บทที่ 23 ต่อให้ไม่เชื่อว่ามันมีค่าก็ควรจะยั้งปากไว้บ้าง
หลังจากยกฝากล่องของขวัญออกก็เผยให้เห็นหินสีเขียวมรกตที่ดูหรูหรา ทั่วทั้งชิ้นนั้นใสกระจ่างไร้ร่องรอยใดๆ มันดูราวกับว่าเป็นจี้หยกนกไฟจริงๆที่วางเอาไว้บนผ้ากำมะหยี่
ทันทีที่จี้หยกนี้ปรากฎ บรรยากาศโดยรอบพลันอยู่ในสภาพตกตะลึงกันไปทั่ว
แม้แต่ซ่งหว่านเอ๋อที่เห็นเองก็ต้องตกตะลึงเพราะมันคือจี้หยกนกไฟจริงๆ
เธอไม่แทบจะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าหากจี้นี้เป็นของจริงแล้วจะมีมูลค่าสูงขนาดไหนกัน
ในตอนนี้เอง ฉินโชว ที่ในตอนแรกนั้นการทำให้เจียงฮ่าวกลายเป็นตัวตลกของงานเมื่อเห็นจี้หยกนี้แล้วก็ต้องนิ่งอึ้งไป จิตใจของมันนั้นปั่นป่วนร้อนรุ่มในทันใด
แต่เมื่อมันมานึกดีๆหลังจากเห็นชุดที่เจียงฮ่าวสวมใส่แล้วทำให้มันแสดงท่าทางหนึ่งออกมา
“พี่ชายเจียงนี่ไม่น่าเอาของอย่างนี้มาล้อกันเล่นเลยนะ พี่ไม่รู้รึไงว่าคนในงานนี้คือใครกัน แค่ดูก็รู้แล้วว่าจี้หยกนกไฟที่อยู่ตรงน้านี้ต้องเป็นของทำขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ลองดูดีๆสิ ถึงแม้มองแวบแรกมันจะดูเหมือนหยกจริงๆก็ตาม”
“แต่ถ้ามองอย่างละเอียดก็จะรู้ว่ามันเป็นของทำขึ้นมา น่าจะเป็นพวกเครื่องแก้วหลอมอะไรพวกนั้น”
หลังจากสิ้นเสียงของฉินโชวทำรายบรรยากาศที่ตกตะลึงจนเงียบงันไปเมื่อสักครู่นี่ทำให้แขกเหรื่อที่เห็นท่าทางของฉินโชวแล้วก็อดที่จะคล้อยตามไม่ได้ นั่นก็เพราะคนพวกนี้ไม่มีใครรู้เรื่องหยกเลยแม้แต่น้อย
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือไม่ว่ามองยังไงเจียงฮ่าวก็ไม่น่าจะใช่คนรวยเลยสักนิด
หากคนอย่างนี้เอาสมบัติอันล้ำค่าออกมาได้นั้นย่อมไม่มีทาง เพราะขนาดตัวคนเหล่านี้เองจะมีไว้ครอบครองสักชิ้นยังไม่สามารถ นับประสาอะไรกับเด็กท่าทางจนๆคนหนึ่ง
และนี่เองทำให้ผู้คนที่มุงดูกลับแสดงความเห็นของตนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันที
“ไม่น่าเลยจริงๆ ไอ้เด็กนี่ถึงกับกล้าดีจริงๆที่เอาแก้วหลอมมาเป็นของขวัญแบบนี้”
“แหม่ ฉันเห็นตอนแรกนี่ใจหายวาบเลยนะนึกว่าเป็นของจริง แต่กลับกลายเป็นแก้วธรรมดาซะนี่”
“ก็น่าจะใช่นะ ไอ้เด็กนี่ดูยังไงก็ไม่น่ามาจากตระกูลใหญ่ที่นำของพวกนี้มามอบให้ใครได้ง่ายๆ”
“แต่….ทำไมฉันมองยังไงก็เป็นของจริงล่ะ”
“……….”
ในขณะที่ทุกคนโดยรอบกำลังเย้ยหยันเขาอย่างออกรถออกชาตินั้น เจียงฮ่าวไม่ได้ว่าอะไรออกมา เขานั้นทำเพียงจ้องมองไปยังฉินโชวด้วยรอยยิ้มเยาะโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“โอ้….เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ให้พวกเราร่วมวงด้วยได้รึเปล่า”
ในตอนนี้เป็นซ่งหว่านซ่งที่เดินเข้ามาพร้อมทั้งคนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งที่เดินตามมาด้วยความสนใจ
ในตอนนี้เอง ฉินโชวนั้นเห็นเป็นโฮกาสที่จะเล่นงานเจียงฮ่าวให้อยู่หมัด มันจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ซ่งหว่านซ่งฟังในทันที
“ลุงส่ง หมอนี่คือเพื่อนร่วมชั้นของหว่านเอ๋อและคิดจะหลอกเธอด้วยการมอบจี้หยกปลอมให้เป็นของขวัญวันเกิดหว่นเอ๋อ ผมเลย…”
ยังไม่ทันที่ชิโฉวจะพูดได้จบประโยคดี ชายแก่ที่อยู่ข้างซ่งหว่านเอ๋อที่เหลือบไปมองจี้หยกตัวปัญหาที่อยู่ในมือของซ่งหว่านเอ๋อในทันที
แต่ในทันทีที่เห็นจี้หยกนี้ ดวงตาของเขาได้เบิกโพลง แล้วรีบแหวกวงล้อมผู้คนเข้าไปเอาหน้าจ่อดูจี้หยกนี้ในระยะประชิดในขณะที่อยู่บนมือของซ่งหว่านเอ๋อ
เขาจ้องมองจี้หยกในมือของซ่งหว่านเอ๋อราวกับเด็กน้อยที่ได้เจอของเล่นถูกใจ มือของเขานั้นสั่นระริกในขณะที่ทำท่าราวกับพยายามห้ามใจไม่ให้หยิบฉวยจี้หยกในกล่องออกไปจากมือเด็กสาว
ทุกการกระทำของชายชราคนนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบตกตะลึง
แม้แต่ฉินโชวเองก็ต้องถึงกับผงะ
ในตอนนี้เองก่อนที่จะหยิบฉวยออกมา ชายชราได้ยกตัวขึ้นมองไปยังซ่งหว่านเอ๋อที่ในตอนนี้กำลังจ้องมองไปยังจี้หยกนี้ด้วยสายตาที่เหม่อลอย ชายชราได้ทำการนำมือไปวางบนไหล่ของซ่งหว่านเอ๋ออย่างเบามือและได้พูดออกมา
“สาวน้อยหวั่นเอ๋อ ขอชายชราผู้นี้สัมผัสสร้อยคอของหนูหน่อยนะ”
และเป็นตอนนี้เองที่ทำให้ทุกคนนั้นต้องจ้องมองไปยังชายชราด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย
และเป็นตอนนี้เองเช่นเดียวกันที่ฉินโชวนั้นสัมผัสได้ถึงรางร้าย
ในตอนนี้ ซ่งหว่านเอ๋อที่ติ่นจากภวังค์ด้วยการสัมผัสอันเบามือของชายชรา เมื่อเธอรู้ตัวว่าคนที่ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาเป็นใคร เธอได้รีบกระวีกระวาดตอบรับจนส่งเสียงดังในทันที
“ปู่สามมม ดีเลยค่ะ นี่มันยอดมากเลย ปู่ช่วยหนูดูหน่อยสิคะว่าจี้หยกนี้ทำมาจากหยกจักพรรดิรึเปล่า”
หลังจากได้รับคำยินยอม ชายชราได้ค่อยๆบรรจงหยิบสร้อยคอขึ้นมาอย่างเบามีและนำมาส่องดูใกล้ๆ
และด้วยคำพูดของซ่งหว่านเอ๋อนี่เองทำให้ผู้คนที่พูดถากถางเจียงฮ่าวในตอนแรกนั้นถึงกับสะดุ้งเฮือกในทันที
“เฮื้อออกกกก”
ทุกคนนั้นส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมๆกัน
“ห้ะ มันไม่ใช่แก้วสีเขียวหรอกเหรอ”
“โกหกน่า ชิ มันไม่ทางเป็นของจริงแน่ๆ ไม่ใช่ใช่ไม๊”
“พระเจ้า คิดไม่ผิดจริงๆ นั่นคือหยกเขียวจักรพรรดิ์”
“………..”