บทที่ 39 ถอยไปเดี๋ยวจัดการเอง
ในตอนนี้เอง เมื่อทุกคนที่มุงดูได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนว่าช่วยได้ ทุกคนได้เปิดทางให้ในทันทีตามต้นเสียงที่ได้ยินมา
“นี่….คือหมอเหรอ”
เจียงฮ่าวได้ใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าไปยังร่างของชายแก่อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เอง ทุกคนเมื่อได้เห็นว่าเป็นนักเรียนก็ได้นิ่งอึ้งไป
“ไหนหมอล่ะ ไหนบอกว่าหมอมาแล้ว”
“ไอ้ฉิบหาย เป็นไอ้เด็กเวรนี่ที่ตะโกนออกมาหรอกเหรอ”
“จริงดิ แค่เด็กนักเรียนเนี่ยนะจะมาช่วย ฆ่าตาแก่นี่ซะมากกว่าล่ะมั้ง”
“ไอ้เด็กนี่มาจากไหนเนี่ยถึงกล้าตะโกนว่าจะช่วยได้ มันกล้าดียังไงถึงได้มาทำเป็นเล่นในช่วงเวลาแบบนี้”
“…”
ในทันทีที่เจียงฮ่าวเข้าไปอยู่ข้างกายชายชรา เมื่อหญิงสาวที่ชื่อว่า เทียนทงได้ยินว่าเขานั้นต้องการช่วย นี่เปรียบได้ดั่งฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเธอจึงได้หันไปดู
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นนักเรียนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ไม่ว่ามองยังไง ทั้งชุดและความอ่อนเยาวนั้นมองยังไงก็คิดเป็นอื่นไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ตัวเธอนั้นหวาดวิตกจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ต่อให้ต้องเจอกับคนแปลกหน้าแบบนี้ เธอเองก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่บังเกิดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดอยู่ในใจ
“คุณช่วยคุณปู่ได้จริงๆเหรอ”
เจียงฮ่าวเมื่อได้ยินก็นึกอยากจะพยายามปลอบใจหญิงสาวตรงหน้า เขาจึงจ้องมองด้วยสีตามุ่งมั่นและพูดออกไป
“เชื่อฉันเถอะนะ ฉันทำได้ คุณปู่ของเธอต้องหายดีแน่นอน”
ในตอนนั้นเองในขณะที่เจียงฮ่าวกำลังจะสัมผัสร่างของชายชราเพื่อถ่ายทอดแก่นแท้ของชีวิตไปนั้น
“หยุดไอ้เด็กนั่น อย่าให้ไอ้เด็กนั่นจับคนไข้ เด็กอย่างมันจะไปรู้อะไร”
ในตอนนี้เอง เสียงแหลมสูงได้พูดออกมาจากกลุ่มผู้คนในทันที
ตามมาด้วยชายหนุ่มในชุดสูทได้รีบพูดออกมาก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“ฉันชื่อเจียเร็น หมอจากโรงพยาบาลเทียนเหอที่สอง นี่คือใบรับรอง”
เมื่อทุกคนได้เห็นดังนั้นก็ได้รีบเปิดทางให้หมอทันที
“เฮ้ หมอมาแล้ว รีบไปจับตัวไอ้เด็กเวรนั่นออกมาเดี๋ยวนี้”
ในตอนนั้นเอง คนที่มุงดูได้รีบเข้าไปชุดกระชากเจียงฮ่าวออกมาในทันที แม้แต่เทียนทงเองก็ยังเอาตัวมาป้องไม่ให้เจียงฮ่าวจับตัวปู่ของตน
เจียเร็นที่เห็นก็ได้ทำการสั่งสอนเจียงฮ่าวตรงหน้าอย่างอารมณ์เสีย พลางเข้าไปเช็คอาการชายชรา
“ไอ้เด็กเวรนี่ แค่เด็กนักเรียนอ่อนด้อยความรู้อย่างแก่เนี่ยนะจะสามารถ…”
ก่อนที่เจียเร็นจะได้กล่าวคำสั่งสอนจบ ใบหน้าของเขายุ่งตรวจมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแสดงสีหน้าที่หมดหวังมากขึ้นมากขึ้น จนในที่สุด ตัวเขานั้นก็ไม่สามารถพูดสั่งสอนออกมาได้อีกเลยสักคำ
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ชายชราท่านนี้ชีพจรอ่อนแรงมากแล้ว ท่านคงงงง….”
แต่ก่อนที่เจียเร็นจะได้พูดจบประโยค เทียนทงในตอนนี้เธอเดาได้ในทันทีว่าเจียเร็นจะพูดอะไร นี่ทำให้เธอหน้าของเธอต้องถอดสีจนแถมจะหมดสติไปในทันที
ตอนนั้นเองเจียงฮ่าวได้สลัดผู้คนที่มาเกาะแกะให้กระเด็น
“ไอ้ขยะ”
เขาผลักเจียเร็นจนกระเด็นออกไปเล็กน้อยก่อนที่ชี้นิ้วแล้วด่าออกไปอย่างงไม่ไว้หน้าว่า
“ถ้าแกไม่มีปัญญาจะรักษาก็ออกไปดูอยู่ห่างๆอย่าได้มาขวางทางช่วยชีวิตของผู้เฒ่าคนนี้ ถ้าแกยังมาขวางอยู่อีกฉันจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว”
ในขณะเดียวกัน เขาชี้หน้ากวาดไปยังผู้คนที่ชี้หน้าไปยังคนที่เข้ามาชุดรั้งเขาออกไปเมื่อกี้แล้วพูดออกมาอย่างดุดัน
“แล้วพวกแกน่ะ มีปัญญาช่วยเขารึเปล่า”
นี่ทำให้ทุกคนได้เห็นน้ำเสียงที่เอาจริงของเจียงฮ่าว พวกเขาทำได้เพียงก้าวถอยหลังไปเท่านั้น
เมื่อไม่เห็นใครกล้าเข้ามาขวางอีก เจียงฮ่าวได้กลับมายืนข้างชายชราอีกครั้งก่อนที่จะพูดออกมาอย่างนุ่มนวล
“ในเมื่อตอนนี้รถพยาบาลก็มาไม่ทันแล้ว เธอจะยอมให้ฉันช่วยปู่ของเธอได้รึยัง ถ้าเธอยังตอบว่าไม่อีกฉันจะได้จากไปซะที”
เทียนทงที่ตกอยู่ในสภาพหมดสิ้นเรี่ยวแรงได้ถามออกมา
“นาย…นายช่วยปู่ฉันได้จริงๆเหรอ”
“ใช่ และก็รีบๆตัดสินใจด้วย แล้วก็ ถ้าเธอยังกอดเขาไว้อย่างนั้นฉันก็ช่วยเขาไม่ได้หรอกนะ”
เจียงฮ่าวได้พูดออกมาในขณะที่กำลังจ้องมองชายชราที่หายใจรวยรินลงไปทุกที
“ก็ได้ ฉันเชื่อนาย”
เทียนทงกัดฟันพูดออกมา และนี่เองถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของเธอ
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงฮ่าวได้รีบเข้าไปช่วยเหลือชายชราโดยใช้มือกดไปบนร่างของชายชราในทันที