วจะทำไม?”
เกาจื้อติ้งขมวดคิ้ว จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังยืนกรานที่จะกดขี่ติงฉี่ซานไปให้ถึงที่สุด ดูเหมือนว่าจะใช้การได้ไม่ดีซะแล้วสิ
“เอาล่ะ ติงฉี่ซานคนอกตัญญู ฉันช่วยนายไว้…”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เจียงชื่อก็ได้ใช้มือตบไปที่ไหล่ของเกาจื้อติ้ง “หนี้ของคุณที่ติดค้างได้ใช้คืนหมดแล้ว ตอนนี้ตระกูลติงไม่ต้อนรับพวกคุณพ่อลูกอีก รีบออกไปซะ”
เกาจื้อติ้งหันกลับไปมองเจียงชื่อผู้ที่ใช้มีดสามเล่มแทงตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ เขาคิดว่าร่างกายของเจียงชื่อนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสและคงสูญเสียกำลังในการต่อสู้ไปแล้ว ไม่คุ้มค่าที่จะต้องไปกลัวแต่อย่างใด
“นายในตอนนี้ ยังมีความมั่นใจอะไรถึงมาท้าทายฉันอีก?”
“ฉันสามารถฆ่านายได้อย่างตามอำเภอใจเลยล่ะ เข้าใจไหม?”