บทที่ 75 พลังแห่งแฮคเกอร์กรุยทางสู่นรกให้
ในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองเทียนเฮอก็ได้ปรากฏหน้าต่างหนึ่งขึ้นมาบนหน้าจะคอมพิวเตอร์ของทุกคน แถมยังเป็นแบบบังจอจนมิดอีกด้วย
ณ หอพักมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซิ่วเทียนฉิงที่กำลังใส่หูฟังเล่นเกมยิงอย่างใจจดใจจ่อ
ในตอนนี้เอง ในขณะที่เขากำลังเล็งปืนไปที่ผู้เล่นบางคน ตอนนั้นเองก็ได้มีหน้าต่างข้อความปรากฎขึ้นมาจนบังหน้าจอของเขามิดในทันที
“อะไรวะเนี่ย เกิดห่าเหวอะไรขึ้นกัน ฉันจะฆ่าได้อยู่แล้วเชียว”
และตอนนี้เขารู้สึกได้ว่ายังไม่ใช่เวลามาโกรธ
เขาได้รีบมองหาปุ่มปิดหน้าต่าง แต่หายังไงก็หาไม่เจอ จนในที่สุดก็เผลอไปกดเปิดดูเนื้อหาของหน้าต่างนี้
ตัวเขานั้นรู้สึกราวกับว่าชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว
ต่อให้เขากลับไปในเกมได้ตัวเขาในเกมก็คงจะตกตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้เห็นข้อความบางอย่างของหน้าต่าง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปและรีบกดเข้าไปดูรายละเอียดในทันที
เมื่อเขาอ่านจบในรวดเดียว เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกในทันใด
“ห้ะ”
ตามมาด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างแท้จริง
“ไอ้ระยำ เมืองเทียนเฮอมีสัตว์นรกแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย คนแบบนี้สมควรจะถูกลากคอมายิงทิ้ง”
ในตอนนี้เอง ซิ่วเทียนเหอไม่ใช่คนเดียวที่บังเกิดความรู้สึกนี้หลังจากได้ดูเนื้อหานี้
ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังเปิดคอมพิวเตอร์อยู่ ถูกบังคับให้เปิดหน้าต่างนี้และดูเนื้อหาข้างใน พวกเขาทุกคนรู้สึกโกรธแค้นในทันที
“ไอ้สัตว์นรกอย่างนี้เป็นถึงผู้บริหารของบริษัทชื่อดังเนี่ยนะ”
“ไอ้ระยำนี่ขายชาติโดยแท้ มันทำให้ชาวเมืองเทียนเฮอต้องขายหน้า”
“โหดร้าย ทั้งๆที่ทุกวันนี้บ้านเมืองมีขื่อมีแปรมีกฎหมาย แต่มันยังจ้างวานฆ่าผู้คนไปมากมายเพื่อเงินเนี่ยนะ”
“…”
แม้แต่ผู้คนในร้านอินเตอร์เนตเดียวกับเจียงฮ่าวก็ยังกล่าวสาบแช่งออกมา
เจียงฮ่าวรู้สึกมีความสุขในทันที่เห็น
และด้วยเหตุนี้ทำให้เรื่องดำมืดของฉินหมิงพร้อมหลักฐานได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ตำรวจไซเบอร์เองก็ยังเจอหน้าต่างนี้แต่ก็ทำอะไรกับหน้าต่างนี้ไม่ได้
แต่เมื่อได้เห็นเนื้อหาแวบหนึ่งทำให้ตำรวจเหล่านั้นตื่นตัวจนรีบเข้าไปดูเนื้อหาในทันที พร้อมทั้งเตรียมที่จะทำการตรวจสอบหลักฐานต่างๆอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องตกตะลึง นั่นก็เพราะว่าคดีที่ปรากฎอยู่ในวิดีโอนี้คือคดีที่ไม่สามารถปิดลงได้ และเมื่อเลื่อนไปดูเนื้อหา และนำสิ่งเหล่านี้มาพิจารณาเป็นหลักฐานประกอบ พวกเขาก็พบว่าหลักฐานเหล่านี้ช่วยคลี่คลายคดีเหล่านั้นได้อย่างกระจ่าง
นี่ทำให้ตำรวจ รีบเคลื่อนไหวในทันที
“…..”
ในสำนักงานของฉินหมิง ตัวมันนั้นยังคงนอนเอนกายพักผ่อนปิดเปลือกตาลงอย่างสบายอารมณ์
เป็นตอนนี้เอง โทรศัพท์ของมันก็ได้ดังขึ้นมา
ฉินหมิงสะดุ้งตื่นในทันทีที่ได้ยิน มันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะรับโทรศัพท์ที่วางเอาไว้บนโต๊ะ เมื่อลองดูเบอร์โทรเข้ามาก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ถึงแม้จะรู้สึกผิดสังเกตแต่ในที่สุดมันก็ยอมรับสาย
“เฮ้”
เสียงที่ตัวมันไม่คุ้นเคยได้ดังมาจากโทรศัพท์
“อสรพิษ ฉันนกฮูก ถึงไหนแล้ว”
“นกฮูก?”
เพียงแค่เอยชื่อมาทำให้พวกเขานั้นรู้สึกคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี หลังจากที่ฉินหมิงได้เผลอพึมพำชื่อนี้ออกมานั้น มันรู้สึกได้ถึงบางอย่างจากคำพูดของนำฮูกเมื่อครู่นี้ มันจึงรีบตอบกลับไป
“อยู่สำนักงาน เกิดอะไรขึ้น”
“สำนักงาน”
นกฮูกได้ตะคอกผ่านโทรศัพท์ออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ทำไมแกไม่รีบหนีวะ แกจะอยู่ที่นั่นทำหอกอะไร ตอนนี้แกถูกเปิดโปงแล้วนะเว้ย ตอนนี้ทั่งทั้งอินเตอร์เน็ตมีแต่เรื่องที่แกก่อไว้ไปทั่วแล้ว”
“นี่แกไปหาเรื่องใครไว้ว่ะเนี่ย”
“ช่างแม่งเถอะ ต่อจากนี้จะไม่มีการติดต่อกันอีก และแกเองก็ควรจะสวดมนต์ให้ศพสวยที่สุดก็แล้วกัน”
แต่ละคำพูดที่หลุดจากปากนกฮูกมานั้นราวกับปืนกล ที่พูดออกมาอย่างไม่หยุดยังในชั่วลมหายใจเดียวและก็ได้วางสายไป
“ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด”
เสียงโทรศัพท์ที่ตัดสายไป ยังดังก้องอยู่ในหูของเขา
“หาเรื่องใคร…” “ไม่มีโว้ย”
ในตอนนี้เอง ถึงแม้ฉินหมิงยังคงสับสนแต่เขาก็ยังเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพียงปราดเดียว หน้าของเขาก็ถอดสีในทันที
“จบ…แล้ว…”
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์อันโชกโชน เขารีบออกจากสำนักงานในทันทีอย่างไม่รอช้าแต่อย่างใด