บทที่ 122 มีเพียงยากและยากยิ่งกว่ายาก
เจียงฮ่าวได้รีบพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่น่าประหลาดใจ และมีเพียงเจียงฮาวคนเดียวเท่านั้นที่รีบวิ่งออกมาที่ประตูของโรงเรียน ส่วนกับคนอื่นนั้น พวกเขาเดินออกมาจากห้องสอบอย่างช้าๆ ทีละคนสองคน
เมื่อเจียงฮาวได้เป็นคนแรกที่ก้าวออกไปยังประตูของโรงเรียนนักข่าวจํานวนหนึ่ง ที่กําลังดักรอทําข่าวอยู่นั้นก็ได้รีบพุ่งมารุมล้อมเจียงฮ่าวอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“ขอโทษนะ เธอเป็นผู้เข้าสอบด้วยรึเปล่า”
“ขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมคะว่าการสอบเข้าวิชาภาษาจีนในครั้งนี้มีความยากง่ายมากน้อยขนาดไหน”
“คุณคิดว่าจะได้คะแนนสอบสักกี่คะแนนครับ”
เจียงฮาวพยักหน้ารับสัมภาษณ์ด้วยท่าทีสุขุม
“ข้อสอบที่ใช้สอบเข้าวิชาภาษาจีนในครั้งนี้นั้นผมว่าค่อนข้างง่ายเลยนะครับ ผมใช้เวลาทําข้อสอบเพียงสามสิบนาทีเท่านั้น ส่วนเรื่องคะแนนนั้นผมว่าคงได้สัก 145 คะแนนไม่ก็เต็มไปเลยนั่นแหล่ะครับ”
เพียงสิ้นสุดคําสัมภาษณ์ของเจียงฮ่าว เหล่านักข่าวและตากล้องต่างก็ทําตาปรือกันเป็นแทบพลางคิดออกมาคล้ายๆกัน
คําถามปีนี้มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
ไม่นาน ทุกคนก็เริ่มตั้งสติได้และเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา
“ หรือว่าเราจะเจอพวกหัวกะทิ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เหล่านักข่าวได้หลี่ตาลงมองและแย่งกันสัมภาษณ์ในทันที
หลังจากยื้อยุติฉุดกระชากกันพักหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจจ่อไมค์ทั้งหมดไปตรงหน้าของเจียงฮ่าว
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นนักเรียนของโรงเรียนไหนเหรอคะ”
“ขอทราบเกรดของคุณก่อนหน้านี้ได้ไหมครับ”
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เจียงฮ่าวก็ได้หลุดพ้นจากนักข่าวที่กําลังบ้าคลั่ง
ภายใต้สายตาอันกระตือรือล้นของนักข่าวนั้น เจียงฮาวรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ เขารีบวิ่งกลับบ้านโดยไม่คิดจะหันหลังกลับมามองเลยแม้แต่น้อย
นักข่าวกลุ่มนี้จะบ้าเลือดเกินไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขานั้นไม่ได้รับรู้เลยว่าแม่ของตนนั้น ในตอนนี้กําลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความภูมิใจแบบสุดๆ
เพียงไม่นาน นักเรียนกลุ่มถัดไปก็ได้ออกมาจากโรงเรียนที่เป็นสนามสอบ
แต่ว่าถ้าทางของพวกเขานั้นช่างแตกต่างจากท่าทางของเจียงฮ่าวอย่างสิ้นเชิง
ท่าทางผิดหวังได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด แทบยังปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของทุกคน ความต่างที่เหล่านักข่าวเห็นได้นั้นคือ ผิดหวัง ผิดหวังน้อย และผิดหวังมากชนิดที่ว่าราวกับจะร้องไห้
เมื่อเห็นนักเรียนกลุ่มนี้ออกมา นักข่าวก็ได้รีบเข้าไปสัมภาษณ์ในทันทีเผื่อว่าเขานั้นจะได้เนื้อหาข่าวใหม่ๆขึ้นมา
“ขอถามได้ไหมคะว่าขอสอบเข้ามหาวิทยาลัยวิชาภาษาจีนปีนี้มีความยากมากน้อยขนาดไหน”
“ยากเหรอ…จะไม่ยากได้ยังไงกัน ผมเขียนคําตอบได้ไม่ทุกข้อเลยด้วยซ้ํา”
“ไอ้ฉิบ…ผมก็เหมือนกันไอ้ข้อสอบ… เฮ้ออออ ผมรู้สึกว่าข้อสอบเข้าในครั้งนี้ยากที่สุดในรอบสิบปีเลยด้วยซ้ํา”
“พระเจ้าทรงโปรด ปีนี้ชะตาของฉันก็ไม่มีอีกแล้วสินะ”
เหล่านักเรียนผู้เข้าสอบทุกคนนั้น ในตอนนี้แทบจะก่นด่าคนออกข้อสอบให้เหล่านักข่าวเห็นกันแทบจะถ้วนน่า นี่ทําให้เหล่านักข่าวนั้นต่างก็แสดงสีหน้าที่โง่งมออกมา
ไม่ใช่ว่านักเรียนคนแรกที่ออกมานั่นก็ทําข้อสอบชุดเดียวกันหรอกเหรอ
แล้วเขานั้นไปเอาความมั่นใจมาได้มากมายขนาดไหนกัน แถมยังมั่นใจมากว่าต้องได้ไม่น้อยกว่า 145 คะแนน
แล้วทําไมกับนักเรียนกลุ่มนี้ถึงได้มีบรรยากาศต่างกันมากมายขนาดนี้ได้
ตอนแรกพวกเขาเองก็คิดเพียงว่าอาจจะไปเผลอสัมภาษณ์คนที่เรียนไม่ดีหรือไม่ก็พวกที่เป็นจุดล้มเหลวแห่งการศึกษา พวกเขาจึงได้ตัดสินใจสัมภาษณ์ผู้เข้าสอบคนอื่นแบบสุ่มๆดู
แต่นักข่าวทุกคนนั้นกลับได้คําตอบที่จะเป็นบทสรุปของข้อสอบวิชาภาษาจีนนี้มา
หากให้พูดสรุปในหนึ่งคํายาก
หากให้พูดสรุปในสองคํายากมาก
หากให้พูดสรุปประโยค นั่นก็คือ ยากเสียยิ่งกว่ายาก
และในตอนนี้ ทุกคนก็ได้นึกถึงท่าทีอันนิ่งสงบและเบิกบานของเจียงฮ่าวแล้ว พวกเขาตั้งสมติฐานไว้สองข้อ
ข้อแรก เจียงฮ่าวคือนักเรียนขั้นเทพ
ข้อสองเจียงฮ่าวคือนักเรียนที่เสียสติเพราะข้อสอบ
ช่วงบ่าย สอบวิชาเลข
เจียงฮ่าวยังคงเป็นคนแรกที่ออกจากโรงเรียน เมื่อนักข่าวได้เห็นเจียงฮ่าวอีกครั้งก็ถึงกับต้องนิ่งอึ้งไป
พวกเขาในตอนนี้จดจําเจียงฮาวได้ถึงขั้นฝังลึกในดวงใจ
หลังจากมองกันด้วยสายตาที่นิ่งเงียบอยู่นาน พวกเขาก็เริ่มพุ่งเข้าหาเจียงฮ่าวอย่างสุดกําลัง
“ขอถามได้ไหมคะว่าข้อสอบเลขปีนี้เป็นยังไงบ้าง”
“พบข้อสอบที่ยากจนแก้ไม่ได้รึเปล่าครับ แล้วคุณคิดว่าจะทําได้กี่คะแนน”
เจียงฮ่าวไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเจอกับเหล่านักข่าวอีกครั้งในระหว่างออกจากโรงเรียนที่สอบ
เมื่อได้เห็นเหล่านักข่าวที่หิวกระหาย…ดวงตาที่ราวกับเห็นเนื้อชิ้นโตเมื่อจ้องมองมายังเขา เขาก็ได้บังเกิดความกลัวขึ้นมาและพบว่าคนกลุ่มนี้คือนักข่าวเมื่อตอนสอบคาบเช้า
ก่อนที่จะได้ตัดสินใจวิ่งฉากหลบออกไป เขาก็ถูกรุมล้อมจนไม่มีทางให้เขาถอยได้แล้ว